Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปภาวะแทรกซ้อนของหญิงตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
สรุปภาวะแทรกซ้อนของหญิงตั้งครรภ์
Hyperemesis gravidarum
ภาวะอาเจียนรุนแรง
Morning sickness
อาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการตั้งครรภ
เริ่มมีอาการ GA 4-6 wks
อาการรุนแรงมากสุด GA 8-12 wks
อาการจะหายไป GA 20 wks
สาเหตุ
ปัจจัยด้านมารดา
มีประวัติของการเกิด Hyperemesis gravidarum ในครรภ์ก่อน
มีประวัติ Motion sickness เช่น เมารถ เมาเรือ
มีประวัติโรคไมเกรน (Migraine headaches)
มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารไม่เหมาะสมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
ภาวะเครียดทางจิตสังคม (Psychological and social factors)
ประวัติการใช้ยาคุมก าเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (มี Estrogen hormone)
ปัจจัยอื่นๆ ที่พบในสตรีตั้งครรภ์
ความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ (hormonal causes)
ปัจจัยด้านทารก
ทารกมีความผิดปกติ เช่น trisomy 21 และ hydrops fetalis
อาการและอาการแสดง
อาการไม่รุนแรง
1.1 อาเจียนน้อยกว่า 5 ครั้งต่อวัน สามารถทำงานได้ตามปกติ
1.2 ลักษณะอาเจียนไม่มีน้ำหรือเศษอาหาร
1.3 น้ำหนักตัวลดลงเล็กน้อย แต่ไม่มีอาการขาดสารอาหาร
อาการรุนแรงปานกลาง
2.1 อาเจียนติดต่อกันมากกว่า 5 - 10 ครั้งต่อวัน
2.2 อาเจียนติดต่อกันไม่หยุดภายใน 2 - 4 สัปดาห์
2.3 อ่อนเพลีย ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
2.4 น้ำหนักตัวลด มีอาการขาดสารอาหาร
2.5 มีภาวะเลือดเป็นกรด (Acidosis)
อาการรุนแรงมาก
3.1 อาเจียนมากกว่า 10 ครั้งต่อวัน ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้นอนอยู่ในเตียงตลอดเวลา
3.2 อาเจียนทันทีภายหลังรับประทาอาหาร
3.3 อาเจียนติดต่อกันเกิน 4 สัปดาห์
3.4 อ่อนเพลีย ซูบผอม น้ำหนักตัวลดมาก
3.5 เกิดการขาดสารอาหารรุนแรง ได้แก่ ผิวหนังแห้ง ไม่ยืดหยุ่น ปากแห้งลิ้นเป็นฝ้าขาวหนา แตกตาลึก ปัสสาวะขุ่นและออกน้อย ตัวเหลือง ท้องผูกมีไข้ และความดันโลหิตลดลง
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อสุขภาพมารดา
การทำงานของระบบต่างๆที่สำคัญในร่างกาย
ภาวะขาดน้ำ
ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และทารก
ถ้าอาการไม่รุนแรง รักษาได้ถูกต้องทันที ทารกจะไม่มีความผิดปกติใดๆ
ถ้าน้ำหนักตัวลดลงมากกว่า 5 ปอนด์ (2 กิโลกรัม) ขาดน้ำนานๆ
ถ้ามารดามีอาการรุนแรงมาก ขาดสารอาหารมาก
การพยาบาล
1.เพื่อแก้ไขภาวะแทรกซ้อนจากการอาเจียนอย่างรุนแรงในระยะตั้งครรภ์
อธิบายปัจจัยที่ส่งเสริมที่ทำให้เกิดอาการ ภาวะแทรกซ้อน และแผนการรักษา
ประเมินภาวะขาดน้ำ และดูแลการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ดูแลให้ได้รับยาแก้อาเจียนตามแผนการรักษา และดูแล NPO
บันทึกปริมาณน้ าเข้า-ออก สัญญาณชีพ ชั่งน้ าหนักตัวทุกวัน
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ดูแลความสะอาดปากและฟันภายหลังการอาเจียนทุกครั้ง
แนะน ารับประทานขนมปังกรอบ หรือขนมปังที่ไม่มีการแต่งรสชาติ เริ่มครั้งทีล่ะน้อยๆ
ดูแลให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
1.เพื่อแก้ไขภาวะแทรกซ้อนจากการอาเจียนอย่างรุนแรงในระยะตั้งครรภ์
ยา Dimenhydrinate 25-50 มิลลิกรัม 1 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมงหรือ 50 มิลลิกรัม ผสม Saline ฉีดเข้าเส้นเลือดใน 20 นาที ทุก 4-6 ชั่วโมง
วิตามินบี (Pyridoxine) 10-25 มิลลิกรัม 1 เม็ด 3-4 ครั้งต่อวันไม่ควรรับประทานเกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน
การพยาบาลมารดาและทารกที่มีภาวะความผิดปกติของน้ำคร่ำ
น้ำคร่ำ สร้างมาจากสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
➢ transudate ของซีรั่มสตรีตั้งครรภ์ที่ซึมผ่านเยื่อหุ้มทารก
➢ สารคัดหลั่งจาก amnion
➢ สารจากผิวหนังทารก
➢ สารน้ำจากทางเดินหายใจทารก
➢ ปัสสาวะของทารกในครรภ์ (GA > 20 wks)
ปริมาณน้ำคร่ำในการตั้งครรภ์ปกติ มีความแตกต่างกันตามอายุครรภ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
➢ โดยปริมาณน้ำคร่ำจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจาก 8 มิลลิลิตร ที่อายุครรภ์ 6 สัปดาห์
➢ ไปถึง 400 มิลลิลิตร ที่อายุครรภ์ 16 สัปดาห์
➢ จนถึงอายุครรภ์ 36-38 สัปดาห์ น้ำคร่ำจะมีปริมาณสูงสุดประมาณ 1,000 มิลลิลิตร
➢ จากนั้นจะค่อยๆลดลง หลัง 42 สัปดาห์ เหลือเพียง 200-300 มิลลิลิตร
ภาวะน้ำคร่ำน้อย (Oligohydramnios)
ภาวะที่มีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่า 500 มิลลิลิตร
การตรวจด้วยคลื่นเสียงสูง พบว่า Sigle Deepest Pocket (SDP) < 2 cm.
มีค่า Amniotic Fluid Index (AFI) < 5-8 cm.
ระดับความรุนแรง
รุนแรงน้อย SDP < 1-2 cm และ AFI < 5-8 cm
รุนแรงมาก SDP < 1 cmและ AFI < 5 cm
สาเหตุ
ด้านทารก
ความผิดปกติของโครโมโซม เช่น trisomy 18, turner syndrome เป็นต้น
ความพิการของระบบทางเดินปัสสาวะ ท้าให้ปัสสาวะออกน้อยผิดปกติเช่น ทางเดินท่อปัสสาวะอุดตัน (urethral obstruction) หรือมีความผิดปกติของไต
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
ทารกตายในครรภ์
รกลอกตัวก่อนกำหนด
ทารกแฝดที่มีภาวะ twin- twin transfusion syndrome
ด้านมารดา
การแตกของถุงน้ำคร่ำเป็นระยะเวลานาน (prolonged PROM)
การตั้งครรภ์เกินกำหนด (post-term)
ภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรม เช่น ภาวะความดันโลหิตสูงร่วมกับการตั้งครรภ์โรคเบาจืด โรคเบาหวาน เนื่องจากเป็นสาเหตุท้าให้เกิดภาวะรกขาดเลือดไปเลี้ยง
การใช้ยาในขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ยากลุ่ม Prostaglandin-synthesis inhibitor
angiogenesis converting enzyme inhibitor และ ยา Indomethacin
อาการและอาการแสดง
ขนาดของมดลูกเล็กกว่าอายุครรภ์ คล้าส่วนของทารกได้ชัดเจน
สตรีตั้งครรภ์รู้สึกว่าทารกเคลื่อนไหวน้อยกว่าปกติ เนื่องจากมดลูกถูกบีบรัด
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของทารก
1.การแท้ง โดยเฉพาะในไตรมาสแรก ซึ่งจะสัมพันธ์กับทารกมีความพิการ ร้อยละ 90
2.ทารกเกิดภาวะ amniotic band syndrome จากการที่มีเยื่อพังผืดรัดติดส่วนของร่างกายทารกกับผนัง amnion ท้าให้เกิดความพิการ เช่น แขนขาเกิด amputationหรือคอดกิ่ว รูปร่างผิดปกติ หรือเท้าแป (clubfoot) หรือขาโก่ง
ทารกในครรภ์ถูกกดเบียดท้าให้เกิด Potter sequences คือ ปอดแฟบ หน้าตาผิดปกติ
สายสะดือถูกกด (cord compression) ส่งผลให้เกิดภาวะ fetal distress
ภาวะความดันโลหิตสูง ร่วมกับการตั้งครรภ์
ชนิด
Gestational hypertension (Transient hypertension)
Chronic hypertension (ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง)
Eclampsia (ครรภ์เป็นพิษระยะชัก)
Preeclampsia (ครรภ์เป็นพิษระยะก่อนชัก)
สาเหตุ
• สาเหตุที่แท้จริงของภาวะ preeclampsia ยังไม่ทราบแน่ชัด
• แต่เชื่อว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ระหว่าง genetic, immunological, placental and circulating factors สมมุติฐานที่ใช้
การตั้งครรภ์แฝด
Monozygotic (identical) twins -> true twins
เป็นแฝดแท้ (true twins) เกิดจากการผสมของไข่ใบเดียวกับเชื้ออสุจิตัวเดียว จนได้ fertilized ovum แล้วแยกตัวเองเป็นสองใบขณะที่มี differentiation (cleavages) ตั้งแต่ระยะ Morulla จนเกิด embryo ใช้เวลาประมาณ 14 วัน
ลักษณะของแฝดแท้ มักจะออกมาเป็นเพศเดียวกัน หน้าตาเหมือนกัน ผิวเหมือนกัน เรียกว่าลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันแทบทุกอย่าง
ลักษณะเฉพาะของครรภ์แฝดชนิด Monozygotic (identical) twins
Diamnionic, Dichorionic, Monozygotic twins pregnancy
Diamnionic, Monochorionic, Monozygotic twins pregnancy
Monoamnionic ,Monochorionic, Monozygotic twins pregnancy
Conjoined twins หรือ Siamese twins
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพ
1. ด้านมารดา
1.1 โลหิตจาง (anemia)
1.2 ภาวะความดันโลหิตสูง
1.3 การคลอดก่อนกำหนด
1.4 ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
1.5 รกเกาะต่ำ
1.6 รกลอกตัวก่อนกำหนด (abruptio placenta)
1.7 ครรภ์แฝดน้ำ (hydramnios)
1.8 การคลอดยาวนาน
1.9 การคลอดติดขัด (obstructed labor) เช่น Locked twins เป็นต้น
1.10 การตกเลือดหลังคลอด
1.11 การติดเชื้อหลังคลอด
1.12 อาการไม่สุขสบายที่พบบ่อย เช่น คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ปวดหลัง หายใจลำบาก เป็นต้น
2. ด้านทารก
2.1 การแท้ง
2.2 ทารกตายในครรภ์ ( fetal death in utero )
2.3 ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ
2.4 ทารกโตช้าในครรภ์ (IUGR)
2.5 Twin–Twin transfusion syndrome (TTTS) คือ มีเลือดวิ่งถ่ายเทระหว่างเด็กในครรภ์ด้วยกัน โดยคนหนึ่งให้ อีกคนรับ เป็นภาวะที่เส้น เลือดมาต่อกันโดยบังเอิญ ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือคนที่ให้ก็ไม่โตสักทีตัวเล็ก คนรับก็อ้วนสมบูรณ์
2.6 ความพิการแต่กำเนิด พบในแฝดชนิด monozygotic เช่นแฝดติดกัน