Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ images, นางสาวอาแอเสาะ ยูโซ๊ะ…
ความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ
การบริหารจัดการ (Management Hierarchy)
• ระดับกลาง (Middle Management)
• ระดับล่าง (Lower Management)
• ระดับสูง (Top Management)
ปัจจัยทางด้านการจัดการ
• วิธีการ (Metode)
• ตลาด (Market)
• วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ (Materials)
• เครื่องจักรเครื่องกล (Machine)
• เงิน (Money)
• คุณธรรม (Moral)
• คน (Man)
กระบวนการบริหารจัดการ (Process Management)
POLC
POSDC
• การนำเข้า (Input)
6 m’s
8 m’s
4 m’s
POSDCORB
• การส่งออก (Output)
วัตถุประสงค์ (Object)
เป้าหมาย (Goals)
• การย้อนกลับของข้อมูล (Feedback)
การจัดการจะต้องมี
• ศาสตร์ (Science)
เป็นความรู้ (Knowledge)ความเข้าใจในหลักบริหาร
• ศิลป์ (Art)
เป็นทักษะที่เกิดจากความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน
ทฤษฎีการจัดการ
3.กลุ่มการจัดการเชิงปริมาณ
การจัดการแบบวิทยาการ (Management Science)
การตัดสินใจต้องพิจารณาทางเลือกต่างๆ จากข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆ หรือใช้การวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์
การใช้โมเดลสถานการณ์จำลองก่อนนำไปใช้จริง
เป็นการรำเอาวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่คำนึงถึงเหตุผล
การจัดการปฏิบัติการ (Operations management)
การจัดการใช้เทคนิคเชิงปริมาณ
การคิดค้นออกแบบระบบ
ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (management information systems)
การพัฒนาระบบข้อมูล
ผู้บริหารสามารถเรียกใช้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
4.กลุ่มการบริหารจัดการปัจจุบัน
การจัดการองค์การ
หลักการแบ่งงานกันทำตามความสามารถ (Job specialization)
มิติของงาน (Task dimensions)
คำบรรยายลักษณะงาน (Job descriptions)
ประเภท
องค์การที่ไม่เป็นทางการ (Informal organization)
ระบบความสัมพันธ์ภายในองค์การเป็นแบบส่วนตัว
มีการรวมตัวกันอย่างหลวมๆ
มีลักษณะโครงสร้างที่ไม่แน่นอน
ไม่มีการกำหนดวัตถุประสงค์ล่วงหน้า
ไม่มีการระบุอำนาจหน้าที่และตำแหน่งของสมาชิก
การรวมตัวกันเพื่อตอบสนองความต้องการทางสังคม
มีความยืดหยุ่นมาก
องค์การที่เป็นทางการ (Formal organization)
มีกฎระเบียบในการควบคุมพฤติกรรมของสมาชิก
มีการแบ่งอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ
มีการดำหนดโครงสร้างที่แน่นอน
ความสัมพันธ์ของสมาชิก เน้นในเรื่องงานเป็นหลัก
มีการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
มีความยืดหยุ่นน้อย
การจัดโครงสร้างองค์การ
การจัดโครงสร้างองค์การแบบสูง
การจัดโครงสร้างองค์การแบบราบ
การพิจารณาตัวงานและการติดต่อสัมพันธ์กันระหว่างงาน
ความสำคัญของงาน (Task significance)
ความมีอิสระ (Autonomy)
เอกลักษณ์ของงาน (Task identity)
ข้อมูลย้อนกลับ (Feedback)
ทักษะที่หลากหลาย (Skill variety)
เทคนิคการบริหารจัดการ
การรื้อปรับระบบ (Reengineering)
เทคนิคการจัดการแบบ 5 ส
การควบคุมคุณภาพ (Quality control) :QC and QCC
กลยุทธ์การจัดการ เพื่อให้เกิดความเป็นเลิศ (Best Practices)
การจัดการตามวัตถุประสงค์ (Management by object) : MOB
1.กลุ่มการจัดการแบบคลาสสิค
การจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific management )
• Henry L.Gantt ผู้สนับสนุนแนวความคิดของ Taylor เป็นวิศวกรรมอุตสาหกรรม ได้เริ่มงานโดยการพิจารณาระบบผลตอบแทนแบบจูงใจของเทเลอร์ (Talor)
พัฒนาแผนภูมิ บันทึกความก้วหน้าของงานเทียบเวลา
สร้างแรงจูงใจพิเศษในรูปของโบนัส
ฝึกอบรมพนักงานเพื่อเพิ่มผลผลิต
• Frederick W. Taylor เป็นกระบวนการจัดการที่อาศัยหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ในการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพใช้หลักเหตุผลสามารถพิสูจน์หาข้อเท็จจริงได้
ใช้ทรัพยากรน้อยสุดใช้วิธีการดีสุด
คัดเลือกคนดีที่สุดมาทำงาน
การจัดการที่ใช้แรงงานในการทำงานน้อยสุด
การฝึกอบรมด้วยวิธีการดีสุดในการทำงาน
ให้ค่าตอบแทนเป็นธรรม ซึ่งเป็นที่หวังได้ว่างานจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
การจัดการแบบระบบราชการ (Bureauratic management)
• Max Waber เห็นว่าผู้นำหรือนักบริหารจะบริหารงานให้มีประสิทธิภาพได้ ขึ้นอยู่กับการที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชายินยอมที่จะปฏิบัติตาม และจะต้องมีระบบการบริหารมาดำเนินการให้คำสั่งมีผลให้บังคับได้
ในการยึดหลักกฎหมายและบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (Evidence and Reference)
ระบบคัดเลือกคนงาน (Formal Selection)
องค์การนั้นๆต้องมีสายบังคับบัญชาตามลำดับชั้น (Authority Hierarchy)
ความไม่เลือกที่รักมักที่ชัง (Impersonality)
องค์การต้องมีระเบียบและกฎเกณฑ์ (Formal Rules and Regulations)
การแยกระบบการทำงานออกเป็นสายอาชีพ (Career Orientation)
มีการแบ่งงานกันทำตามแนวราบ (Herizontal Delegation)
การจัดการตามหลักการบริหาร (Administrative management)
หลักการจัดการองค์กรสู่ความสำเร็จตามแนวคิดของ Henri Fayol เชื่อว่าประสิทธิภาพขององค์การจะเพิ่มขึ้นได้โดยการปรับปรุงกระบวนการบริหาร
C – Coordination : การประสานงาน
C – Controlling : การควบคุม
C – Commanding : การบังคับบัญชาสั่งการ
O – Organizing : การจัดองค์กร
P – Planning : การวางแผน
Guick and Urwick เสนอแนวคิดกระบวนการบริหาร ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี ชื่อว่า ‘ POSDCoRB” อันเป็นคำย่อของภาระหน้าที่ที่สำคัญของนักบริหาร 7 ประการ
D (Directing) การสั่งการ
CO (Co-ordinating) การประสานงาน
S (Staffing) การจัดบุคลากรปฏิบัติงาน
R (Reporting) การรายงาน
O (Organizing) การจัดองค์การ
B (Budgeting) การจัดทำงบประมาณ
P (Planning) การวางแผน
Oliver Sheldon ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างการจัดการ (Management) และการบริหาร (Administration)
การจัดการ (Management)
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำนโยบายและแผน มาดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดขึ้นไว้
เป็นกระบวนการเพื่อประสานงานระหว่างบุคคลหรือระหว่างกลุ่มบุคคลในองค์กร
การบริหาร (Administration)
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกำหนดนโยบาย การวางแผน และประสานงานในหน้าที่ต่าง ๆ
Henri Fayol
ทฤษฎีบริหารจัดการ POCCC เน้นการบริหารจัดการรอบด้านและครอบคลุม ตั้งแต่การวางแผน, การปฎิบัติการ, การจัดโครงสร้างองค์กร ไปจนถึงการควบคุมการทำงานให้เป็นไปตามมาตรฐานที่วางไว้
C – Commanding : การบังคับบัญชาสั่งการ
C – Coordination : การประสานงาน
O – Organizing : การจัดองค์กร
C – Controlling : การควบคุม
P – Planning : การวางแผน
Peter F.drucker แนวคิดการบริหารธุรกิจ จะมีหลักวิชาการรองรับและมีวิธีคิดที่เป็นระบบแบบแผน แต่แนวคิดที่เป็นจุดเด่นของดรักเกอร์ คือความพยายามที่จะเข้าใจความซับซ้อนต่างๆ ของสังคม
การนำ/จูงใจ (Leading)
การวางแผน (Planning)
การควบคุม (Control)
การจัดองค์การ (Organizing)
2.กลุ่มการจัดการเน้นมนุษยสัมพันธ์
ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการมนุษย์ ของ Maslow
ความต้องการความปลอดภัยและมั่นคง (security or safety needs)
ความต้องการทางร่างกาย (physiological needs)
ความต้องการความรักและความเป็นเจ้าของ (belongingness and love needs)
ควาความต้องการความสำเร็จในชีวิต (self-actualization)มต้องการการยกย่อง (esteem needs)
ทฤษฎีของ Douglas Mc Gregor
ทฤษฎี X คือคนประเภทเกียจคร้าน ในการบริหารจึงควรใช้มาตรการบังคับ มีระเบียบกฎเกณฑ์คอยกำกับ มีการควบคุมการทำงานอย่างใกล้ชิด และมีการลงโทษเป็นหลัก
ทฤษฎี Y คือคนประเภทขยัน ควรมีการกำหนดหน้าที่การงานที่เหมาะสม ท้าทายความสามารถ สร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติงานเชิงบวก และควรเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการบริหารงาน
แนวความคิดของ Elton Mayo เป็น บิดาแห่งการจัดการแบบมนุษยสัมพันธ์ การให้ความสำคัญกับผู้ปฏิบัติงานทุกระดับและเอาใจใส่ดูแลเขา ให้ความเป็นกันเองกับเขามากกว่าคนงาน ย่อมทำให้มีผลงานเพิ่มขึ้น
ประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ดีเท่านั้น แต่ยังขึ้นกับการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์การด้วย
กลุ่มทำงานจะเป็นผู้กำหนดคุณลักษณะของสมาชิก
เมื่อพนักงานในระดับสูงสามารถจูงใจด้านจิตใจ จะมีความสำคัญมากกว่าจูงใจด้วยเงิน
นางสาวอาแอเสาะ ยูโซ๊ะ รหัสนักศึกษา 646215009 แผน ข