มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
(เนื้องอกของระบบน้ำเหลืองในร่างกาย Lymphoma)

ระบบน้ําเหลือง (lymphatic system) เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ทําหน้าที่ต่อสู้ และปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอม ประกอบด้วย ต่อมน้ําเหลือง (lymph node) มีลักษณะคล้ายเม็ดถั่ว พบได้ทั่วร่างกาย มีจํานวนหลายร้อยต่อม แต่จะไม่สามารถคลําไม่พบได้ในภาวะปกติ เนื่องจากมีขนาดเล็ก

Lymphoma แบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ Hodgkin’s lymphoma (HL) และ Non-Hodgkin’s lymphoma (NHL)

Hodgkin’s lymphoma (HL) เป็นมะเร็งที่เกิดกับทุกกลุ่มวัย แต่ส่วนใหญ่พบในวัยรุ่นและ ช่วงอายุ 50-60 ปี

สาเหตุการเกิดยังไม่ชัดเจน แต่มีปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิด เช่นการติดเชื้อไวรัส หรือสารเคมี HLเริ่มเกิดกับต่อมน้ําเหลืองตําแหน่งเดียวและกระจายไปยังอวัยวะอื่นที่ใกล้เคียงเป็นลําดับไป ภายในต่อมจะมีเซลล์ที่มีลักษณะเฉพาะเรียกว่า Reed-Sternberg cell ซึ่งถือว่าเป็น marker ของ HL

Non-Hodgkin’s lymphoma (NHL) เป็นมะเร็งที่เกิดกับ lymphoid

สาเหตุการเกิดยังไม่ชัดเจน แต่มีปัจจัยที่สัมพันธ์กับการเกิด เช่นการติดเชื้อ Helicobacter pylori เรื้อรัง, Ebstein-Barr virus หรือสารเคมีเช่นยาฆ่าวัชพืช ยาฆ่าแมลง หรือฝุ่น ไม่พบ Reed-Sternberg cell

ชนิดที่มีอาการรุนแรง (aggressive)การกระจายไปยังอวัยวะอื่นมีลักษณะไม่เป็นลําดับเหมือน HL

อาการไม่รุนแรง (indolent) มาโรงพยาบาลด้วย
ต่อมน้ําเหลืองโตแต่ไม่เจ็บ

อาการและอาการแสดง

มีต่อมน้ําเหลืองโตขึ้นแต่มักไม่เจ็บ ซึ่งจะคลําพบได้ง่ายในบริเวณที่อยู่ตื้น เช่นบริเวณข้างลําคอ รักแร้ เต้านม หรือขาหนีบ
ไข้> 38.6 องศาเซลเซียส น้ําหนักลด > 10% ของน้ําหนักตัว
เหงื่อออกกลางคืน

การวินิจฉัย

ใน HL วินิจฉัยจาก Reed-Sternberg cell

นอกจากนี้อาจมีการตรวจทาง
ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องได้แก่ CBC, electrolyte, kidney and liver function test, ESR, bone marrow aspirationand biopsy, CT at neck, chest, abdomen, และ pelvis รวมถึงการตรวจ positron emission tomography (PET)

การจําแนกระยะของโรค HL ใช้ระบบ Lugano
Modification ของ Ann Arbor Staging System

ใน NHL การจําแนกระยะจะใช้เกณฑ์ของ WHO

ใช้ระดับ lactate dehydrogenase (LDH) และ
betamicroglobulin ในการประเมินการเจริญเติบโตและพยากรณ์โรคด้วย

การตรวจดูน้ําไขสันหลังจะทําในกรณีที่สงสัย
การแพร่กระจายไปที่ระบบประสาท และสมอง รวมถึงการตรวจหา HIV เมื่อได้รับการวินิจฉัย lymphoma

การรักษา

  1. การรักษาด้วยยาเคมีบําบัด (Chemotherapy)
  1. การรักษาด้วยยาที่ออกฤทธิ์จําเพาะต่อเซลล์มะเร็ง (Monoclonal antibodies)
  1. การฉายรังสีรักษา (Radiation therapy) คือการฉายรังสีปริมาณสูง ไปทําลายเซลล์ผิดปกติ ที่ตําแหน่งใด
    ตําแหน่งหนึ่ง
  1. การปลูกถ่ายอวัยวะ hematopoietic stem cell transplantation
  1. การเฝ้าติดตามโรค อาจใช้สําหรับโรคมะเร็งต่อมน้ําเหลืองชนิดค่อยเป็นค่อยไป ที่โตช้า และไม่ก่ออาการ

นางสาวภูริชญา นักสอน เลขที่47 รหัส62129301540