Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัด (Measles หรือ Rubeola) - Coggle Diagram
โรคหัด (Measles หรือ Rubeola)
พยาธิสรีรภาพ
เชื้อเข้าสู่ร่างกายทางจมูกหรือปากและแพร่ไปตามต่อมน้ำเหลืองเข้าสู่กระแสเลือดและไปแบ่งตัวเพิ่ม จำนวนในอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ม้าม ไขกระดูก แล้วกลับออกมาในกระแสเลือดอีกครั้ง ท าให้มีอาการทั่ว ร่างกาย และผู้ป่วยจะมี hyperplasia ของต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย
อาการทางคลินิก
หลังจากสัมผัสกับคนที่เป็นโรคประมาณ 10-12 วัน
มีไข้
เมื่อมีไข้ 2-3 วัน จะตรวจพบ Koplik’s spot ที่เยื่อบุช่องปาก
(มีลักษณะเป็ นจุดขาวเล็ก ๆ ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด ล้อมรอบด้วยผื่นแดง ซึ่งจะหายไปหลังจากผื่นขึ้นแล้ว 1-2 วัน)
ลักษณะไข้จะค่อยๆ ขึ้นจนสูงสุดในวันที่ 3 หรือ 4 ซึ่งเป็นวันที่ผื่นเริ่มขึ้น และยังคงมีไข้ต่อไปอีก2-3 วัน แล้วจะลดลงอย่างรวดเร็ว บางรายอาจจะมีไข้สูงใน 1-2 วันแรก แล้วลดลงสู่ปกติ 1 วัน จากนั้นไข้จะเริ่มสูงขึ้นใหม่ และสูงสุดพร้อมกับมีผื่นขึ้น
ผื่นจะเริ่มขึ้นประมาณวันที่ 4 หลังจากเริ่มมีไข้ ลักษณะผื่นเป็ นผื่นนูนแดงเม็ดเล็ก ๆ คล้ายผดอยู่รวมกัน เป็นกลุ่ม (Maculopapular rash) เริ่มขึ้นที่หลังหู ไรผม หน้าผาก ใบหน้า แล้วลามลงมาตามคอ หน้าอก
แขน ท้อง และขา ตามลำดับ
ไอ
มีขี้ตามาก
กลัวแสงสว่าง (ไม่มีทุกราย)
ตาแดง
น ้ามูกไหล
หลักการวินิจฉัยโรค
จากอาการทางคลินิก และประวัติการสัมผัสโรค
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจนับเม็ดเลือดขาว ในวันแรกของโรคอาจมีจำนวนเม็ด
เลือดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อมีผื่นขึ้นจำนวนเม็ดเลือดขาว
มักปกติและมี lymphocyte สูงขึ้น
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก มักพบต่อมน ้าเหลืองที่ขั่วปอดโต มี perihilar และ peribronchial infiltration ในรายที่มีปอดบวมแทรกซ้อน
หลักการรักษา
ให้ยา Antiviral
รักษาตามอาการเช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอ
ภาวะแทรกซ้อน
หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หูส่วนกลางอักเสบ อุจจาระร่วง สมองอักเสบ ในเด็กที่มีภาวะขาดวิตามินเอ อาการจะรุนแรงและอาจท าให้มีตาบอด
การพยากรณ์โรค
ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 7-10 วัน ผู้ป่ วยที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้ป่วยขาดอาหารหรือได้ยากดภูมิต้านทาน อาจมีภาวแทรกซ้อนเกิดขึ้น และอาการอาจรุนแรงถึงแก่ความตายได้ ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ถ้าเป็นโรคหัดมักจะมีโรคแทรกซ้อนและอัตราตายสูงกว่าเด็กโต
การป้องกันโรค
ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้แก่เด็กเมื่ออายุประมาณ 1 ปี
จะเกิดภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต
ผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยโรคหัด
เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือน หรือเด็กที่เคยเป็นโรคหัด ไม่ต้องทำอะไร
เด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือน และไม่เคยเป็นโรคหัด
ถ้าเด็กมีร่างกายแข็งแรง ก็ปล่อยให้เป็นโรคหัดตามธรรมชาติ
และแนะนำวิธีการดูแลแก่ผู้ปกครอง
ถ้าเด็กมี ภูมิคุ้มกันโรคต่ำและสัมผัสโรคหัดในระยะติดต่อไม่เกิน 2 วัน
ควรให้วัคซีนป้องกันโรคหัด ถ้าสัมผัสกับโรคเกิน 2 วัน
ไปแล้ว ควรให้ gamma globulin
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะปอดอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบหรือท้องร่วง
มีโอกาสแพร่เชื้อไวรัสหัดสู่ผู้ป่วยอื่นในระยะก่อนผื่นขึ้น 4-5 วัน ให้การพยาบาลโดยใช้หลัก Airborne precautions
จนกระทั่งผื่นขึ้นแล้ว4-5 วัน
มีการระคายเคืองของตา กลัวแสงจากการอักเสบของเยื่อบุตา