โรคไม่ติดเชื้อทางระบบประสาท
(ต่อ)
โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease)
Alzheimer's
Guillain-Barré syndrome (GBS)
Myastenia gravis
สาเหตุ
อาการ
ร่างกายขาดสารโดปามีนในสมอง
การเสื่อมและตายไปของเซลล์สมอง สารโดปามีนนี้มีความสำคัญต่อการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
การรักษา
อาการสั่นขณะอยู่เฉยๆ
อาการสั่นนี้จะมีลักษณะเฉพาะ คือ สั่นมากเวลาอยู่นิ่งๆ แต่ถ้าเคลื่อนไหวหรือยื่นมือทำอะไรอาการสั่นจะลดลงหรือหายไป
อาการเกร็ง
กล้ามเนื้อของร่างกายจะมีความตึงตัวสูง
อาการแข็งตึงของแขนขา และลำตัว
ขณะนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาใด
อาการเคลื่อนไหวช้า
อาการอื่นๆ
ในระยะแรกๆ จะรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรช้าลงไปจากเดิมมาก ไม่กระฉับกระเฉง เดินช้า
ในรายที่เป็นมากขึ้นอาจพบว่าหกล้มบ่อยๆ จนกระดูกต้นขาหัก สะโพกหัก หลังเดาะ แขนหัก หัวแตก
ท่าเดินผิดปกติ
แสดงสีหน้าเฉยเมย
เสียงพูดเครือๆ
เขียนตัวหนังสือยากขึ้น
การกลอกตากระตุก
น้ำลายไหล
ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันมักมีอาการซึมเศร้า และนอนไม่หลับ
การรักษาโดยการใช้ยา
ยาที่ช่วยชะลออาการ (neuroprotective therapy)
รักษาตามอาการ
anticholinergic ใช้สำหรับอาการสั่น
Levodopa ช่วยในการทดแทนสารสื่อประสาทที่ลดน้อยลง
การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด
การผ่าตัดสมอง
การรักษาโดยการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในสมอง เรียกว่า deep brain stimulation (DBS)
สาเหตุ
อายุ
ประวัติการป่วยภายในครอบครัว
ป่วยด้วยโรคดาวน์ซินโดรมหรือพากินสัน (Down's syndrome/ Parkinson's disease)
พยาธิสรีรวิทยา
สมองเหี่ยวและมีน้ำหนักลดลง ร่องสมอง(succus) และ ventricle กว้างขึ้น ยังพบว่า acetylcholine ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น มีปริมาณลดลง
อาการและอาการแสดง
อาการทางเชาวน์ปัญญา (cognitive aspect)
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงร่วมกับอาการทางจิต (behavioural and psychological symptom of dementia)
ความจำเสื่อมลง มีความผิดปกติด้านการใช้ภาษา การคิด
การมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง เช่น ก้าวร้าว ไม่อยู่นิ่ง เดินละเมอ แสดงออกทางเพศไม่เหมาะสม
การรักษา
โรคนี้ยังไม่มีการรักษาที่แท้จริง
การรักษาส่วนใหญ่เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น เช่น การทำกายภาพบำบัด
การให้ยาสามารถช่วยลดความกังวล จะช่วยให้ผู้ป่วยนอนหลับและสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้
สาเหตุ
เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของกล้ามเนื้อ
อาการและอาการแสดง
เชื่อว่ามีความสัมพันธ์กับออโตอิมมูน
อาจพบร่วมกับคนที่มีต่อมไทมัส (thymus gland) โต
ที่พบได้บ่อย คืออาการหนังตาตก (ptosis)
ถ้าเป็นมากขึ้น อาจมีอาการพูดอ้อแอ้ กลืนลำบาก พูดเสียงขึ้นจมูก
ในรายที่เป็นมาก อาจมีอาการอ่อนแรงของแขนขาบางส่วนจนลุกขึ้นยืน
การวินิจฉัยโรค
การอาศัยประวัติ
ตรวจร่างกาย อาการและอาการแสดง
นอกจากนี้จะมีการตรวจพิเศษอื่นๆ ได้แก่ CT-scan หรือ MRI
การรักษา
การให้Anticholinesterase
คอร์ติโคสตีรอยด์
รายที่ตรวจพบว่ามีต่อมไทมัสโตร่วมด้วย
การเปลี่ยนพลาสม่า (plasmapheresis)
สาเหตุ
การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ
คางทูม หัด อีสุกอีใส
การติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร
ภายหลังการได้รับวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่
พยาธิสรีรวิทยา
เกิดกลุ่มอาการ กิแลน เบอร์เร่ เชื่อว่าเกิดจากปฏิกิริยาการตอบสนองทางภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นภายหลังมีการติดเชื้อ โดยเฉพาะการติดเชื้อไวรัส จะกระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันแบบเฉพาะเจาะจงทั้งการสร้างแอนติบอดี้ และทีลิมโฟไซล์มาทำลายเชื้อโรคที่เป็นสิ่งแปลกปลอม
อาการ
อาการทางด้านประสาทรับความรู้สึก
อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรง
อาการลุกลามของประสาทสมอง
อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ
ระบบประสาทซิมพาเททิค ทำให้ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
ระบบประสาทพาราซิมพาเททิค ทำหน้าที่มากไป ทำให้หัวใจเต้นช้ากว่าปกติ หน้าแดง ตัวอุ่น ทำหน้าที่น้อยไป ทำให้หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
การดำเนินโรค แบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะเฉียบพลัน(Acute phase) เป็นช่วงที่อาการดำเนินจนถึงจุดรุนแรง ใช้เวลานานประมาณ 1-3 สัปดาห์ อาการแสดงที่สำคัญ คือ กล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก
ระยะอาการคงที่ (Static phase) เป็นระยะที่ความเสื่อมคงที่ ร่างกายไม่มีอาการเปลี่ยนแปลงอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อจะไม่ดีขึ้น
ระยะฟื้นตัว(Recovery phase)
การวินิจฉัยโรค
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย จะพบอาการอ่อนแรงอย่างมาก รีเฟล็กซ์จะลดลง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการและอื่นๆ
การเจาะหลัง
การตรวจการนำไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ
การตรวจการนำไฟฟ้าของเส้นประสาท
การรักษา
การช่วยหายใจในผู้ป่วยที่มีภาวะการหายใจล้มเหลว
การให้ยากลุ่มสตีรอยด์
การเปลี่ยนถ่ายพลาสม่า (plasmapheresis)