Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 การป้องกันโรคและความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน โรคไข้เลือดออก…
-
-
-
- ระบบภูมิคุ้มกัน(lmmune System)เป็นระบบหนึ่งที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต ทำหน้าที่ในการรับรู้สิ่งแปลกปลอมที่สัมผัสหรือเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิกันจะ พยายามทำลายหรือตอบสนองเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมให้ หมดไปจากร่างกายโดยเร็ว
-
-
- 2.1 ภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ(Non-Specific Defense Mechanism)
- 2.2 ภูมิคุ้มกันจากภายนอก(Passive Immunity)
-
- โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อไวรัสเดงกีที่มียุงลายเป็นแมลงนำโรค โรคนี้ได้กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขในหลายประเทศทั่วโลก เนื่องจากโรคได้แพร่กระจายอย่างกว้างขวางและจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมากใน 30 ปีที่ผ่านมา มากกว่า 100 ประเทศที่โรคนี้กลายเป็นโรคประจำถิ่น และโรคนี้ยังคุกคามต่อสุขภาพของประชากรโลกมากกว่าร้อยละ 40 (2,500 ล้านคน) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะพบมากในประเทศเขตร้อนและเขตอบอุ่น
- เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue virus) ซึ่งเป็น single - strand RNA จัดอยู่ใน genus Flavivirus และ family Flaviviridae มี 4 serotypes คือ DEN-1, DEN-2, DEN-3 และ DEN-4 ทั้ง 4 serotypes มี antigen ร่วมบางชนิด จึงทำให้มี cross reaction และ cross protection ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เมื่อมีการติดเชื้อไวรัสเดงกีชนิดหนึ่งจะมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงกีชนิดนั้นตลอดไป (long lasting homotypic immunity) และจะมีภูมิคุ้มกัน cross protection ต่อชนิดอื่น (heterotypic immunity) ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 6-12 เดือน ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีไวรัสเดงกีชุกชุมอาจมีการติดเชื้อ 3 หรือ 4 ครั้งได้
- โรคไข้เลือดออกเดงกีติดต่อกันได้โดยมียุงลายบ้าน (Aedes aegypti) เป็นแมลงนำโรคที่สำคัญ และในชนบทบางพื้นที่ จะมียุงลายสวน (Aedes albopictus) เป็นแมลงนำโรคร่วมกับยุงลายบ้าน เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้ ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก เชื้อไวรัสจะเข้าสู่กระเพาะยุง และเพิ่มจำนวนมากขึ้น แล้วเดินทางเข้าสู่ต่อมน้ำลาย พร้อมที่จะเข้าสู่คนที่ถูกกัดต่อไป เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสเดงกีไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นป่วยได้
- ระยะเพิ่มจำนวนของไวรัสเดงกี ในยุง ประมาณ 8-10 วัน
- ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสเดงกี ในคน ประมาณ 3-14 วัน โดยทั่วไปประมาณ 5-8 วัน
- โรคไข้เลือดออกเดงกีไม่ติดต่อจากคนสู่คน ติดต่อกันได้โดยมียุงลายเป็นแมลงนำโรค การติดต่อจึงต้องใช้เวลาในผู้ป่วยและในยุง ระยะที่ผู้ป่วยมีไข้สูงประมาณวันที่ 2-4 จะมีไวรัสอยู่ในกระแสเลือดมาก ระยะนี้จะเป็นระยะติดต่อจากคนสู่ยุง และระยะเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัสในยุงจนมากพออีกประมาณ 8-10 วัน จึงจะเป็นระยะติดต่อจากยุงสู่คน
- การดูแลรักษาเบื้องต้นผู้ป่วยไข้เลือดออกส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงและสามารถให้การดูแลรักษาที่บ้านได้ ควรนำผู้ป่วยมาพบแพทย์ทุก 1-2 วันเพื่อติดตามอาการ การดูแลผู้ป่วยประกอบด้วย การลดไข้ด้วยการเช็ดตัวและกินยาลดไข้ รับประทานอาหารอ่อน และดื่มน้ำให้เพียงพอ ผู้ป่วยที่มีอาการโดยทั่วไปแย่ลงโดยเฉพาะเมื่อไข้ลดลง เช่น ซึม มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาเร็ว กระสับกระส่าย ปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด ต้องรีบไปโรงพยาบาล
- การรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำได้ไม่เพียงพอ ปวดท้องหรืออาเจียนมาก มีภาวะเลือดข้น มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือมีภาวะช็อก ควรรับไว้รักษาในโรงพยาบาล
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและลูกน้ำ
- วัคซีนไข้เลือดออก แนะนำในเด็ก (อายุ 9 ปีขึ้นไป) และผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนที่เคยติดเชื้อไวรัสเดงกีมาก่อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซึ่งมักมีอาการรุนแรง
- มีบทบาทสำคัญในการปกป้องร่างกายจากจุลชีพก่อโรคได้แก่ แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และ ปรสิต ทั้งยังทำหน้าที่ขจัดเซลล์ที่มีการกลายพันธุ์เพื่อก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง ถ้าระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอเซลล์ที่กลายพันธุ์ก็จะไม่ถูกระบบภูมิคุ้มกันทำลายและกลายเป็นโรคมะเร็งได้ อาจพอสรุปได้ว่า หน้าที่หลักของระบบภูมิคุ้มกัน คือ
- Defense ป้องกันและทลายเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม
- Homeostasis คอยก าจัดเซลล์ปกติที่เสื่อมสภาพ เช่น เม็ดเลือดที่มีอายุมาก ออกจากระบบของร่างกาย
- Surveillance คอยจับตาดูเซลล์ต่างๆที่แปรสภาพผิดไปจากปรกติ เช่น คอยดักท าลายเนื้องอก
(Tumor cell) เพื่อปอองกันการเกิดโรคมะเร็ง
-
- การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทั้งแบบไม่จำเพาะและแบบจำเพาะเจาะจงล้วนจำเป็นต้องมีเซลล์ลิมโฟไซต์เพื่อให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะเจาะจงสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระบบ ดังนี้
-
-
-
Immunodeficiency หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำงานลดลงกว่าปกติ ส่งผลให้ร่างกายมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือรุนแรงขึ้น
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ (Primary immunodeficiency; PID)
- มักเป็นมาตั้งแต่กำเนิด และอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมความผิดปกติอาจเกิดขึ้นที่ระยะต่าง ๆในขั้นตอนการพัฒนาการของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันซึ่งโรคในกลุ่มนี้แม้ว่าจะพบไม่บ่อย แต่เป็นโรคที่มี
ความรุนแรงสูงส่งผลต่อสุขภาพ และอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากไม่ได้รับการวิจัยและการรักษาที่ทันท่วงที โรคในกลุ่มนี้จึงถือว่ามีความส าคัญที่นักศึกษาควรต้องรู้จัก
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิดสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ตามความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
- ความผิดปกติของ T lymphocyte เป็นหลัก (Predominantly T cell defect)
- ความผิดปกติของ B lymphocyte เป็นหลัก (Predominantly B cell defect)
- ความผิดปกติของทั้ง T และ B lymphocyte (Combined immunodeficiency)
- ความผิดปกติของ Phagocyte (Phagocyte defect)
- ความผิดปกติของระบบ Complement (Complement defect)
- โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องทุติยภูมิ (Secondary immunodeficiency)
-
- เด็กคลอดก่อนกำหนด หรือผู้สูงอายุ
- มีแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ส่งผลให้มีการสูญเสียการทำงานของ skin barrier
- การติดเชื้อเอดส์ หรือวัณโรค ซึ่งจะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ทำให้การทำงานในการกำจัดเชื้อของเม็ดเลือดขาวลดลง
- ได้รับยาเคมีบำบัด หรือยากดภูมิคุ้มกัน
- มีภาวะขาดสารอาหาร ส่งผลให้การพัฒนาของระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ