Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยจิตเภท - Coggle Diagram
กระบวนการพยาบาลผู้ป่วยจิตเภท
สาเหตุ
1. ปัจจัยทางชีวภาพ
1.1 พันธุกรรม จากการศึกษา พบว่า ญาติของผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคจิตเภทสูงกว่าประชากร
ทั่วไป ยิ่งมีความใกล้ชิดทางสายเลือดมาก ยิ่งมีโอกาสเป็นสูง
1.2 ระบบสารชีวเคมีในสมอง
1.3 กายวิภาคของสมอง ผู้ป่วยโรคจิตเภทจำนวนหนึ่งมีความผิดปกติด้านกายวิภาคของสมอง
1.4 ประสาทสรีรวิทยา Cerebral blood flow และ Glucose metabolism ลดลงในบริเวณ Frontal lobe เชื่อว่าอาการด้านลบและอาการด้าน Cognitive มีความสัมพันธ์กับ Prefrontal lobe dysfunction
2. ปัจจัยทางด้านครอบครัวและสังคม
2.1 เดิมเชื่อว่าลักษณะของมารดาบางประการหรือการเลี้ยงดูบางรูปแบบทำให้เมื่อโตขึ้นบุคคลจะป่วยเป็นจิตเภท
2.2 ผู้ป่วยที่เป็นโรคจิตเภท พบมากในสังคมที่มีเศรษฐานะต่ำ
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคจิตเภทตามเกณฑ์ ICD-10
การวินิจฉัยโรคจิตเภท ตามเกณฑ์วินิจฉัย DSM-5
A. มีอาการนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือน โดยอย่างน้อยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อยู่ 1 อาการ
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน
พฤติกรรมที่ไม่มีระเบียบแบบแผนที่คนในสังคมหรือวัฒนธรรม
อาการด้านลบ เช่น สีหน้าเฉยเมย แยกตัวจากคนอื่น
B. ระดับความสามารถในด้านสำคัญ ๆ เช่น ด้านการทำงาน การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น หรือการ
ดูแลตนเอง ลดลงไปจากเดิมอย่างชัดเจนอย่างน้อย 1 ด้าน
C. มีอาการต่อเนื่องนาน 6 เดือนขึ้นไป
D. ต้องแยกโรคจิตอารมณ์ โรคซึมเศร้า หรือโรคอารมณ์สองขั้วออก
E. ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจากสาเหตุทางร่างกายและสารสารเสพติดออก
F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติก หรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่วัยเด็ก
ลักษณะอาการทางคลินิก
กลุ่มอาการด้านบวก (Positive symptoms)
1.1 Psychotic dimension ได้แก่ อาการหลงผิด และอาการประสาทหลอน
1.2 Disorganization dimension ได้แก่ Disorganized behavior and speech
กลุ่มอาการด้านลบ (Negative symptoms)
2.1 Alogia พูดน้อย เนื้อหาที่พูดมีน้อย ใช้เวลานานกว่าจะตอบ
2.2 Affective flattening การแสดงออกทางอารมณ์ลดลงมาก หน้าตาเฉยเมย ไม่ค่อย
สบตา
2.3 Avolition ขาดความกระตือรือร้น เฉื่อยชาลง ไม่สนใจเรื่องแต่งกาย ผู้ป่วยอาจนั่งอยู่
เฉย ๆ ทั้งวันโดยไม่ทำอะไร
2.4 Asociality เก็บตัวเฉย ๆ ไม่ค่อยแสดงออก หรือไม่มีกิจกรรมที่สนุกสนาน
2.5 Anhedonia เป็นอาการไม่ยินดียินร้าย ไม่สนุก
ระยะของโรค
1. ระยะก่อนป่วย (Premorbid phase)
ผู้ป่วยมีความบกพร่องในด้านสังคม การเคลื่อนไหว หรือด้าน Cognitive ในระดับเล็กน้อย
ไม่ชัดเจน อาจพบลักษณะทางร่างกายต่างไปจากปกติ โดยเฉพาะส่วนของมือ
2. ระยะเริ่มมีอาการ (Prodomal phase)
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป มักมีปัญหาในด้านหน้าที่ความรับผิดชอบ หรือด้านสัมพันธภาพ
3. ระยะอาการกำเริบ (Active phase)
3.1 อาการหลงผิด (Delusion)
3.2 อาการประสาทหลอน (Hallucination)
3.3 อาการด้านความคิด (Disorganized of thought)
3.4 ด้านพฤติกรรม (Disorganized of behavior)
3.5 อาการทางด้านลบ (Negative symptoms)
4. ระยะเรื้อรัง/ อาการหลงเหลือ (Chronic/ Residual phase)
ส่วนใหญ่แล้วอาการต่าง ๆ ที่กำเริบจะเป็นอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อรักษาก็จะทุเลาลง อาการหลงผิด
หรือประสาทหลอนจะหายไป หรืออาจมีแต่มีน้อย หรือเป็นนาน ๆ ครั้ง
การรักษา
การรักษาด้วยยา
การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive therapy: ECT)
การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล
การบำบัดทางจิตสังคม (Psychosocial intervention)