Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภาวะโลหิตจาง (Anemia), นางสาวภูริชญา นักสอน เลขที่ 47 รหัส 62129301540 -…
ภาวะโลหิตจาง (Anemia)
ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia)
เกิดจากการเสียเลือด การดูดซึมที่ลำไส้ไม่ดี และ
รับประทานได้น้อย
ปัญหา
คือปริมาณเหล็กที่ใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง
ทำให้เม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็ก(microcytic) ร่วมกับอาการ mild anemia ได้แก่ อ่อนเพลียและซีด อาการอื่น ๆ เช่น อ่อนล้า ความทนต่อการปฏิบัติกิจกรรมลดลง และมีแผลที่มุมปาก
ตรวจพบระดับ ferritin < 10 ng/ml (12-300 ng/ml)
การรักษา โดยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก เช่น เนื้อแดง เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ผักใบเขียว และผลไม้
อบแห้งถ้ารับประทานธาตุเหล็กแล้วมีอาการระคายเคืองทางเดินอาหารให้รับประทานพร้อมกับอาหาร ในกรณีที่มีอาการรุนแรงต้องให้ iron dextran หยดเข้าทาง
หลอดเลือดดำ
ภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามิน B12 (Vitamin B12 deficiency anemia)
การขาดวิตามิน B12 ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่นำ
Folic ไปช่วยในการแบ่งตัว และเจริญเติบโตเพื่อทำหน้าที่ของ
เม็ดเลือดแดงได้ เม็ดเลือดแดงจึงมีขนาดใหญ่ (macrocytic)
สาเหตุของการขาดวิตามิน B12 คือการรับประทานอาหารมังสวิรัติ หรือได้รับสารอาหารไม่ครบหมู่ ผ่าตัดลำไส้เล็ก ท้องเสียเรื้อรัง พยาธิ และแบคทีเรียเพิ่มปริมาณในลำไส้ ภาวะซีดที่มีสาเหตุมาจากความผิดปกติขิงการดูดซึมวิตามินB12 (pernicious anemia) เกิดจากการขาด intrinsic factor ที่หลั่งจากเยื่อบุในกระเพาะอาหาร และช่วยในการดูดซึม
วิตามิน B12 ในลำไส้
อาการของภาวะโลหิตจางจากการวิตามิน B12 เกิดในระดับ mild หรือ moderate ค่อย ๆ เกิดช้า ๆ มีอาการซีด เหลือง ลิ้นอักเสบ (glossitis) มีลักษณะเรียบ แดงของลิ้น อ่อนล้า น้ำหนักลด และชาตามปลายมือปลายเท้า การทรงตัวไม่ดีร่วมกับหลงลืมง่าย สมองเสื่อม เนื่องจากวิตามิน B12 เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ของระบบประสาท
การรักษา โดยการรับประทานอาหารที่มีวิตามิน B12 เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว และผลไม้รสเปรี้ยว ในกรณีที่มีอาการซีดรุนแรงจะให้วิตามิน B12 ทดแทน และในกรณีที่มีภาวะ pernicious anemia จะให้วิตามิน 12 โดยการฉีดในระยะแรกทุก 1 สัปดาห์ จนดีขึ้น และให้ทุก 1 เดือนตลอดชีวิต
โรคโลหิตจางจาการขาด
Glucide-6-phosphate dehydrogenase (G6PD deficiency anemia)
ภาวะพร่องเอนไซม์G6PD เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมผ่านยีน (gene) X โดยมีการแสดง
ออกแบบยีนด้อย (X-linked recessive) ดังนั้นโรคนี้จึงแสดงอาการในผู้ชายได้มากกว่าผู้หญิง
อาการ
เกิดเมื่อมีสิ่งกระตุ้น ทำให้เม็ดเลือดแดงแตก
เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ตาหรือตัวเหลือง ปัสสาวะมีสีดำคล้ายสีน้ำปลาจากการที่มีเม็ดเลือดแดงแตก ปริมาณปัสสาวะอาจน้อยจนอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure) นอกจากนี้ยังส่งผลให้การควบคุมสมดุลของสารเกลือแร่ต่าง ๆ ของร่างกายเสียไปด้วย
วินิจฉัย
การตรวจเลือดเพื่อวัดปริมาณเอนไซม์ G6PD
อาจเห็นรูปร่างของเม็ดเลือดแดงผิดปกติเป็นเซลล์แหว่งได้ (bite cell)
การรักษา
การให้สารน้ำอย่างเพียงพอ
การให้เลือดให้ในกรณีที่
ผู้ป่วยเกิดอาการจากภาวะซีดและหน้าที่ของไตปกติ
ภาวะโลหิตจางภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือดแดง (Immunohemolytic anemia)
เกิดจากการที่ร่างกาย
สร้างแอนติบอดี้ต่อเม็ดเลือดแดงของตัวเอง ทำให้เยื่อหุ้มเม็ดเลือดแดงถูกทำลายและเกิดภาวะโลหิตจาง
แอนติบอดี้ที่ทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิสูง (warm antibody anemia)
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด คือ 80-90% แอนติบอดี้ชนิดนี้จะจับกับเม็ดเลือดแดงได้ที่อุณหภูมิ 37 ˚C หลังจากนั้นเม็ดเลือดแดงที่มีแอนติบอดี้เกาะอยู่จะถูกทำลายที่ม้าม
สาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้เกิดภาวะนี้เป็นจากโรคมะเร็ง
ต่อมน้ำเหลืองบางชนิด หรือโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวเอง
แอนติบอดี้ที่ทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิต่ำ (cold antibody anemia)
แอนติบอดี้ชนิดนี้จะทำปฏิกิริยาที่ 4-18 ˚C สาเหตุที่ทำให้เกิดได้แก่ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด และโรคภูมิคุ้มกันต่อต้าน
ตัวเอง
อาการและอาการแสดง
สังเกตได้ว่าซีดลง อาจพบตาเหลืองเพิ่มขึ้น ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้น และอาจมีไข้ต่ำ ๆ
ค่อย ๆ แสดงอาการอ่อนเพลียและเป็นมากขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์
ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
พบค่าฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริทต่ำ
ตรวจพบค่าบิลิรูบินสูงขึ้นได้
การรักษา
ชนิดแอนติบอดี้ที่ทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิสูง
ยาหลักที่ใช้ในการรักษา คือยาสเตียรอยด์
ควรได้รับยาบำรุงเลือดโฟลิคแอซิดร่วมด้วย
การตัดม้าม การให้ยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่น หรือการให้ยาแอนติบอดี้ต่อซีดี 20 (Rituximab)
อาจพิจารณาให้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อยาสเตียรอยด
ชนิดแอนติบอดี้ที่ทำปฏิกิริยาที่อุณหภูมิต่ำ
แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงอากาศเย็นเป็นสิ่งที่สำคัญในผู้ป่วยที่ซีดเล็กน้อย
พิจารณาให้ยาแอนติบอดี้ต่อซีดี 20 (Rituximab)
ในกรณีที่ซีดมากสามารถพิจารณาให้เลือด
การให้ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ หรือการตัดม้าม ได้ผลไม่ดีในผู้ป่วยกลุ่มนี้
ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาใด ๆ อาจทำการแลกเปลี่ยนพลาสมา (plasma exchange therapy)
ภาวะโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิค (Folic acid deficiency anemia)
มีอาการคล้ายภาวะโลหิตจางจากการขาดวิตามิน B12 ยกเว้นไม่พบอาการของการทำหน้าที่ของระบบประสาท จึงไม่มีอาการปวดชา
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากภาวะทุพโภชนาการ การดูดซึมผิดปกติ สารอาหารที่ขาดได้แก่ผักใบเขียว ตับ ผลไม้รสเปรี้ยว ถั่วอบแห้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยาบางชนิดเช่นยากันชัก และยารับประทานคุมกำเนิดทำให้เกิดภาวะขาดโฟลิคและภาวะซีดได้ตรวจเม็ดเลือดแดงพบ macrocytic anemia
การรักษา โดยการแก้ไขสาเหตุในกลุ่มผู้ที่ขาดอาหารหรือ alcoholism จะให้ folic acid เพื่อป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดกรดโฟลิค และรับประทานอาหารที่มีโฟเลต และวิตามิน B12
โรคโลหิตจางอะพลาสติก
(Aplastic anemia)
Aplastic anemia เป็นภาวะที่เม็ดเลือดแดงในระบบไหลเวียนโลหิตลดลงจากสาเหตุความผิดปกติของไขกระดูกทำให้การสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลง นอกจากนี้ยังพบความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวลดลง (leukopenia) และเกล็ดเลือดที่ลดลง (thrombocytopenia) การลดลงของเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือดรวมเรียกว่า
pancytopenia
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับสารพิษ ยา รังสี หรือการติดเชื้อจำพวกเชื้อไวรัส
การตรวจนับเม็ดเลือด (Complete blood count) พบ macrocytic anemia, leukopenia,และ thrombocytopenia การตรวจชิ้นเนื้อจากไขกระดูก (bone marrow biopsy) พบไขมันมาแทนที่เซลล์ไขกระดูก
การรักษา
การแก้ไขที่สาเหตุ
การให้เลือดจะให้ในกรณีที่มีการเสียเลือดเนื่องจากเกล็ดเลือดต่ำซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
การให้ยากดภูมิ (immunosuppressive therapy) เช่น prednisolone หรือ cyclosporine A ใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการที่เกิดจากภูมิคุ้นกันต่อต้านตนเอง
อาการในระดับปานกลางจะให้ทั้งยากดภูมิคุ้มกัน และการให้เลือด
ผู้ป่วยที่มีม้ามโตอาจต้องตัดม้าม เนื่องจากม้ามไปทำลายเม็ดเลือดแดงและกดการเจริญเติบโตของเม็ดเลือดแดง
การรักษาโดยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (hematopoietic stem cell transplantation)
ได้ผลดีในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
นางสาวภูริชญา นักสอน เลขที่ 47 รหัส 62129301540