Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาล…
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพการพยาบาลพดุงครรภ์ พ.ศ. 2564
หมวดที่ 1
บททั่วไป
การรักษาโรคเบื้องต้น
การตรวจ การวินิจฉัย การรักษา การป้องกันโรครวมถึงการปฐมพยาบาลเพื่อแก้ปัญหาความเจ็บป่วยหรืออาการของโรคให้ผู้ป่วยพ้นภาวะความเจ็บป่วยหรือภาวะวิกฤต
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
การได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยกะทันหัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือการทำงานของอวัยวะที่สำคัญ จำเป็นต้องได้รับการประเมินและบำบัดอย่างทันท่วงที
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
การปฐมพยาบาล
การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บหรือผู้เจ็บป่วย โดยดูแลหรือป้องกันไม่ให้ภาวะนั้นแย่ลง หรือเพื่อส่งเสริมการฟื้นหาย
การให้ภูมิคุ้มกัน
กระบวนการที่ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน หรือภูมิต้านทานต่อโรคที่ต้องการโดยการให้วัคซีน
หมวดที่ 2
การประกอบวิชาชีพพยาบาล
ส่วนที่ 1 การพยาบาล
ข้อที่ 5
ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำการพยาบาล โดยใช้กระบวนการพยาบาล
5.1 การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล การตรวจประเมินภาวะสุขภาพ การส่งเสริม การป้องกัน การควบคุม การปฐมพยาบาล การบำบัด และการฟื้นฟูสุขภาพ ทั้งรายทั่วไป รายยุ่งยาก ซับซ้อน หรือการเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือวิกฤต
5.2 การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษาและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย การวางแผนดูแลต่อเนื่อง และการส่งเสริมพลังอำนาจในการดูแลตนเองของประชาชน
5.3 การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การควบคุม
และ การแก้ปัญหาความเจ็บป่วยหรือวิกฤต
5.4 การปฏิบัติพยาบาลตามแผนการรักษาพยาบาล/แผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การใช้เครื่องมือพิเศษ การติดตามผลรวมทั้งการประสานทีมสุขภาพ ในการจัดบริการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาลที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
5.5 การให้การพยาบาลที่บ้านและการส่งเสริมความสามารถของบุคคล ครอบครัว และชุมชนเพื่อใช้ชีวิตอย่างปกติสุขหรือสามารถจัดการวิถีชีวิตให้อยู่กับความเจ็บป่วย
และมีสุขภาพชีวิตที่ดี ตามศักยภาพ
ข้อที่ 6
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะที่
ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษา หรือเมื่อเป็นการรักษาโรคเบื้องต้นหรือการปฐมพยาบาล
การให้ยาผู้รับบริการ ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
6.1 ห้ามให้ยา หรือสารละลายในร่องเยื่อบุไขสันหลังหรือช่องไขสันหลัง
หรือ สายสวนทางหลอดเลือดดำส่วนกลาง(Peripherally Inserted Central Catheter)
และช่องทางอื่น ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
6.2 ห้ามใช้ยา หรือสารละลาย หรือสารที่เกี่ยวข้องกับรังสีวินิจฉัย และยาอื่น
ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ยาหรือสารละลายที่ห้ามให้ทางหลอดเลือดดำ
1.1 กลุ่มสารละลายรังสี (Contrast media) ทุกชนิด
1.2 กลุ่มยาระงับความรู้สึกที่ให้ทางหลอดเลือดดำ (Intravenous anesthetic agents)
ได้แก่ ไธโอเพ็นทัลโซเดียม , คีตามีนไฮโดรคลอไรด์ , พรอโฟนอล , เฮโทมีเดท
"ยกเว้นผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลที่ผ่านการอบรมวิสัญญีพยาบาลและปฏิบัติงานในห้องผ่าตัดของสถานพยาบาลที่ไม่ใช่สถานพยาบาลตามกฎหมาย"
ข้อที่ 7
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ให้กระทำการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาล ในกรณีที่เป็นปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือวิกฤต จะทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลได้ ะต้องกระทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง
ข้อที่ 8
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสอง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะการให้ยาทางปากและยาภายนอก ตามที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษาหรือเมื่อเป็นการปฐมพยาบาล และห้ามให้ยาในชนิด และช่องทางตามที่สภาการพยาบาลประกาศตามข้อ 6.3 และ 6.2
ส่วนที่ 2 การทำหัตถการ
ข้อที่ 9
9.1 การทำแผล การตกแต่งบาดแผล การเย็บแผลขนาดลึกไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous tissue) และไม่อยู่ในตำแหน่งที่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญโดยใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ การตัดไหมตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย การดูแลบาดแผลไหม้ แผลน้ำร้อนลวก
9.2 การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอมตัดตาปลา การเสาะก้อนผิวหนัง ในบริเวณที่อยู่ในตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวััยวะสำคัญของร่างกาย โดยใช้ยาระงับความรู็สึกทางผิวหนังหรือฉีดยาเฉพาะที่ใน
9.3 การถอดเล็บ การจี้หูดจี้ตาปลา โดยใช้ยาระงับความรู้สึกทางผิวหนัง หรือฉีดยาชาเฉพาะที่
9.4 การให้ออกซิเจน
9.5 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤต
สูญเสียสมดุลของสารน้ำในร่างกาย เสี่ยงต่อภาวะช็อค
9.6 การให้ยาทางปาก ผิวหนัง หลอดเลือดดำหรือช่องทางอื่น ๆ
ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
9.7 การให้เลือด (Blood Tranfusion)
9.8 การเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยการดูดเสมหะ การเคาะปอด
9.9 การช่วยฟื้นคืนชีพ(Cardio pulmonary resuscitation)
9.10 การเช็ดตา ล้างตา (Eye irrigation) หยอดตา ป้ายตา ปิดตา หรือการล้างจมูก
9.11 การสอดใส่สายยางลงไปในกระเพาะอาหาร (Nasogastric tube) เพื่อให้อาหาร ให้ยา หรือล้างกระเพาะอาหารในรายที่กินสารพิษ
9.12 การสวนปัสสาวะ หรือการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ ในรายที่ไม่มีความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
9.13 การสวนทวารหนักในรายที่ไม่มีข้อบ่งชี้
9.14 การดามหรือใส่เฝือกชั่วคราว
9.15 การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
9.16 การเจาะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำส่วนปลายหรือปลายนิ้วเพื่ส่งตรวจห้องปฏิบัติการ
9.17 หัตถการอื่น ๆ ตามที่สภาการพยาบาลกำหนด
หมวดที่ 3
การรักษาโรคเบื้องต้น
1.ไข้ตัวร้อน
2.ไข้และมีผื่นหรือจุด
3.ไข้จับสั่น
4.ไอ
5.ปวดศีรษะ
6.ปวดเมื่อย
7.ปวดหลัง
8.ปวดเอว
9.ปวดท้อง
10.ท้องผูก
11.ท้องเดิน
12.คลื่นไส้อาเจียน
13.การอักเสบต่าง ๆ
14.โลหิตจาง
15.ดีซ่าน
16.โรคขาดสารอาหาร
17.อาหารเป็นพิษ
18.โรคพยาธิลำไส้
19.โรคบิด
20.โรคไข้หวัด
21.โรคหัด
22.โรคสุกใส
23.โรคคางทูม
24.โรคไอกรน
25.โรคผิวหนังเหน็บชา
28.เจ็บตา
26.ปวดฟัน
30.โรคติดต่อตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
29.เจ็บหู
27.เหงือกอักเสบ
31.ภาวะแท้งคุกคามหรือหลังแท้งแล้ว
32.การให้ภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคคลทั่วไป
33.ความเจ็บป่วยอื่น ๆ
ข้อที่ 10
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้กระทำหารประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้
ข้อที่ 11
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อที่ 12
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ต้องกระทำการรักษาโรคเบื้องต้นตามข้อกำหนดต่างของสภาการพยาบาลที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อที่ 13
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งถ้าจำเป็นต้องใช้ยาให้ใช้ยาได้ตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อที่ 14
ผู้ปรกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งในการให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อที่ 15
ต้องมีบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติผู้ป่วย หรือผู้รับบริการ อาการ และการเจ็บป่วย โรค การพยาบาล การให้การรักษา หรือการให้บริการ วันเวลาที่ให้บริการ
หมวดที่ 4
การประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์
ส่วนที่ 1 การพยาบาลก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์
ข้อที่ 16
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การผดุงครรภ์แก่หญิงและครอบครัว เมื่อต้องการมีบุตรก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ด้วยกระบวนการดังนี้
16.1 ตรวจประเมินภาวะสุขภาพของหญิงและคู่สมรสเพื่อวางแผนการมีบุตร
16.2 ตรวจประเมินภาวะการตั้งครรภ์ด้วยเวชภัณฑ์ทดสอบการตั้งครรภ์
16.3 การรับฝากครรภ์
ข้อที่ 17
แนะนำและส่งตอหญิงมีครรภ์ให้ได้รับการตรวจและการรักษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามเกณฑ์ฝากครรภ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อที่ 18
ส่งต่อหญิงมีครรภ์กลุ่มเสี่ยง หรือตรวจพบภาวะครรภ์เป็นพิษ ท่าทารกในครรภ์ผิดปกติ หรือมีภาความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์และการคลอดอื่น ๆ ให้ได้รับการรักษาพยาบาลจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์และทารก
ส่วนที่ 2 การพยาบาลระยะคลอด
ข้อที่ 19
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะกระทำการผดุงครรภ์ได้แค่เฉพาะรายที่ตั้งครรภ์ปกติ และคลอดอย่างปกติ ตลอดจนการดูแลมารดาและทารกแรกเกิด
ข้อที่ 20
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ
การผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ให้การผดุงครรภ์ ระยะก่อคลอด ดังนี้
20.1 การประเมินหญิงมีครรภ์
20.1.1 การประเมินประวัติการตั้งรรภ์ และประวัติเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการคลอด
20.2 การตรวจทางหน้าท้องเพื่อประเมินความพร้อมในการคลอด
20.3 การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
ข้อที่ 21
การพยาบาลระยะคลอด (Intrapartum)
21.1 การพยาบาลหญิงมีครรภ์ที่ได้รับการชักนำการคลอด
21.2 การทำคลอดในรายปกติ เตรียมทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิดสมบูรณ์แล้ว
21.3 ทำคลอดรก
21.4 เย็บซ่อมแซมฝีเรียบ
21.5 ประเมินการเสียเลือด
21.6 การประเมินสัญญาณชีพ
ข้อที่ 22
การช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำคลอด ในรายที่มีการคลอดผิดปกติ เช่น การคลอดติดไหล่หน้า หรือการใช้เครื่องมือช่วยคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศ ด้วยคีม หรือการช่วยผ่าตัดคลอด
การช่วยทำหัตถการทางสูติกรรมที่มีความปลอดภัยต่อหญิงมีครรภ์
ข้อที่ 23
ห้ามผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำเกี่ยวกับการคลอดดังนี้
23.1 การเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจภาวะการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
23.2 การทำคลอดที่มีความผิดปกติ
23.3 การล้วงรก
23.4 การกลับท่าของทารกในครรภ์
23.5 การใช้มือกดท้องในขณะช่วยคลอด
23.6 การเย็บซ่อมฝีเย็บที่มีการฉีกขาดระดับ 2
23.7 การทำแท้ง
ข้อที่ 24
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะกระทำการช่วยคลอดฉุกเฉินในรายที่มีการคลอดผิดปกติที่ไม่สามารถตรวจพบก่อนการทำคลอด และเห็นประจักษ์ว่าถ้าละลเยไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาและทารกในครรภ์ให้ทำคลอดรายเช่นนั้นได้แต่ห้ามใช้คีมสูงหรือใช้เครื่องสุญญากาศหรือการผ่าตัดหรือให้ยารัดมดลูกก่อนคลอด
ข้อที่ 25
ในรายที่มีการตกเลือดหลังคลอดถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้รักษาอาการตกเลือดเบื้องต้นตามความจำเป็นและส่งต่อทันที
ส่วนที่ 3 การพยาบาลมาดาและทารก ระยะหลังคลอด
ข้อที่ 26
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การพยาบาลกับมารดาหลังคลอดอย่างใกล้ชิด
ข้อที่ 27
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะต้องใช้ยาทำลายและป้องกันการติดเชื้อสำหรับยหยอดตาหรือป้ายตาทารกแรกเกิดทันที
ข้อที่ 28
การพยาบาลทารกแรกเกิด โดยการประเมินสัญญาณชีพ ความผิดปกติ หรือความพิการที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ข้อที่ 29
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับหญิงตั้งครรภ์ การพยาบาลระยะตั้งครรภ์ การคลอด การพยาบาลหลังคลอด และการให้บริการตามความเป็นจริง และเก็บบันทึกไว้เป็นหลักฐาน 5 ปี
ข้อที่ 30
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นสอง ให้ทำการพยาบาลระยะตั้งครรภ์ การคลอด การพยาบาลหลังคลอด ในรายการคลอดปกติ ในสถานพยาบาลและการเยี่ยมบ้านที่ไม่ซับซ้อน
ส่วนที่ 4
การวางแผนครอบครัวและการคัดกรองมารดาทารก
ข้อ 31
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง สามารถกระทำการพยาบาลและการวางแผนครอบครัว
ข้อที่ 32
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งสามารถทำการคัดกรองมารดาทารก
ข้อที่ 33
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นสอง การให้การบริการวางแผนครอบครัวแบบใช้ยาหรือและอุปกรณ์
ส่วนที่ 5 การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
แก่มารดาและทารก
ข้อที่ 34
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งจะให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณะสุขประกาศกำหนด
ข้อที่ 35
ผู้ประกอบวิชาชีพการภดุงครรภ์ ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลเเละการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ให้คำเเนะนำเรื่องการเข้ารับภูมิคุ้มกันโรคเเละติดตามให้มารับภูมิคุ้มกันโรค