Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัด (Measles หรือ Rubeola), นางสาวอัสวานา โต๊ะหลงหมาด เลขที่ 99 ปี 3 -…
โรคหัด (Measles หรือ Rubeola)
การป้องกันโรค
ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยโรคหัด
เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนหรือเด็กที่เคยเป็นโรคหัดไม่ต้องทำอะไร
เด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนและไม่เคยเป็นโรคหัด
ถ้าเด็กมีร่างกายแข็งแรงก็ปล่อยให้เป็นโรคหัดตามธรรมชาติ และแนะนำวิธีการดูแลแก่ผู้ปกครอง
ถ้าเด็กมีภูมิคุ้มกันโรค และสัมผัสโรคหัดในระยะติดต่อไม่เกิน 2 วัน ควรให้วัคซีนป้องกันโรคหัดถ้าสัมผัสกับโรคเกิน 2 วันไปแล้วควรให้ gamma globulin
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้แก่เด็กเมื่ออายุประมาณ 1 ปี จะเกิดภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสแพร่เชื้อไวรัสหัดสู่ผู้ป่วยอื่นในระยะก่อนผื่นขึ้น 4-5 วันให้การพยาบาลโดยใช้หลัก Airborne precautions จนกระทั่งผื่นขึ้นแล้ว 4-5 วัน
มีการระคายเคืองของตา กลัวแสงจากการอักเสบของเยื่อบุตา
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะปอดอักเสบหูชั้นกลางอักเสบหรือท้องร่วง
อาการทางคลินิก
ตาแดง มีขี้ตามาก ไอ กลัวแสงสว่าง (ไม่ทุกราย) น้ำมูกไหล
มีไข้ เมื่อมีไข้ 2-3 วันจะตรวจพบ Koplk's spot ที่เยื่อบุช่องปาก (มีลักษณะเป็นจุดขาวเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวเข็มหมุดล้อมรอบด้วยผื่นแดงซึ่งจะหายไปหลังจากตื่นขึ้นแล้ว 1-2 วัน)
ลักษณะไข้จะค่อยๆขึ้นจนสูงสุดในวันที่ 3 หรือ 4 ซึ่งเป็นวันที่ผื่นเริ่มขึ้น และยังคงมีใช้ต่อไปอีก 2-3 วัน แล้วจะลดลงอย่างรวดเร็วบางรายอาจจะมีไข้สูงใน 1-2 วันแรกแล้วลดลงสู่ปกติ 1 วัน จากนั้นใช้จะเริ่มสูงขึ้นใหม่ และสูงสุดพร้อมกับมีผื่นขึ้น
ผื่นจะเริ่มขึ้นประมาณวันที่ 4 หลังจากเริ่มมีไข้ ลักษณะผื่นเป็นผืนนูนแดงเม็ดเล็ก ๆ คล้ายผดอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (Maculopapular rash) เริ่มขึ้นที่หลังหู ไรผม หน้าผาก ใบหน้า แล้วลามลงมาตามคอ หน้าอก แขน ท้อง และขาตามลำดับ
หลักการวินิจฉัยโรค
จากอาการทางคลินิก และประวัติการสัมผัสโรค
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจนับเม็ดเลือดขาวในวันแรกของโรค อาจมีจำนวนเม็ดเลือดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีผื่นขึ้นจำนวนเม็ดเลือดขาวมักปกติและมี lymphocyte สูงขึ้น
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก มักพบต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอดโต มี perihilar และ peripronchial infiltration ในรายที่มีปอดบวมแทรกซ้อน
หลักการรักษา
ให้ยา Antiviral
รักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ยาแก้ไอ
การพยากรณ์โรค
ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 7-10 วันผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้ป่วยขาดอาหารหรือได้ยากดภูมิต้านทานอาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น และอาการอาจรุนแรงถึงแก่ความตายได้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีถ้าเป็นโรคหัดมักจะมีโรคแทรกซ้อนและอัตราตายสูงกว่าเด็กโต
ภาวะแทรกซ้อน
หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หูส่วนกลางอักเสบ อุจจาระร่วง สมองอักเสบ ในเด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเออาการจะรุนแรงและอาจทำให้มีตาบอด
พยาธิสรีรภาพ
เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางจมูก หรือปาก และแพร่ไปตามต่อมน้ำเหลือง เข้าสู่กระแสเลือดและไปแบ่งตัวเพิ่มจำนวนในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ม้าม ไขกระดูก แล้วกลับออกมาในกระแสเลือดอีกครั้งทำให้มีอาการทั่วร่างกาย และผู้ป่วยจะมี hyperplasia ของต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย
นางสาวอัสวานา โต๊ะหลงหมาด เลขที่ 99 ปี 3