Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะซีดจากการขาดวิตามินบี12 (Pernicious anemia) - Coggle Diagram
ภาวะซีดจากการขาดวิตามินบี12 (Pernicious anemia)
ความหมาย
ภาวะซีดจากการขาดวิตามินบี12 หรือ Pernicious anemia วิตามินบี12 มีความสำคัญในกระบวนการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยที่ขาด วิตามินบี12 จะมีผนังเซลล์เปราะและแตกง่าย วิตามินบี12 มีความจำเป็นต่อการเผาผลาญเซลล์ประสาทและสร้างไมอีลีน (Myelin) วิตามินบี12 พบมากในเนื้อไก่ ไข นม กะปิ และน้ำปลา
สาเหตุ
1.การดูดซึม วิตามินบี12 ผิดปกติ เนื่องจากขาด Intrinsic factor ซึ่งเป็นโปรตีนที่สร้างจากเยื่อบุในกระเพาะอาหาร มีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหารและโปรตีนที่สร้างจากเยื่อบุในกระเพาะอาหารของตนเอง พบในผู้ป่วยที่ทำผ่าตัดกระเพาะอาหารบางส่วนหรือทั้งหมด และการผ่าตัดลำไส้เล็กส่วนปลายออก
2.พบในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารมังสวิรัติอย่าง เคร่งครัด คนไทยมักจะไม่ขาด วิตามินบี12 เนื่องจากจะได้สารอาหาร เช่น น้ำปลา กะปิ เนื้อไก่ ไข่ นม เป็นต้น และในระยะแรกที่ร่างกายขาดวิตามินบี12 ร่างกายยังสามารถดึง เอา วิตามินบี12 จากร่างกายที่สะสมไว้มาใช้ได้ถึงนานถึง 6 ปี
พยาธิสภาพ
เมื่อมีการฝ่อของเยื่อบุของกระเพาะอาหารส่วนต้น (Glandular mucosa of gastric fundus) ทำให้ขาด Intrinsic factor อาจเกิดจากพันธุกรรม มักเป็นหลาย ๆ คนในครอบครัว ความผิดปกตินี้อาจเกิดจากออโตอิมมูน ทำให้วิตามินบี12 จึงต้องนำวิตามินบี12 ที่สะสมไว้มาใช้ เมื่อวิตามินบี12 ที่เก็บสะสมไว้ถูกนำมาใช้จนหมด
อาการและอาการแสดง
-อาการขาดออกซิเจน ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
-อาการทางระบบประสาท เช่น ความจำเสื่อม สับสน ชาที่แขนขา กล้ามเนื้อขาไม่มีแรง
มีอาการสั่นเดินแล้วล้ม การรับความรู้สึกเสียไป ไม่มีรีเฟล็กซ์ มีอาการสั่นเดินแล้วล้ม เป็นต้น
-อาการในระบบทางเดินอาหาร เช่น อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องอืด ท้องผูก ท้องเสีย เจ็บปาก
ลิ้นเลี่ยนแดง น้ำหนักลด เป็นต้น หากผู้ป่วยมีภาวะซีดอย่างรุนแรงจะมีอาการหายใจลำบากมากขึ้น
การนิวิจฉัย
การซักประวัติ ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เจ็บปาก ชาที่แขนขา
ผู้ป่วยอาจบ่นว่ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด ท้องเสีย และท้องผูก
การตรวจร่างกาย จะเห็นริมฝีปาก เหงือกและลิ้นแดง ตาขาวมีสีเหลืองและซีดเล็กน้อย ผิวอาจดูเหลืองในรายที่มีการเสียเลือดทำให้มีบิลิรูบินสูงในเลือด
ชีพจนเร็ว และฟังหัวใจได้ยินเสียง Systolic murmur เคาะหรือคลำตับม้ามอาจพบว่าโต ผู้ป่วยอาจบ่นว่าแขนขาอ่อนแรง ชาตามปลายมือปลายเท้า มือสั่น เวียนศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน และไม่ชัด การรับรสผิดปกติ และการได้ยินมีเสียงอื้อในหู
ควบคุมการถ่ายอุจจาระและปัสสาวะไม่ได้ อาจพบว่าผู้ป่วยซึมเศร้า เดินเซ และความจำเสื่อม Babinsi’s sign และ Romberg’s sign
ให้ผลบวก กล้ามเนื้อลูกตาฝ่อ ผู้ป่วยอาจบ่นว่าอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ และอ่อนแรง ใจสั่น เหนื่อยหอบจนต้องนั่งหายใจ หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ระดับฮีโมโกลบินต่ำ และจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำ ปริมาณ Mean corpuscular volume
เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ระดับวิตามินบี12 ในเลือดต่ำ และระดับ Serum lactate dehydrogenase สูง
การตรวจไขกระดูกพบ Erythroid hyperplasia และ Megaloblasts เม็ดเลือดแดงปกติ
การตรวจกระเพาะอาหาร ไม่พบกรดเกลือหลังจากฉีดฮีสตมีน
การทดสอบ Schilling test จะสามารถแยกสาเหตุของการขาดวิตามินบี12
ว่าเกิดจากการขาดสารอาหารหรือจากการขาด Intrinsic factor
การรักษา
ให้เลือดเพื่อแก้ไขภาวะซีด
ให้รับประทานอาหารพวกปลา เนื้อสัตว์ นม และไข่
ให้ยาช่วยสร้างเม็ดเลือด เช่น Ferrous sulfate เป็นต้น วิตามิน เช่น Cyanocobalamin กรดโฟลิก เป็นต้น ยาช่วยย่อย เช่น กรดเกลือ เป็นต้น
ฉีดวิตามินบี12 จำนวน 1,000 ไมโครกรัม/วัน เข้ากล้ามเนื้อ เป็นเวลา 2 สัปดาห์
ภาวะซีดทำให้ผู้ป่วยอ่อนแรง อาจจะให้พักบนเตียงจนกว่าฮีโมโกลบินจะสูงขึ้น
ผู้ป่วยหนักที่มีผลกับหัวใจและปอด อาจต้องให้เลือด ให้ยาดิจิตาลีส ยาขับปัสสาวะ ให้อาหารจืด (Low sodium) สำหรับผู้ป่วยหัวใจวาย
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ให้วิตามินบี12 ทดแทน ให้ยาปฏิชีวนะซึ่งขึ้นกับการติดเชื้อ และให้ยาชาเพื่อลดอาการเจ็บปาก
ผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิตามินบี12 โดยการฉีด อาจมีอาการผิดปกติทางระบบประสาทอย่างถาวร เช่น อัมพาต เป็นต้น
มีพฤติกรรมทางจิต และอาจมีอาการควบคุมการถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะไม่ได้