Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่7 กระบวนทัศน์หลักทางการพยาบาล, A6480094นางสาวณัชชา ชาวประทุม - Coggle…
บทที่7 กระบวนทัศน์หลักทางการพยาบาล
มโนทัศน์พื้นฐานทางการพยาบาล
ความรู้ ความคิด ความเชื่อ ในสิ่งที่เป็นพื้นฐานของการพยาบาล
ประกอบด้วยความรู้พื้นฐานในมโนมติ
มโนมติของคน(Man)
1.คน
1.1 กายหรือร่างกาย ประกอบด้วยส่วนของโครงสร้างและหน้าที่การทำงานของร่างกายของบุคคล
1.2 จิตหรือจิตใจ ประกอบด้วย 3 ส่วนย่อยคือ
1.2.1 อารมณ์และความรู้สึก
1.2.2 จิตวิญญาณ(Spirit)
1.2.3 สติปัญญา หรือความคิด
1.3 สังคม
คนเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น บทบาท หน้าที่ ของตนที่ปฏิบัติบุคคลอื่นอย่างไร ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่
2.คนเป็นระบบเปิด
ต้องปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา
การรับและการให้เกิดขึ้นได้ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมโดยมีความสัมพันธ์กัน
3.คนมีความต้องการพื้นฐาน
ร่างกาย จิตใจและสังคม
ตามทฤษฎีความต้องการของมาสโลว์
4.คนมีพัฒนาการ
การพัฒนาการจะเป็นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดจนถึงวัยชรา
การพัฒนาการจะเป็นลำดับขั้น ในแต่ละด้านแต่ละขั้นตอนจะมีลักษณะเฉพาะ
5.คนมีความต้องการภาวะสมดุล หรือภาวะปกติ
กระบวนการปรับตัว หรือกลไกการต่อสู้เพื่อสมดุล
5.1ความต้องการดำรงภาวะสมดุล
5.2 ความต้องการปรับสู่ภาวะสมดุล
โดยกลไกการปรับสู่ภาวะสมดุล
6.คนมีลักษณะพื้นฐานร่วมกันแต่มีความเป็นปัจเจกบุคคล
ระดับการพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย จิตสังคม และประสบการณ์ในชีวิต
คนแต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะของตนเองเรียกว่า ความเป็นปัจเจกบุคคล
7.คนมีสิทธิของตน
สิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเอง
สิทธิในการได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย
สิทธิในการได้รับการรักษาพยาบาลเมื่อการเจ็บป่วย
8.คนมีศักยภาพในการช่วยเหลือ
การช่วยตนเองในกิจวัตรประจำวัน
การแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง
มโนมติของสิ่งแวดล้อม(Environment)
1.สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ
ความร้อน
แสง
เสียง
รังสี
อากาศ
ดิน
น้ำ
ลม
ที่พักอาศัย สิ่งก่อสร้างต่างๆ
2.สิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ
สิ่งมีชีวิตต่างๆทั้งพืช และสัตว์ที่มีขนาดเล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ตัวอย่างสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ
แบคทีเรีย
ไวรัส
ปรสิต
3.สิ่งแวดล้อมทางเคมี
สารเคมีทุกชนิด รวมทั้งอาหาร ยา
ซึ่งอาจมาจากสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งไม่มีชีวิต
4.สิ่งแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ
สิ่งแวดล้อมทางสังคมเป็นรูปธรรมที่สำคัญ คือ บุคคลมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และบทบาทต่อกัน
หน่วยสังคมที่สำคัญที่สุดคือ ครอบครัว
คนในครอบครัวเป็นสิ่งแวดล้อมซึ่งกันและกันทั้งก่อให้เกิดผลดีและผลเสียต่อกันได้
ความเชื่อ ค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณี กฏหมาย ศาสนา
อากาศที่บริสุทธิ์มีส่วนช่วยทำให้คนมีร่างกายแข็งแรง
มโนมติของสุขภาพ(Health)
ภาวะสุขภาพดี(Wellness)
สุขภาพ(Health)
ไนติงเกิล(Nightingale,1860)
องค์การอนามัยโลก(WHO,1947)
ภาวะที่มีความสมบูรณ์ของร่างกาย จิตใจ และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขมิใช่เพียงแต่ปราศจากโรคและความพิการเท่านั้น
องค์การอนามัยโลก(WHO,1947)
ภาวะที่ร่างกายมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ ปราศจากโรคและความพิการใดๆ
พระราชบัญญัติแห่งชาติ ในมาตราที่3
กาย ทางจิต ทางสังคม และทางจิตวิญญาณ
เจ็บป่วย(lllness)
บางคนอาจป่วยหนักตั้งแต่แรกเกิดและเสียชีวิต
พลวัตรและต่อเนื่อง
ในขณะหนึ่งคนอาจอยู่ในภาวะที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่ก็อาจอยู่ในภาวะเจ็บป่วยได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
มโนมติของการพยาบาล (Nursing)
1.การพยาบาลเป็นการช่วยเหลือคน
เพื่อให้คนสามารถดำรงภาวะสุขภาพไว้/ช่วยให้คนกลับสู่ภาวะสุขภาพดีเมื่อเจ็บป่วย
2.การพยาบาลที่จะช่วยเหลือให้คนมีภาวะสุขภาพดี หรือปรับสู่ภาวะสุขภาพดี
2.1การส่งเสริมสุขภาพ
ส่วนใหญ่เป็นการช่วยในการสร้างพฤติกรรมสุขภาพหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
2.2การป้องกันโรค
ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม
2.2.1การป้องกันระดับที่1 (primary prevention)
การกระทำที่เป็นการป้องกันโรคบางโรคเป็นการเฉพาะ
2.2การป้องกันระดับที่2 (secondary prevention)
ส่งเสริมการตรวจพบผู้ป่วยตั้งแต่ โรคยังไม่ปรากฏอาการเพื่อให้สามารถให้การรักษาได้ทันท่วงที
2.3การป้องกันระดับที่3 (tertiary prevention)
สอนให้รู้จักการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
2.3การดูแลรักษา
ความกลัววิตกกังวล
มุ่งเน้นการบำบัด
ศิลปะในการติดต่อสื่อสาร
2.4การฟื้นฟูสภาพร่างกาย
เป็นผู้ให้กำลังใจ ให้ความหวัง ชื่นชมและยกย่องผู้ป่วย
3.การพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาลในการช่วยเหลือผู้รับบริการ
กระบวนการพยาบาลจะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อความต้องการของผู้รับบริการได้รับการตอบสนองหรือปัญหาได้รับหารแก้ไข/ปัจจัยเสี่ยงได้รับการจัดการให้หมดสิ้นไป
4.การพยาบาลเป็นบริการที่จำเป็นต่อสังคม
ถ้าขาดการพยาบาลที่มีคุณภาพ อาจจะส่งผลให้คนไม่สามารถดำรงภาวะสุขภาพดีไว้ได้หรือปรับตัวสู่สุขภาพดี
กระบวนทัศน์หลักทางการพยาบาล
มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือคนให้สามารถดำรงภาวะสมดุลหรือภาวะสุขภาพดีได้ และช่วยเหลือคนที่เจ็บป่วยให้ปรับตัวกลับสู่ภาวะสมดุล
ความสำคัญของมโนมติพื้นฐานทางการพยาบาล
เป็นพื้นฐานของการพัฒนาศาสตร์ทางการพยาบาล
เป็นพื้นฐานของการวิจัยทางการพยาบาล
เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติทางการพยาบาล
เป็นพื้นฐานของการจัดการศึกษาพยาบาล
แนวคิดภาวะสุขภาพ การเจ็บป่วยและการพยาบาล
ภาวะสุขภาพจึงเป็นความต้องการสูงสุดของบุคคล สุขภาพดีจะช่วยให้กระบวนการเจริญเติบโต พัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมเป็นไปได้ด้วยดี
ความเจ็บป่วยยัง(illnes)
ร่างกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณ
แต่ถ้าหากบุคคลนั้นพอใจในสภาพการณ์ที่เป็นอยู่และสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็ถือได้ว่ามีสุขภาพดี
มโนทัศน์และทฤษฎีทางการพยาบาล
ทฤษฎีทางการพยาบาล
แก่นสาระความรู้ของวิชาชีพพยาบาล มุ่งอธิบายธรรมชาติของคน สิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อบุคคล ภาวะสุขภาพ ความเจ็บป่วยของบุคคลโดยมีเป้าหมายของการพยาบาลและกิจกรรมการพยาบาล
กระบวนทัศน์
กรอบการมองหรือกรอบเค้าโครงแนวคิด แบบอุดมคติหรือปรัชญาที่เป็นที่ยอมรับในกลุ่มวิชาชีพ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติ วิจัย และสร้างเข้าใจในศาสตร์เป็นแนวเดียวกัน
METAPARDIGM
กระบวนการทัศน์ทางการพยาบาล ประกอบด้วยมโนทัศน์หลักเกี่ยวกับ
Person
Health
Environment
Nursing
CONCEPTUAL FRAMEWORK/MODEL
กลุ่มของมโนทัศน์ที่สัมพันธ์กันเป็นภาพรวมของปรากฎการณ์หรือความจริงที่ช่วยให้เห็นจุดเน้นของความคิด
ลักษณะพื้นฐานของทฤษฎี
การจำแนกทฤษฎีตามลักษณะการนำไปใช้
1.ทฤษฎีเชิงนิรนัย
ทฤษฎีการพยาบาลของคิง
ทฤษฎีการพยาบาลของรอย
ทฤษฎีการพยาบาลของนิวแมน
ทฤษฎีการพยาบาลของไลนิงเจอร์
ทฤษฎีการพยาบาลของวัตสัน
2.ทฤษฎีเชิงอุปนัย
การจำแนกทฤษฎีตามระดับความเป็นนามธรรม
1.ทฤษฎีอภิทฤษฎี (Meta – theory)
การสร้างทฤษฎีเชิงปรัชญา
2.ทฤษฎีระดับกว้าง (Grand theory)
นามธรรมสูง แนวทางการปฏิบัติ
ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรม
ทฤษฎีการปรับตัวของรอย
ทฤษฎีการดูแลเอื้ออาทรของวัตสัน
3.ทฤษฎีระดับกลาง (Middle Rang theory)
สามารถนำไปใช้อ้างอิงและขยายต่อได้
ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์
4.ทฤษฎีระดับปฎิบัติ (Practice theory)
สามารถทดสอบได้ง่าย และนำไปใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล
ประโยชน์ของทฤษฎีต่อการปฏิบัติการพยาบาล
เป็นแนวทางในการนำกระบวนการพยาบาล มาใช้ในการปฏิบัติการพยาบาล
แสดงถึงความเป็นเอกสิทธิ์ในวิชาชีพพยาบาล(Autonomy)
พัฒนาการของทฤษฎีทางการพยาบาล
1.ระยะก่อนปีค.ศ. 1960
พัฒนาพื้นฐานของทฤษฎีจากแนวคิดจิตวิทยา สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์สุขภาพ มนุษย์ศาสตร์ และพฤติกรรมศาสตร์
ค.ศ. 1950 :Nightingale
ค.ศ.1952:Hildegard Peplau
2.ระยะปี ค.ศ.1960-1970
ค.ศ.1961 Jean Orlando สร้างทฤษฎีชื่อ Nursing Process Theory
ค.ศ.1970 Martha E. Rogers สร้างทฤษฎี Science of Unitary Human Being
3.ระยะปีค.ศ. 1971-1980
ค.ศ. 1971 Dorothea E. Orem
Self - care Theory
ค.ศ.1974Sister Callista Roy
Roy’s Adaptation model
ค.ศ.1978 Madeleine Leininger
Transcultural nursing Theory
ค.ศ.1978 Jean Watson
Transpersonal Caring
4.ระยะปีค.ศ.1981-ปัจจุบัน
ระยะแรก
เน้นที่นำเอาทฤษฎีต่างๆที่ถูกสร้างขึ้นมาแล้วมาทดลองปฏิบัติ/พิสูจน์ข้อเท็จจริงตามข้อเสนอสมมุติฐาน
ระยะหลัง
เน้นพัฒนาทฤษฎีขึ้นมาใหม่พัฒนาระบบสารสนเทศทางการพยาบาล เพื่อเผยแพร่ความรู้
A6480094นางสาวณัชชา ชาวประทุม