ทที่ 4 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (นางสาว ธิดารัตน์ ชาวป่า เลขที่49
ห้อง 3A
)

การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค (Immunity) คือ การที่ร่างกายสร้างสารประเภทโปรตีนที่เรียกว่าแอนติบอดี (Antibody เพื่อทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ที่เข้าสู่ร่างกาย

click to edit

การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคทำได้ 2 วิธี

  1. การกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นเอง (Active immunization) หมายถึง การให้แอนติเจนเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรค หรือแอนติเจนชนิดนั้น 1.1 การเกิดภูมิคุ้มกันภายหลังการติดเชื้อตามธรรมชาติ (Active naturally acquired immunity) คือ เมื่อร่างกายได้รับเชื้อโรคตามธรรมชาติแล้วสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคชนิดนั้น 1.2 การเกิดภูมิคุ้มกันโรคภายหลังการให้วัตซีน (Active artificially acquired immunity) เช่น การให้วัคซีน หรือ Toxoid เพื่อป้องกันการเกิดโรค

click to edit

  1. การให้ภูมิคุ้มกันโรคโดยตรงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค (Passive immunization) หมายถึงการให้แอนติบอดีเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันต่อโรคชนิดนั้น 2.1 Passive naturally acquired immunity เกิดจากได้รับภูมิคุ้มกันโดยตรง โดยที่ร่างกายไม่ได้สร้างเอง 2.2 Passive artificially acquired immunity เกิดขึ้นจากการได้รับแอนติบอดี หรือภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป

ประเภทของวัคซีน

ก แบ่งประเภทของวัคซีนโดยอาศัยวิธีการผลิต สามารถจำแนกได้ 3 ประเภท

  1. วัคซีนเชื้อตาย (killed vaccine) หมายถึงวัคซีนที่ผลิตขึ้นโดยใช้เชื้อโรคทั้งตัวที่ตายแล้วหรือเฉพาะส่วนประกอบบางส่วนของเชื้อโรค     หรือโปรตีนส่วนประกอบของเชื้อที่ผลิตขึ้นมาใหม่ 
    
  1. วัคซีนเชื้อมีชีวิตที่ทำให้อ่อนฤทธิ์หรือเชื้อเป็น (live-attenuated vaccine) หมายถึง  วัคซีนที่ผลิตขึ้นโดยใช้เชื้อโรคมาทำให้อ่อนฤทธิ์ลงจนไม่สามารถทำให้เกิดโรคแต่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน ของร่างกายได้   
    
  1. วัคซีนประเภทท็อกซอยด์ (toxoid) หมายถึง วัคซีนที่ผลิตโดยการนำพิษของจุลชีพที่เป็นส่วนสำคัญในการก่อโรคมาทำให้หมดฤทธิ์ แต่ยังสามารถกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันได้ 
    

ข. แบ่งตามแผนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ จำแนกได้ 4 ประเภท

1 วัคซีนพื้นฐาน (compulsory vaccines) หมายถึง วัคซีนที่ได้รับการบรรจุในแผนสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ ได้แก่ วัคซีนบีซีจี วัคซีนตับอักเสบบี วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน วัคซีนโปลิโอชนิด

. 2 วัคซีนเสริมหรือวัคซีนเผื่อเลือก (optional vaccines) หมายถึง วัคซีนที่มีประโยชน์ สมควรแนะนำให้เด็กได้รับ แต่โรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนเหล่านี้ยังไม่มีความสำคัญด้านสาธารณสุขในลำดับต้นๆ หรือ ราคาสูง ไม่สามารถจัดหามาใช้ได้กับเด็กทั้งประเทศ ผู้ที่ต้องการฉีดต้องเสียเงินเอง ได้แก่ วัคซีนตับอักเสบเอ วัคซีนอีสุกอีใส วัคซีนนิวโมคอคคัสชนิดคอนจูเกต วัคซีนไข้หวัดใหญ่

  1. วัคซีนใช้กรณีพิเศษ (vaccines in special circumstances) หมายถึงวัคซีนที่มีข้อบ่งชี้ชัดเจนเพื่อใช้ ในการกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรค หรือหากเกิดโรคอาจมีอาการและภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น วัคซีนนิวโมคอคคัสสำหรับผู้ที่ไม่มีม้าม วัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ
  1. วัคซีนที่กำลังอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนา (investigation vaccines) หมายถึงวัคซีนที่มีความสำคัญในการป้องกันโรคที่กำลังเป็นปัญหาในหลายประเทศ และยังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัย การผลิต หรืออยู่ระหว่างการทดลองในอาสาสมัคร เช่น วัคซีนไข้เลือดออก วัคซีนมาลาเรีย วัคซีนเอดส์

วิธีการให้วัคซีน
วิธีการให้วัคซีน มีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน

  1. ทางปากหรือทางรับประทาน (oral  route)  ใช้กระตุ้นภูมิคุ้มกันในลำไส้  เช่น  วัคซีนโปลิโอชนิดกิน    วัคซีนไข้ทัยฟอยด์ชนิดกิน    และวัคซีนโรต้า
    
  1. ทางการฉีดเข้าในหนัง (intradermal หรือ intracutaneous  route)โดยฉีดเข้าในหนัง  ให้เป็น    ตุ่มนูนขึ้น   การฉีดวิธีนี้ทำให้แอนติเจนเข้าไปทางระบบน้ำเหลืองได้ดี  สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันชนิดเซลล์ เป็นสื่อได้ดี (Cell-mediated immune response)  เช่น วัคซีนวัณโรค  วัคซีนพิษสุนัขบ้า
    
  1. ทางการฉีดเข้าใต้หนัง (subcutaneous  route)  ควรใช้เข็ม ขนาด 26G  ยาว ½ นิ้ว  การฉีดใหh ตั้งเข็มทำมุม 45 องศากับผิวหนัง  มักจะใช้กับวัคซีนที่ไม่ต้องการให้ดูดซึมเร็วเกินไป  เพราะอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรง และเป็นวัคซีนที่ไม่มีสารดูดซับ (adjuvant)   เช่น วัคซีนรวมหัด – คางทูม – หัดเยอรมัน   
    
  1. ทางการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular  route)  เป็นการฉีดลึกลงถึงชั้นกล้ามเนื้อ ใช้เมื่อต้องการให้การดูดซึมของวัคซีนดี วัคซีนที่มีสารดูดซับ (adjuvant) ต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อเสมอ เพราะถ้าฉีดเข้าในหนังหรือใต้หนังจะทำให้เกิดการอักเสบเป็นไตแข็งเฉพาะที่ได้หรือเป็นฝีไร้เชื้อ (sterile  abscess)  
    
  1. ทางการพ่นเข้าทางจมูก เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในทางเดินหายใจ

click to edit

อาการข้างเคียงและการดูแลหลังได้รับวัคซีน

การเก็บรักษาวัคซีน

คำแนะนำสำหรับการรับวัคซีน

  1. ถ้ามีอาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน เช่นไข้สูงเกิน 40 องศาเซลเซียส , ชักเกร็ง ควรรีบมา พบแพทย์
  1. ทุกครั้งที่มารับวัคซีน ควรนำสมุดบันทึกวัคซีนมาด้วย และให้แพทย์บันทึกเป็นหลักฐาน
  1. ควรพาเด็กมารับวัคซีนตามกำหนดเวลา ถ้าเจ็บป่วย เช่น มีไข้สูง-สูงปานกลาง อุณหภูมิ
    สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส ให้งดวัคซีน

วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ ให้โดยการรับประทาน อาการข้างเคียงพบน้อยมาก อาจเกิดภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรืออัมพาตคล้ายโรคโปลิโอได้

วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี หลังฉีดยาประมาณ 3-4 ชม จะมีอาการปวด บวม บริเวณที่ฉีด มีไข้ต่ำๆ ให้รับประทานยาลดไข้ได้ในขนาดที่เหมาะสม

วัคซีนป้องกันโรควัณโรค หลังฉีด 2-3 สัปดาห์ จะเกิดตุ่มแดงโตขึ้นช้าๆ กลายเป็นฝีเม็ดเล็กและมีหัวหนองเ

วัคซีนป้องกันโรคหัด หัดเยอรมัน คางทูม หลังฉีดวัคซีน เด็กอาจมีไข้ช่วงวันที่ 5-12 หลังการฉีด อาจจะมีผื่นแดงพร้อมกับอาการไข้

วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ อาจมีอาการปวด บวมแดงบริเวณที่ฉีดยา (ร้อยละ20) และจะหายได้เองในเวลา 2-3 วัน อาจมีไข้ต่ำๆ

วัคซีนป้องกันโรคฮิบ (HIB) หรือโรคติดเชื้อฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนซา ชนิดบี (Haemophilus influenzae type b, Hib) ผลข้างเคียง พบได้เล็กน้อยประมาณร้อยละ 25 เช่น อาการ ปวด บวม แดง และรอนบริเวณที่ฉีด

วัคซีนโรต้า ผลข้างเคียง ไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน งอแง ถ่ายเหลว

วัคซีนป้องกันโรควัคซีนนิวโมคอคคัส Pneumococcus ผลข้างเคียง ไข้ ปวด บวม แดง

วัคซีนป้องกันโรคสุกใส ผลข้างเคียง บวม เจ็บแสบ ไข้ต่ำๆ พบผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใสเล็กน้อย ภายใน 5-26 วัน

  1. วัคซีนเชื้อเป็นชนิดผงแห้ง ได้แก่ BCG, MMR, MR และ JE (เชื้อเป็น) องค์การอนามัยโลก
    แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องเก็บในช่องแช่แข็ง แต่ให้เก็บในอุณหภูมิ +2°C ถึง +8°C ได้ทั้งในระดับคลังและ ในสถานบริการ และควรเก็บในกล่องเพื่อป้องกันแสงตลอดเวลา
  1. วัคซีนโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV) ให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิ -15°C ถึง -25°C ทั้งในระดับคลังและ
    ในสถานบริการ
  1. วัคซีนเชื้อตาย ได้แก่ HB, DTP, DTP-HB, dT, JE (เชื้อตาย), HPV, IPV, Hib (ชนิดน้ำ) Influenza
    และ Rabies ให้เก็บในอุณหภูมิ +2°C ถึง +8°C เท่านั้น (ห้ามแช่แข็ง) ทั้งในระดับคลังและในสถานบริการ
  1. น้ำยาละลายวัคซีนห้ามแช่แข็ง ในสถานบริการให้เก็บ ในอุณหภูมิ +2° C ถึง +8° C ในระดับคลัง
    ถ้าตู้เย็นช่องธรรมดามีพื้นที่ไม่เพียงพอให้เก็บไว้นอกตู้เย็นได้ แต่ถ้าจะนำไปละลายวัคซีนผงแห้งต้องเก็บไว้ในอุณหภูมิ +2°C ถึง +8°C ประมาณ 24 ชั่วโมงก่อนใช้

llll'''

างสาว ธิดารัตน์ ชาวป่า เลขที่ 49 ห้อง 3A
รหัสนักศึกษา 62106301050