Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

โรคความดันโลหิตสูง - Coggle Diagram

- - - - สูงปานกลาง
        
        160 - 179 (mm/Hg)
        100 - 109 (mm/Hg)
      - สูงมาก
        
        มากกว่า 180 (mm/Hg)
        มากกว่า 110 (mm/Hg)
      - สูงเล็กน้อย
        
        140 - 159 (mm/Hg)
        
        90 - 99 (mm/Hg)
  - - - ระดับความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัว มากกว่าหรือเท่ากับ 140 (mm/Hg) ขึ้นไป
    - - ระดับความดันโลหิตขณะที่หัวใจคลายตัว มากกว่าหรือเท่ากับ 90 (mm/Hg) ขึ้นไป
- - - - อาการปวดศีรษะจากโรคความดันโลหิตสูงพบได้ไม่บ่อยนักโดยทัวไปจะปวดตึงบริเวณท้ายทอย ต้นคอ มีอาการวิงเวียนศีรษะโดยเฉพาะเวลาตื่นนอนในตอนเช้า และจะทุเลาลงเอง อาจมีอาการคลื่นไส้ ตาพร่ามัว ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นมากในภาวะวิกฤติและเกิดขึ้นทันทีทันใด
    - - อาการปวดศีรษะแบบไมเกรนมากกว่าคนปกติ และผู้ที่เป็ นไมเกรนก็จะพบว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติรวมทั้งผู้ที่มีอาการปวดศีรษะข้างเดียวก็มักพบวาเป็ นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติ
    - - เป็นอาการที่พบไม่บ่อย ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป หากมีเลือดกาเดาไหล ส่วนมากถ้าไม่พบสาเหตุของโรคภายในโพรงจมูก ก็มักจะพบว่าเกิดจากการมีความดันโลหิตที่เพิ่มสูงขึ้น
    - - ที่อาจพบ ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย นอนไม่หลับ ใจสั่น อาจชัก หมด
        สติ เป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตได
  - - - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะทุกวัน
        
        ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
        
        ออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นประจำ เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ
        
        พักผ่อนให้เพียงพอและรักษาสุขภาพจิตให้ดีอยู่เสมอ
        
        ลดปริมาณของเกลือโซเดียมที่บริโภคไม่ให้เกินวันละ 2.4 กรัม
- - - - 1.สมอง
        
        มักเกิดจากภาวะหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก เนื่องจากการมีความดัน
        โลหิตสูงเป็ นเวลานานจะส่งผลให้ผนังหลอดเลือดในสมองหนาและแข็งตัว
      - 3.ไต
        
        เป็ นอวัยวะที่ ท าหน้าที่ขับของเสี ยรักษาสมดุลน ้าและเกลื อแร่ในร่างกาย
        
        นอกจากนั้นยังท าหน้าที่ผลิตสารที่ช่วยในการปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ เมื่อความดัน
        
        โลหิตสูงอยูนาน จะส่งผลให้หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไตมีผนังหนา เกิดการแข็งและตีบ
      - 4.หัวใจ
        
        หัวใจภาวะที่มีความดันโลหิตสูงนานๆ จะส่งผลให้หัวใจบีบตัวแรงขึ้นเพื่อต่อต้าน
        
        ความดันโลหิตที่เพิ่มสูงขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจก็จะปรับตัวโดยการเพิ่มความหนาของผนังกล้ามเนื้อหัวใจ
        
        เนื่องจากต้องสูบฉีดเลือดต้านกบความดันโลหิตที่สูง
      - 2.ตา
        
        มักเกิดภาวะจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากความดันโลหิตที่สูงจะส่งผลให้หลอด
        
        เลือดแดงภายในลูกตาเกิดการหนาตัวโดยในระยะแรกจะตีบ เกิดความดันในหลอดเลือดภายในลูกตา
      - 5.หลอดเลือด
        
        ภาวะความดันโลหิตที่สูง จะส่งผลให้ผนังหลอดเลือดเกิดการหนาตัวผนัง
        หลอดเลือดด้านในจะไม่เรียบ หากมีไขมันไปเกาะภายในผนังหลอดเลือด จะส่งผลให้เกิดการแข็งตัว
- - - - ลดการบริโภคอาหาร
      - หวาน มัน เค็ม ออกกาลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักให้อยูในเกณฑ์มาตรฐาน ลดความเครียด
      - ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และเลิกสูบบุหรี่ เป็นต้น
    - - ความดันโลหิตของบุคคลจะเกี่ยวขอ้งสัมพนัธ์กับประสิทธิภาพการบีบตัวของหัวใจและแรงต้าน
      - การไหลเวียนของหลอดเลือดส่วนปลายโดยความดันโลหิตคือปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจใน 1 นาที
      - (cardiac output) และความต้านทานของหลอดเลือดส่วนปลายการมีระดับความดันโลหิตสูงเกิดจากการ
      - เพิ่มขึ้นของปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งหรือทั้งสองปัจจัยหรือจากความล้มเหลวของกลไกการปรับชดเชยปัจจัย
      - หลักที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับความดันโลหิต