Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลมารดาระยะหลังคลอด - Coggle Diagram
การพยาบาลมารดาระยะหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงทางสรีระของมารดาหลังคลอด
การเปลี่ยนแปลงของระบบอวัยวะสืบพันธุ์
มดลูก
การกลับสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนตั้งครรภ์ของมดลูกจะเกิดขึ้นทันทีภายหลังจากรกคลอด
การลดลงของยอดมดลูกและน้ำหนักของมดลูก ขนาดของมดลูกภายหลังคลอดขึ้นอยู่กับขนาดของทารกและจำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ แต่โดยทั่วไปมดลูกจะมีการลดขนาดลงประมาณวันละ 1 FB. หรือ 1⁄2 นิ้ว
น้ำคาวปลา
ชั้นที่อยู่ติดกับกล้ามเนื้อมดลูกเป็นชั้นที่มีต่อมเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นตัวสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกใหม่ขึ้นมาปกคลุมภายใน3สัปดาห์ ยกเว้นตำแหน่งรกเกาะจะหายเป็นปกติประมาณ6สัปดาห์หลังคลอด
ชั้นที่อยู่ติดกับโพรงมดลูก ชั้นนี้จะเปื่อยและย่อย หลุดสลายออกมาปนกับ น้ำเลือด เม็ดเลือดขาวและแบคทีเรีย เรียกว่าน้ำคาวปลา
ปากมดลูกระยะหลังคลอดบริเวณปากมดลูกจนกระทั่งถึงมดลูกส่วนล่างจะมีลักษณะนุ่มคล้ายฟองน้ำ มีรอยฉีกขาดเล็กๆ ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ประมาณ18ชั่วโมงหลังคลอดปากมดลูกจะสั้นลงและแข็งขึ้น และกลับคืนสู่ภาวะปกติ ประมาณ2-3วันหลังคลอด
ช่องคลอดและปากช่องคลอด
การบางลงของเยื่อบุช่องคลอดเกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในระยะหลังคลอด รอยย่นลดลงและยืดขยายได้มาก การเปลี่ยนแปลงในช่องคลอดเกิดขึ้นค่อนข้างช้าและไม่เหมือนสภาพเดิมทั้งหมด ขนาดจะค่อยๆลดลง
ปากช่องคลอดในระยะแรกๆ จะบวมช้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ถูกตัดหรือมีการฉีกขาดและได้รับการซ่อมแซมแล้วปกติปากช่องคลอดจะกลับคืนสภาพเดิมภายใน2-3สัปดาห์หลังคลอด
ฝีเย็บ
ในระยะคลอดศีรษะทารกเคลื่อนต่ำลงมาตามช่องทาง คลอด และการยืดขยายของฝีเย็บ ทาให้มารดาหลังคลอดมีอาการปวดบริเวณฝีเย็บ ซึ่งฝีเย็บจะบวมและอาจมีเลือดออกจากการที่หลอดเลือดฝอยฉีกขาด
การเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆของร่างกาย
ระบบฮอร์โมน
ฮอร์โมนจากรก ได้แก่ HPL, HCG และ HCS ลดลงอย่างเร็วจนตรวจไม่พบ ส่วน Estrogen จะต่ำลงร้อยละ10ใน3ชั่วโมงหลังคลอดและจะต่ำสุดวันที่ 7หลังคลอด ส่วน Progesterone จะลดต่ำในวันที่3หลังคลอดและประมาณ1สัปดาห์
ฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองคือ FSH & LH ต่าลงในวันที่ 10-12 หลังคลอดส่วน Prolactin ใน กระแสเลือดสูงขึ้นเรื่อยๆ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
หลังคลอดใหม่รอบๆรูเปิดของท่อปัสสาวะมักมีอาการ บวมช้ำ กระเพาะปัสสาวะมีความตึงตัวลดลง
ปกติมารดาหลังคลอดต้องปัสสาวะภายใน6-8ชั่วโมง และมีปัสสาวะค้างไม่เกิน 100 ml.
ระบบไหลเวียนโลหิต
ปริมาณเลือดลดอย่างรวดเร็ว กลับสู่สภาพใกล้เคียงกับก่อนตั้งครรภ์ใน 1-2 สัปดาห์ Hct. ลดลงขึ้นกับปริมาณเลือดที่สูญเสียไป มารดาคลอด ปกติจะเสียเลือดประมาณ 300-500 ml.
ระบบทางเดินอาหาร
ทันทีที่คลอดเสร็จมารดาจะหิวและกระหายน้ำ เพราะในระยะคลอดมีการสูญเสียพลังงานมาก
อาการท้องผูกระยะหลังคลอด เนื่องจากกล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อนและลำไส้เคลื่อนไหวลดลง
ริดสีดวงทวารในระยะหลังคลอดริดสีดวงทวารทำให้สตรีมีอาการไม่สุขสบาย จนกระทั่งมีอาการปวดภายหลังคลอด 2-3 วัน
ระบบผิวหนัง
การลดลงของ Estrogen & Progesterone ทำให้ Linea nigra, Facial chloasma & Striae gravidarum สีจางลงจนกลายเป็นแนวสีเงินขาวและจะปรากฏร่องรอยอยู่ตลอดไป
การเปลี่ยนแปลงในทางลดลง
อ่อนเพลีย
น้ำหนักแม่จะลดลงทันทีประมาณ 5-6 กิโลกรัม เมื่อบุตรและรกคลอด สัปดาห์แรกจะลดลงอีก 2-4 กิโลกรัมและใน6สัปดาห์หลังคลอดก็จะมีน้ำหนักตัวคงที่เหมือนก่อนการตั้งครรภ์
สัญญาณชีพ
อุณหภูมิอาจสูงเล็กน้อยแต่ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส แล้วจะลดลงสู่ปกติใน24ชม.หลังคลอด
ชีพจรระยะหลังคลอดชีพจรจะลดลงกว่าปกติเล็กน้อย อยู่ในช่วง60-70 ครั้ง/นาที มารดาหลังคลอดบางคนชีพจรอาจต่ำลงได้ถึง 40-50 ครั้ง/นาที
การหายใจสะดวกขึ้น เนื่องจากความจุในช่องท้องและกระบังลมลดลง ปอดขยายได้ดีขึ้น
ความดันโลหิตมักจะลดลง Systolic ลดลง20ม.ม.ปรอท
การเปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้า
การหลั่งน้ำนม
หลังคลอดหลอดเลือดบริเวณเต้านมจะขยายใหญ่ มีเลือดคั่งมากอาจมีอาการคัดตึงเต้านม ทำให้ขนาดของเต้านมใหญ่ขึ้นและตึงขึ้น เห็นชัดในวันที่2-4หลังคลอด
ลักษณะน้ำนมมารดา
น้ำนมเหลืองพบ 1-2 วันหลังคลอด ลักษณะสีเหลืองข้น
น้ำนมระยะปรับเปลี่ยนพบวันที่ 3-5 จนถึง 2 สัปดาห์หลังคลอด
น้ำนมแท้พบระยะ 2 สัปดาห์หลังคลอดไปแล้ว เป็นสีขาวข้น
ปัจจัยที่ท้าให้เต้านมมีการสร้างและหลั่งน้ำนมอย่างเพียงพอ คือ ดูดเร็ว ดูดบ่อย และดูดถูกวิธ
การตกไข่และการมีประจำเดือน
มารดาที่ไม่ได้เลี้ยงบุตรด้วยนมตนเอง การตกไข่10-11สัปดาห์ ประจำเดือน 7-9 สัปดาห์
มารดาที่เลี้ยงบุตรด้วยนมตนเองนาน3เดือน การตกไข่17สัปดาห์ ประจำเดือน30-36สัปดาห์
การควบคุมของฮอร์โมนต่อการทำงานของเต้านม
หลังคลอด Estrogen & Progesterone จะลดลงทันทีภายในไม่กี่วันจนถึงระดับปกติ ส่วน Prolactinถ้าให้ลูกดูดนมจะยังคงสูงอยู่และเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่มีการดูดนมและลดลงหลังลูกหยุดดูดนมประมาณ 3 ชั่วโมง
ความหมาย
ระยะเวลาตั้งแต่ทารกและรกคลอดครบจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งมารดาหลังคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสรีรวิทยาและ จิตวิทยาให้กลับสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนตั้งครรภ์
หลังคลอดทันที เป็นระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด มารดาหลังคลอดต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดในเรื่องการหดรัดตัวของมดลูก อาการปวดมดลูก การเจ็บแผลฝีเย็บและอ่อนเพลียจากการใช้พลังงานในการคลอด มารดาหลังคลอดจึงต้องการการพักผ่อน
ระยะแรก เป็นระยะวันที่ 2 – 7 วันหลังคลอด
ระยะหลัง นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ไปจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด
การส่งเสริมสุขภาพมารดาหลังคลอด
ในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
จะมุ่งประเมินภาวะด้านร่างกายเพราะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะการตกเลือดได้มาก
การประเมินต้องประเมินให้ครอบคลุมทั้งทางด้านร่างกายและจิตสังคมสามารถประเมินได้ตามหลัก 12 B เช่น
เต้านมและการหลั่งน้ำนม
เต้านม ประเมินลักษณะและความสมมาตรของเต้านมทั้ง2ข้าง ขนาดของเต้านมสีของ ผิวหนังบริเวณเต้านม อาการคัดตึงเต้านม และความไม่สุขสบาย ในระยะ 32 ชั่วโมงถึง 96 ชั่วโมงหลังคลอด
ประเมินลักษณะของหัวนม ประเมินความยืดหยุ่นของลานนม ประเมินชนิดของน้ำนม ลักษณะของน้ำนม ปริมาณและการไหลของน้ำนม พร้อมทั้งสอบถามถึงความเจ็บปวดบริเวณหัวนม
ทารก
ประเมินลักษณะทั่วไปของทารก ได้แก่ ศีรษะและใบหน้า ผิวหนัง ทรวงอก หน้าท้อง อวัยวะสืบพันธุ์ ทวารหนัก ลักษณะแขนขา สัญญาณชีพ น้ำหนักของทารก การดูดและการกลืน การขับถ่าย
ประเมินการดูดนมของทารกว่าสามารถดูดได้ถูกวิธีหรือไม่
หลักการพยาบาลมารดาหลังคลอดและครอบครัว
การพยาบาลมารดาและครอบครัวในระยะหลังคลอดปกติเป็นการพยาบาลแบบองค์รวมจำเป็นต้องใช้กระบวนการพยาบาลทั้ง 5 ขั้นตอน คือ การรวบรวมข้อมูลซึ่งได้มาจากจากการประเมินภาวะสุขภาพของ มารดาหลังคลอดตามหลัก 12Bจากนั้นนาข้อมูลที่ได้มากาหนดเป็นข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล วางแผนให้การพยาบาล ให้การพยาบาลตามแผนที่วางไว้ และประเมินผลการพยาบาล
การพยาบาลมารดาหลังคลอดและครอบครัวมีวัตถุประสงค์
ส่งเสริมความสุขสบายและบรรเทาความเจ็บปวด
ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น
ให้คำแนะนำและเสริมทักษะในการดูแลตนเองและการบริบาลทารก
การพยาบาลตามการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย
สัญญาณชีพ
ชั่วโมงแรกควรประเมินทุก 15 นาที ชั่วโมงที่ 2 หลังคลอดควรประเมินทุก 30 นาที จากนั้นใน 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอดควรประเมินสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง
ในรายที่มีประวัติความดันโลหิตสูงในระหว่างตั้งครรภ์และระหว่างคลอดต้องประเมินถี่ขึ้นโดยเฉพาะใน24-48ชั่วโมงรกหลังคลอด
มดลูก
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 8ชั่วโมงโดยคลายอดมดลูกบริเวณหน้าท้อง
อาการปวดมดลูกการพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการปวดเช่นแนะนำให้นอนคว่ำใช้หมอนรองใต้ท้องน้อยและประคบร้อน
ประเมินระดับยอดมดลูก โดยจะทำในมารดาที่คลอดทางช่องคลอดครบ 24 ชั่วโมงแล้วเพื่อ ประเมิน involution process
การพักผ่อน
จัดสภาพแวดล้อมให้เงียบ สงบ และส่งเสริมการพักผ่อน
ดูแลและจัดท่านอนในท่าที่เจ็บปวดจากแผลน้อยที่สุด
ฝีเย็บและน้ำคาวปลา
ดูแลเพื่อบรรเทาอาการปวดแผลฝีเย็บ
แนะนำให้มารดาหลังคลอดบริหารกล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดฝีเย็บและทวาร หนักด้วยการทำ kegel's exercises วิธีการคือขมิบช่องคลอดนับ 1 ถึง 10 แล้วคลาย 10 วินาทีนับเป็น 1 ครั้ง ทำวันละ 50-100 ครั้ง
แนะนำให้มารดาหลังคลอดใส่ผ้าอนามัยเพื่อสังเกตลักษณะและความผิดปกติของน้ำคาวปลาขณะขับถ่ายและเปลี่ยนผ้าอนามัย
การปฏิบัติกิจกรรม
ภายในระยะ 6สัปดาห์แรกหลังคลอดแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทางานหนัก การเดินขึ้นลง บันไดสูงๆบ่อยๆและการยกของหนัก
การลุกจากเตียงครั้งแรก ควรเริ่มภายหลังจากที่มารดาได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว และพยาบาลผดุงครรภ์หรือญาติควรดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
การรับประทานอาหาร
แนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพิ่มโปรตีน เกลือแร่ และวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซีและเกลือแร่ระดับสูง
ในระยะ6เดือนแรกหลังคลอดควรได้รับแคลเซียมประมาณ 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน
มารดาหลังคลอดที่เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาควรรับประทานอาหารที่ให้พลังงานประมาณ 2,500 ถึง 2,700แคลอรีต่อวัน
การลดน้ำหนัก
ภายหลังคลอดทันทีน้ำหนักจะลดลงประมาณ 4.5-5.5 กิโลกรัม
การลดน้ำหนักควรเริ่มภายหลังคลอด 6 สัปดาห์
น้ำหนักที่ลดลงโดยไม่มีผลเสียต่อปริมาณน้านมคือ 0.5 ถึง 1กิโลกรัมต่อเดือน
อุจจาระ
แนะนำให้มารดาหลังคลอดรับประทานผัก ผลไม้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ
กระตุ้นให้มี early ambulation และแนะนำให้บริหารร่างกายอย่าง
สม่าเสมอ
ปัสสาวะ
แนะนำให้มารดาหลังคลอดพยายามถ่ายปัสสาวะเองภายใน 4 ชั่วโมงหลังคลอด
กระตุ้นให้มารดาหลังคลอดถ่ายปัสสาวะทุก 4-6 ชั่วโมง
การบริหารร่างกาย
ควรเริ่มในท่าง่ายๆก่อน อาจจะเริ่มเพียงไม่กี่ท่า ท่าละไม่กี่ครั้ง
ท่าในการบริหารร่างกายหลังคลอดเช่นบริหารการหายใจด้วยกล้ามเนื้อหน้าท้องเพื่อช่วยให้ปอดขยายตัวได้ดี การไหลเวียนเลือดดี ร่างกายได้รับออกซิเจนมากขึ้น
การรักษาความสะอาดของร่างกาย
ในระยะแรกหลังคลอดถ้ามารดายังไม่สามารถลุกจากเตียงได้พยาบาลผดุงครรภ์อาจช่วยเช็ดตัวให้
รายที่มีแผลผ่าตัดหน้าท้องแนะนำไม่ให้แผลโดนน้ำ 7 วันแรกหลังคลอด
การดูแลเกี่ยวกับอวัยวะส่วนล่างของร่างกาย
ประเมินหลอดเลือดดำขอดพองอาการปวดบวมแดงกดเจ็บบริเวณขาและเท้า
หลีกเลี่ยงการนั่งบนเก้าอี้นานๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตบริเวณอวัยวะส่วนล่าง
การดูแลหัวนมและเต้านม
นางสาวธัญญารัตน์ ไพเมือง
รหัสนักศึกษา116212201138-7