Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช - Coggle Diagram
บทที่ 6 กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยจิตเวช
ปัจจัยการเกิด
ปัจจัยทางชีวภาพ
1.1 พันธุกรรม พบว่า ญาติผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคจิตเภทมากกว่าบุคคลทั่วไป
1.2 ระบบสารชีวเคมีในสมอง เป็นสมมุติฐานเดิมที่เป็นที่ยอมรับใปัจจุบัน คือสมมุติฐานโดปามีน (Dopaminergic hypothesis)
1.3 กายวิภาคของสมอง ผู้ป่วยโรคจิตเภท จำนวนหนึ่งมีความผิดปกติทางกายวิภาคของสมอง
1.4ประสาทวิทยา
ปัจจัยทางด้านครอบครัวและสังคม
2.1 ลักษณะของมารดาบางประการหรือการเลี้ยงดูบางรูปแบบทำให้เมื่อโตขึ้นบุคคลจะป่วยเป็นจิตเภท
2.2ผู้ป่วยที่เป็นโรคจิตเภท พบมากในสังคมที่มีเศรษฐานะต่ำและจะทำให้สถานภาพทางสังคมต่ำลงกว่าเดิม
การดำเนินการของโรค
ระยะเริ่มมีอาการ (Prodomal phase)
ความผิดปกติจะมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น อาการหลงผิด หูแว่ว โวยวาย ก้าวร้าว
ผู้ป่วยบางคนอาจมีระยะเริ่มต้นไม่ถึงเดือน อาการก็เป็นมากขึ้นเรื่อยๆถึงขั้นกำเริบได้
ระยะเรื้อรัง/ อาการหลงเหลือ (Chronic/ Residual phase)
ส่วนใหญ่แล้วอาการต่างๆที่กำเริบจะเป็นอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อรักษาก็จะทุเลาลง อาการหลงผิดประสาทหลอนจะหายไปหรือมีอาการน้อยลง หรือนานๆเป็นครั้ง
ระยะเริ่มมีอาการ (Prodomal phase)
อาการมักค่อยเป็นค่อยไป มักมีปัญหาด้านสัมพันธภาพ ความรับผิด
อาการเป็นนานเป็นเดือนถึงปี
การวินิจฉัยของโรคตามเกณฑ์วินิจฉัย DSM-5
B. ระดับความสามารถในด้านสำคัญ ๆ เช่นด้านการทำงานการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่นหรือการดูแลตนเองลดลงไปจากเดิมอย่างชัดเจนอย่างน้อย 1 ด้าน
D. ต้องแยกโรคจิตอารมณ์โรคซึมเศร้าหรือโรคอารมณ์สองขั้วออก
C มีอาการต่อเนื่องนาน 6 เดือนขึ้นไปโดยต้องมี Active phase (ตามข้อ A) อย่างน้อยนาน 1 เดือน (อาจน้อยกว่านี้หากรักษาได้ผล) และอาจรวมถึง Prodomat หรือ Residual phase โดยในช่วง Prodroma หรือ Residuat อาการที่พบอาจเป็นเพียงอาการด้านลบหรืออาการตามข้อ A ตั้งแต่ 2 อาการ แต่แสดงออกแบบเล็กน้อย (เช่นคิดแปลก ๆ หรือมีการรับรู้ที่ไม่ปกติ แต่ไม่ถึงขั้น
E. ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจากสาเหตุทางร่างกายและสารสารเสพติดออก
A.มีอาการนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือนโดยอย่างน้อยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อยู่ 1 อาการ
1 อาการหลงผิด
2.ประสาทหลอน
การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน(การพูดในลักษณะที่หัวข้อวลีหรือประโยคที่กล่าออกมาไม่สัมพันธ์กัน) (Disorganized speech)
4.พฤติกรรมที่ไม่มีระเบียบแบบแผนที่คนในสังคมหรือวัฒนธรรมของผู้ป่วยไม่ทำกัน (Grossly disorganized behavior)
5.อาการด้านลบเช่นสีหน้าที่อเฉยเมยแยกตัวจากคนอื่น
F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติกหรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่วัยเด็กจะวินิจฉัยโรคจิตเภทก็ต่อเมื่อมีอาการหลงผิดหรืออาการประสาทหลอนที่เด่นชัดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือนร่วมด้วย
การรักษา
3.การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy: ECT)
การบำบัดทางจิตสังคม (Psychosocial intervention)