Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านอารมณ์ - Coggle Diagram
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านอารมณ์
(Bipolar and related Disorder)
มีอารมณ์และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป 2 รูปแบบ หรือ 2 ขั้ว
ขั้วซึมเศร้า (depression) ผู้ป่วยจะมีอารมณ์เศร้า หดหู่ เบื่อหน่าย ท้อแท้ไม่อยากทำอะไร
ไม่อยากพบใคร หมดหวังกับชีวิตจนถึงอยากฆ่าตัวตาย ซึ่งขั้วซึมเศร้ามีอาการเหมือนกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
ขั้วแมเนีย (mania) ผู้ป่วยจะมีอารมณ์ครึกครื้น หรือ หงุดหงิดง่าย พลุ่งพล่าน มีความต้องการ
นอนน้อยลง ขยันทำกิจกรรม โครงการต่างๆมากมายตลอดเวลา มีความคิดว่าตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ รู้สึกมั่นใจ หรือ รู้สึกว่าตนเองเก่งกว่าที่ผ่านมา รวมทั้งวอกแวก ไม่มีสมาธิ
สาเหตุ
ปัจจัยด้านชีวภาพ พันธุกรรม(genetics)สารสื่อประสาท (Neurotransmitter)
ปัจจัยตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ฟรอยด์ เชื่อว่าโรคซึมเศร้าเกิดจากความโกรธหรือความก้าวร้าว ไม่สามารถแสดงออกมาได้ จึงหันความโกรธหรือความก้าวร้าวเข้าหาตนเองและเกิดอารมณ์เศร้าทฤษฎีพุทธิปัญญา (ความคิด) ของเบคเชื่อว่า ซึมเศร้าเกิดจากการมีวิธีคิดที่เบี่ยงเบนไปจากปกติ คือการที่บุคคลประเมินตนเอง โลก และอนาคตในทางลบ นำไปสู่การรับรู้เกี่ยวกับตนเอง
ปัจจัยเหตุทางด้านจิตสังคม (Psychosocial factors)
กลุ่มโรคซึมเศร้า (Depressive disorder)
Major depressive disorder (MDD)
มีอาการอย่างน้อย 5 อาการ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และต้องมีอาการอย่างน้อยหนึ่งข้อของ อารมณ์เศร้า เบื่อหน่ายไม่มีความสุข
มีอารมณ์เศร้าแทบทั้งวัน เกือบทุกวัน ทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น
ความสนใจหรือความเพลิดเพลินในกิจกรรมปกติที่เคยทำทั้งหมด หรือแทบทั้งหมดลดลงอย่างมากแทบทั้งวัน เกือบทุกวันทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น
น้ำหนักตัวลดหรือเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้เกิดจากความตั้งใจควบคุม (น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ของน้ำหนักตัวปกติในเวลา 1 เดือน) เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้นเกือบทุกวัน
นอนไม่หลับ หรือหลับมากผิดปกติ เกือบทุกวัน
เหนื่อยอ่อนเพลีย หรือไม่มีแรงเกือบทุกวัน
Persistent depressive disorder /Dysthymia
มีอารมณ์เศร้าเกือบทั้งวัน ทั้งที่ผู้ป่วยรู้สึกเองและที่ผู้อื่นสังเกตเห็น และมีวันที่เป็นมากกว่าวันที่ไม่เป็น ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ปี ขณะที่ซึมเศร้ามีอาการต่อไปนี้ 2 อาการขึ้นไป
เบื่ออาหารหรือกินจุ
นอนไม่หลับหรือนอนหลับมากเกินไป
อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง
ในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ไม่มีระยะเวลาที่เป็นปกตินานกว่า 2 เดือน
อาจมีอาการของโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่องนาน 2 ปี
กลุ่มโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder)
โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว หรือโรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) เป็นความผิดปกติทาง อารมณ์ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้จะมีลักษณะอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมา ระหว่างอารมณ์ซึมเศร้า (major depressive episode) สลับกับช่วงที่อารมณ์ดีมากกว่าปกติ (mania หรือ hypomania) โดยอาการในแต่ละช่วงอาจเป็นอยู่นานเป็นสัปดาห์ หรือหลาย ๆ เดือนก็ได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต
กลุ่มโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) แบ่งกลุ่มกว้าง ๆ ออกได้เป็น
-Bipolar I disorder มีอาการเมเนีย สลับกับช่วงซึมเศร้า หรืออาจมีอาการเมเนียเพียงอย่างเดียวก็ได้
-Bipolar II disorder มีอาการซึมเศร้า สลับกับช่วงไฮโปเมเนีย (hypomania)
1.ระยะ Mania (Manic episode)
มีอารมณ์คึกคัก แสดงความรู้สึกโดยไม่รั้ง หรือมีอารมณ์หงุดหงิดผิดปกติ และคงอยู่ตลอดอย่างชัดเจนอย่างน้อย 1 สัปดาห์
มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาก หรือมีความคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ (grandiosity) หรือ grandeur delusion
ความต้องการนอนลดลง เช่น ได้นอน 3 ชั่วโมงก็รู้สึกเต็มอิ่มแล้ว
พูดคุยมากกว่าปกติ หรือพูดไม่ยอมหยุด (pressure of speech)
ความคิดพรั่งพรู (Flight of idea) หรือรู้สึกว่าความคิดแล่นเร็วคิดหลายเรื่องพร้อมๆกัน (racing thought) เปลี่ยนเรื่องเร็ว จนพูดตามไม่ทัน
วอกแวกง่าย (distractibility) เช่น เปลี่ยนความสนใจไปอย่างรวดเร็วไปตามสิ่งเร้าภายนอก แม้ไม่เกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่สนใจอยู่ในขณะนั้น
2.ระยะ hypomania (hypomanic episode)
มีช่วงที่อารมณ์คึกคักแสดงความรู้สึกโดยไม่รั้ง หรือมีอารมณ์หงุดหงิดที่ผิดปกติ และคงอยู่ตลอดอย่างชัดเจนอย่างน้อย 4 วัน
มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาก หรือมีความคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ (grandiosity) หรือ grandeur delusion
ความต้องการนอนลดลง เช่น ได้นอน 3 ชั่วโมงก็รู้สึกเต็มอิ่มแล้ว
พูดคุยมากกว่าปกติ หรือพูดไม่ยอมหยุด (pressure of speech)
ความคิดพรั่งพรู (Flight of idea) หรือรู้สึกว่าความคิดแล่นเร็วคิดหลายเรื่องพร้อมๆกัน (racing thought) เปลี่ยนเรื่องเร็ว จนพูดตามไม่ทัน
ระยะซึมเศร้า Major depressive episode)
มีอาการดังต่อไปนี้ อย่างน้อย 5 อาการ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมติดต่อกันเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
มีอารมณ์เศร้า (depressive mood) แทบทั้งวัน เกือบทุกวัน ทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น
มีอารมณ์เศร้า (depressive mood) แทบทั้งวัน เกือบทุกวัน ทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น
ความสนใจหรือความเพลิดเพลินในกิจกรรมปกติที่เคยทำทั้งหมด หรือแทบทั้งหมดลดลงอย่างมากแทบทั้งวัน เกือบทุกวันทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น
น้ำหนักตัวลด (weight loss) หรือเพิ่มขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจควบคุมหรือเพิ่มน้ำหนัก (น้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงมากกว่า5% ของน้ำหนักตัวปกติในเวลา 1 เดือน) เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้นเกือบทุกวัน
นอนไม่หลับ หรือหลับมากผิดปกติ เกือบทุกวัน
รู้สึกตนเองไร้ค่า (low self-esteem) หรือรู้สึกผิด (guilt) เกินควรเกือบทุกวัน
สมาธิลดลง (poor concentration) หรือความสามารถในการคิดหรือตัดสินใจลดลงเกือบทุกวัน ทั้งที่ตนเองรู้สึกและคนอื่นสังเกตเห็น
Cyclothymic Disorder
มีช่วงที่มีอาการของ hypomania อยู่มาก แต่ไม่ครบตามเกณฑ์ของ hypomania และมีช่วงที่มีอาการซึมเศร้าซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ของ Major depressive episode นานอย่างน้อย 2ปี
มีช่วงที่มีอาการของ hypomania อยู่มาก แต่ไม่ครบตามเกณฑ์ของ hypomania และมีช่วงที่มีอาการซึมเศร้าซึ่งไม่เข้าเกณฑ์ของ Major depressive episode นานอย่างน้อย 2ปี
ไม่มีอาการที่เข้าได้กับ hypomania, mania, major depressive episode
อาการไม่ได้เกิดจากSchizoaffective disorder หรือโรคจิตชนิดอื่น
อาการไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากสารเสพติด ยารักษาโรคหรือโรคทางกาย
การรักษาและการบำบัด
การรักษาด้วยยา
ระยะ mania ใช้ยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizer)
ลิเทียม (Lithium) ใช้ในการควบคุมอารมณ์ การออกฤทธิ์ในการรักษาใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป ในระยะแรกอาจต้องใช้ยาขนานอื่นร่วมไปด้วย การให้ Lithium ต้องระมัดระวังเนื่องจากยามีพิษต่อไต ต้องมีการเจาะเลือดหาระดับ Lithium ในเลือด ระดับการรักษาอยู่ที่ 0.8-1.2 mEq/L
Sodium Valproate และ carbamazepine เป็นยากันชัก แต่ในทางจิตเวชใช้เพื่อปรับอารมณ์
ให้คงที่เหมือน Lithium
Sodium Valproate และ carbamazepine เป็นยากันชัก แต่ในทางจิตเวชใช้เพื่อปรับอารมณ์
ให้คงที่เหมือน Lithium
ยากลุ่ม Benzodiazepine เช่น Diazepam, Lorazepam, clonazepam ใช้ร่วมกับยาปรับอารมณ์เพื่อลดอาการกระวนกระวาย นอนไม่หลับ ก้าวร้าว หงุดหงิด วิตกกังวล
ระยะซึมเศร้า ใช้ยาต้านเศร้า (Antidepressant) กลุ่มที่ใช้คือ กลุ่มTricyclic เช่น Amitriptyline กลุ่ม Serotonin Reuptake inhibitor (SSRI) เช่น Fluoxetine, Flulox ใช้ลดอาการซึมเศร้า ท้อแท้ ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์จึงออกฤทธิ์ในการรักษา
การรักษาด้วยกระแสไฟฟ้า (Electro Convulsive Therapy) ใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้ารุนแรงมาก เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย มีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตและผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา
การรักษาทางจิตสังคม (Psychological treatment)
จิตบำบัด (Psychotherapy) เป็นการทำจิตบำบัดรายบุคคล หรือ จิตบำบัดรายกลุ่ม เพื่อให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกไม่สบายใจ มีความเข้าใจปัญหาของตนเอง และมีแนวทางในการจัดการกับปัญหาของตนเองได้ อย่างเหมาะสม มองเห็นคุณค่าของตนเอง
การบำบัดความคิด (Cognitive therapy) หลักการของวิธีการรักษานี้เชื่อว่า ผู้ป่วยมีความคิดที่ผิดพลาด (cognitive distortion) เช่น ความคิดด้านลบ การรักษาจะช่วยให้ผู้ป่วยแก้ไขระบบความคิดที่เป็นผลเสียต่อตนเอง ที่ทำให้เกิดความรู้สึกซึมเศร้า หมดหวัง
พฤติกรรมบำบัด (Behavior therapy) ในผู้ป่วยซึมเศร้าจะเป็นการนำพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของผู้ป่วยมาเป็นเป้าหมายในการรักษา เช่น การมองคุณค่าในตนเองต่ำขาดความเชื่อมั่นใจตนเอง จะรักษาโดยฝึกความกล้าในการแสดงออก (Assertive training) และเสริมแรงบวกเมื่อมีอาการดีขึ้น
การบำบัดความคิดและพฤติกรรม Cognitive Behavior Therapy (CBT) มุ่งแก้ไขปรับแนวคิดและพฤติกรรมให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยช่วยให้ผู้ป่วยได้เรียนรู้ความคิดและพฤติกรรมที่มีผลต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ และเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนแปลงความคิดและพฤติกรรมที่จะช่วยให้เอาชนะภาวะซึมเศร้าได้
การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด (Milieu therapy) โดยจัดบรรยากาศในหอผู้ป่วยให้รู้สึกปลอดภัย
อบอุ่น เป็นมิตร ผู้ป่วยรู้สึกกล้าที่จะเข้ามาติดต่อกับเจ้าหน้าที่เพื่อขอความช่วยเหลือ และให้ผู้ป่วยเข้ากลุ่มกิจกรรมบำบัดในหอผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและ พัฒนาตนเองเพื่อจะออกไปอยู่ร่วมกับสังคมภายนอกได้
การประเมินสภาพจิต
ลักษณะทั่วไป
ผู้ป่วยซึมเศร้ามักไม่สนใจดูแลตนเอง ไม่อยากทำกิจวัตรประจำวันที่เคยทำอยู่ ไม่อยากรับประทานอาหาร ไม่มีแรง อ่อนเพลีย น้ำหนักลด หน้าตาหม่นหมอง นอนไม่หลับหรืออาจนอนหลับมากเกินไป ฝันร้าย
ไม่มีสมาธิ หลงลืมง่ายในสิ่งที่ตั้งใจ มีความคิดด้านลบต่อตนเอง ความรู้สึกภาคภูมิใจและคุณค่าในตนเองลดลง
สำหรับผู้ป่วยแมเนี่ย จะร่าเริง พูดมาก พูดคุยโอ้อวด การแต่งกายประหลาดไม่เหมาะสมกับกาลเทศะ มีกิจกรรมต่าง ๆทำมากมายทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาโภชนาการ
อารมณ์
ประเมินโดยการพูดคุยกับผู้ป่วย จากการสังเกต การพูด การสื่อสาร น้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง
ความคิด
ผู้ป่วยซึมเศร้าจะพูดซ้ำ ๆ และถามซ้ำ ๆ คิดช้า เนื้อหาความคิดจำกัดวนเวียนในบางหัวข้อเท่านั้น
มักพบความคิดว่าไม่ชอบตนเอง คิดว่าตนเองล้มเหลว มองโลกในแง่ร้าย รู้สึกผิด คิดฆ่าตัวตาย
ผู้ป่วยแมเนีย ประเมินระดับความรุนแรงของแมเนียโดย hypomaniaมีลักษณะช่างพูด พูดต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว กระแสความคิดมีความคิดมากมาย (Flight of Idea) ส่วนใน แมเนีย มีความคิดทะเยอทะยาน ฟุ้งซ่าน ความคิดแล่นเร็ว หลงผิด คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ รู้สึกตนเองมีคุณค่าหรือมีอำนาจเพิ่มขึ้น
การรับรู้
ผู้ป่วยซึมเศร้าอาจมี Illusion หรือ hallucination
สติสัมปชัญญะ
ในผู้ป่วยซึมเศร้าจะสับสน ซึม ช้า ไม่มีสมาธิ ประสาทสัมผัสไม่ดี ส่วนผู้ป่วยแมเนีย จะวอกแวก ไม่มีสมาธิ มีกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้น อยู่ไม่นิ่ง
การพยาบาล
ประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย พยาบาลควรเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และประเมินซ้ำทุกระยะ
จัดให้ผู้ป่วยอยู่ใกล้ห้องพยาบาล จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย เก็บสิ่งของวัตถุที่สามารถทำร้ายตนเอองได้ให้หมด
ประเมินพฤติกรรมอันตราย เช่น หลบหนีออกจากโรงพยาบาล ทำลายสิ่งของหรือทำร้ายผู้อื่น
ผู้ป่วยซึมเศร้าจะรับประทานอาหารได้น้อย เบื่ออาหารหรืออาจรับประทานมากเกินไป ควรจัดอาหารให้เหมาะสมกับพลังงานที่ผู้ป่วยควรได้รับและอยู่เป็นเพื่อนขณะรับประทานอาหาร
การส่งเสริมความมีคุณค่าในตนเอง ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางอารมณ์จะรู้สึกคุณค่าในตนเองต่ำ พยาบาลต้องกระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึกเหล่านี้ ส่งเสริมให้ผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมทางบวกออกมา และแสดงจุดแข็งผ่านทางพฤติกรรมที่สร้างสรรค์