Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความผิดปกติด้านความคิดและการรับรู้…
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความผิดปกติด้านความคิดและการรับรู้ (ผู้ป่วยโรคจิตเภท)
โรคจิตเภท (Schizophrenia) คือ โรคทางจิตเวชที่มีความผิดปกติของสมอง แสดงออกทางความคิด ความรู้สึก และ พฤติกรรม
สาเหตุ
ปัจจัยด้านพันธุกรรม (Genetic factors) ได้การศึกษา
ด้านพันธุกรรมของบุคคลที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท
พบว่า มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
ปัจจัยด้านชีวเคมีของสมอง (Biological factors) มีการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยจิตเภท มีความสัมพันธ์กับ dopamine ในสมอง โดยมีปริมาณ dopamine ที่ synapse ในสมองมากเกินไป
ปัจจัยด้านจิตใจ (Psychological factors) จากทฤษฎีจิตวิเคราะห์ และทฤษฎีจิตวิทยาพัฒนาการ พบว่า เป็นความผิดปกติจากพัฒนาการทางบุคลิกภาพของบุคคลในวัยเด็ก โดยเฉพาะในขวบปีแรก นอกจากนี้ผู้ที่มีโอกาสเป็นโรคจิตเภทง่ายจะมีบุคลิกภาพชนิด schizoid เป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่มีเพื่อน พูดน้อย ไม่ไว้ใจคน ระแวง ขาดน้ําใจ ประหม่าง่ายเวลาพบคน
ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม (Sociocultural factors) จาการศึกษาพบว่า สภาพแวดล้อมทาง สังคมและวัฒนธรรมที่มีผลต่อการป่วยเป็นโรคจิตเภท ก็คือ ประชากรที่มีฐานะยากจนป่วยเป็นโรคจิตเภทมากกว่า ประชากรที่มีฐานะดี ประชากรที่มีฐานะทางเศรษฐกิจต่ำต้องเผชิญกับสภาวะเครียดมากกว่าประชากรที่มีฐานะทาง เศรษฐกิจสูงนอกจากนี้ยังมีรายงานพบว่า เด็กที่ป่วยเป็นโรคจิตเภท มีบิดามารดาที่มีความขัดแย้งกัน
อาการและอาการแสดง
อาการด้านบวก (positive symptoms)
อาการหลงผิด (delusion) เป็นความผิดปกติทางความคิด ทําให้ผู้ป่วยมีความเชื่อและความคิดใน เรื่องต่างๆ ที่ไม่เป็นไปตามหลักความจริง และไม่สามารถลบความเชื่อนั้นออกไปจากความทรงจําได้
อาการประสาทหลอน (prominent hallucination) คือ การมีประสาทหลอนจากประสาทสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง โดยไม่มีสิ่งเร้าภายนอก เช่น หูแว่วได้ยินเสียงคนพูดด้วยโดยที่มองไม่เห็นตัว
การพูดแบบไม่มีระเบียบแบบแผน (disorganized speech)
คือการพูดในลักษณะที่หัวข้อวลีหรือ ประโยคที่กล่าวออกมาไม่สัมพันธ์กัน
พฤติกรรมแบบไม่มีระเบียบแบบแผน (disorganized behavior) คือ พฤติกรรมที่ผิดแปลกไปอย่าง มากจากธรรมเนียมปฏิบัติของคนทั่วไปในสังคม
พฤติกรรมเคลื่อนไหวผิดแปลกไปจากปกติ (catatonic behavior) เช่น การเคลื่อนไหวมากเกินไป น้อยเกินไป หรือนิ่งแข็งอยู่กับที่
อาการด้านลบ (negative symptoms)
อารมณ์ทื่อ (blunted affect) และเฉยเมย
ขาดความสนใจในการเข้าสังคมและกิจกรรมที่เคยสนใจ
ความคิดอ่านและการพูดลดลง
ไม่ดูแลสุขภาพอนามัยส่วนตัว
อาการด้านการรู้คิด (cognitive symptoms)
ความสามารถในการจัดการ การตัดสินใจ
การวางแผน (executive function) ลดลง
ความสามารถในการคงความใส่ใจ (attention) ลดลง
ความจําเพื่อใช้งาน (working memory) บกพร่องคือความสามารถในการจดจําข้อมูลเฉพาะหน้าลดลง
ความผิดปกติของความคิด
รูปแบบความคิดผิดปกติ (Disorder of form)
ผู้ป่วยโรคจิตเภทจะมีปัญหาในด้านการคิด ขาดการเชื่อมโยงเหตุผล ไม่สามารถลําดับความคิดตาม ขั้นตอนของเหตุการณ์ ดังนั้นเวลารับฟังผู้ป่วยพูดหรือตอบคําถาม จึงไม่ค่อยเข้าใจ หรือฟังไม่รู้เรื่อง
รูปแบบความคิดผิดปกติอย่างอื่น
Blocking คือ กระแสความคิดหยุดชงักทันที
เพราะความคิดขาดหายไปเฉยๆ
Perseveration คือ คําพูด (หรือการกระทํา) ซ้าๆติดต่อกัน
Circumstantiality ผู้ป่วยพูดอ้อมค้อมไม่ตรงจุด
Tangentantiality ผู้ป่วยพูดออกนอกเรื่อง
เนื้อหาความคิดผิดปกติ (Disorder of content)
ความผิดปกติของการคิด โดยขาดการเชื่อมโยงกับ
สิ่งที่เป็นจริง และเหตุผล ผู้ป่วยจะมีความคิด เข้าหาตนเอง
Delusion of persecution หลงผิดคิดว่าผู้อื่นปองร้าย
Delusion of reference หลงผิดคิดว่าผู้อื่น
พูดเรื่องราวเกี่ยวกับตน ว่าร้ายนินทา
Delusion of being controlled หลงผิดคิดว่าการ
กระทําของตนถูกควบคุมโดยอํานาจ ภายนอก
Delusion of somatic หลงผิดคิดว่าตนเจ็บป่วยทางร่างกาย
Delusion of grandeur หลงผิดคิดว่าตนเป็นใหญ่
Delusion of nihilistic หลงผิดคิดว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายขาดหายไป
ความผิดปกติของการรับรู้
(Disorder of perception)
Auditory hallucination อาการประสาทหลอนทางการได้ยินหรือหูแว่ว พบบ่อย พบในผู้ป่วย ประมาณ 2 ใน 3 ผู้ป่วยจะมีอาการหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก
Visual hallucination อาการประสาทหลอนทางการเห็น ภาพหลอน เห็นภาพเป็นคนหรือ สิ่งของ บางรายเห็นภาพคนจะมาทําร้าย
Gastatory hallucination อาการประสาทหลอนทางการรับรส รู้สึกรสแปลกๆ
Tactile hallucination อาการประสาทหลอนทางการสัมผัส
Olfactory hallucination อาการประสาทหลอนทางการได้กลิ่น รู้สึกกลิ่นแปลกๆ
ความผิดปกติด้านอารมณ์
(Disorder of affect)
Apathy ผู้ป่วยจะมีอารมณ์เฉยเมยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
Appropriate mood แสดงอารมณ์ไม่สอดคล้อง
หรือเหมาะสมกับความคิดหรือเหตุการณ์ขณะนั้น
ความผิดปกติของพฤติกรรมการเคลื่อนไหว
(Disorder of motor behavior)
มักพบในผู้ป่วยที่เป็นรุนแรงและเรื้อรัง หรือเฉียบพลัน อาการที่พบบ่อย คือ Steriotypy เป็นการกระทํา ซ้ำๆเกิดขึ้นเองเรื่อยๆ และสม่ำเสมอ เช่น นั่งโยกตัวตลอดเวลา Catalepsy
ลักษณะอาการเริ่มต้น
อาการเริ่มต้นด้วยพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม
เช่น ชอบแยกตัวอยู่ตามลําพัง
ไม่สนใจตนเอง แต่งกายสกปรก
ขาดความคิดริเริ่ม ไม่สนใจการเรียน และการทํางาน
การปฏิบัติกิจวัตรประจําวันบกพร่อง
พูดคนเดียว
การจําแนกชนิดของโรคจิตเภท
Simple Type ผู้ป่วยขาดความสัมพันธ์กับบุคคลภายนอกและสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยสิ้นเชิงบุคลิกภาพเปลี่ยนไปในทางเสื่อม
Disorganized Type (Hebephenic)
ผู้ป่วยจะมีอาการประสาทหลอน และความคิดหลงผิดมี
Catatonic Type ผู้ป่วยมีอาการสําคัญ
คือ มีความผิดปกติที่พฤติกรรมการเคลื่อนไหว
Paranoid Type ผู้ป่วยจะมีอาการหวาดระแวง หลงผิด
มีอาการโกรธง่าย ก้าวร้าว ชอบทะเลาะ วิวาทกับผู้อื่น
Schizoaffective มีอาการเฉียบพลัน อาการเข้าได้กับโรคจิตเภท มีอารมณ์เศร้าร่วมกับอาการเบื่อ อาหาร นอนไม่หลับ คิดช้า รู้สึกว่าตนมีความผิด เบื่อชีวิต คิดอยากตาย มีอัตราการฆ่าตัวตายบ่อยกว่าโรคจิตเภทชนิด อื่น
Undifferentiated Type ผู้ป่วยประเภทนี้ มีอาการของโรคจิตเภทไม่ชัดเจน ไม่สามารถจัดเข้า ประเภทอื่น ๆ ได้ มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน ความคิดไม่ปะติดปะต่อกัน
Residual Type ผู้ป่วยโรคจิตเภท ชนิดนี้จะเคยเป็นโรคจิตเภทชนิดใดชนิดหนึ่งมาก่อนแล้ว อาการดี ขึ้นแต่ยังมีอาการบางอย่างหลงเหลืออยู่
ลักษณะทางคลีนิค
ลักษณะทางคลินิกที่บ่งว่าการพยากรณ์โรคดี
บุคลิกภาพเดิมของผู้ป่วยดี
มีความสัมพันธ์กับ
ผู้อื่นและการปรับตัวดี
อาการเริ่มเป็นแบบ acute onset
มีสาเหตุนําก่อนเป็นโรคชัดเจน อาจเป็นสาเหตุ
ทางจิตใจหรือโรคทางกาย
มีประวัติญาติสนิทเป็นโรคอารมณ์
แปรปรวนด้วย เช่น เป็นโรคซึมเศร้า
มีอาการแบบ Catatonia
มีอาการดังต่อไปนี้ร่วมด้วยอย่างเด่นชัด
สับสน ซึมเศร้าหรือแมเนีย
ลักษณะทางคลินิกที่บ่งว่าการพยากรณ์โรคไม่ดี
บุคลิกภาพเดิมของผู้ป่วยไม่ดี
โดยเฉพาะเป็นแบบ schizoid
มีอาการแบบ insidious onset
ไม่มีสาเหตุภายนอกนํามาก่อน
อาการของโรคนี้นําขึ้นมาเอง
มีประวัติญาติสนิทเป็นโรคจิตเภทชนิดเรื้อรัง
อารมณ์ของผู้ป่วยเป็นแบบ
apathy หรือ inappropriate
เริ่มเป็นตั้งแต่อายุน้อยในขณะเรียนหนังสือ
หลักการวินิจฉัยโรค
โรคจิตเภท (schizophrenia) ตามเกณฑ์วินิจฉัย ICD-10
โรคจิตเภท มีลักษณะทั่วไป คือ มีความผิดปกติทางความคิดและการรับรู้ มีอารมณ์ไม่เหมาะสมหรือเฉยเมย โดยระดับความรู้สึกตัวและสติปัญญามักยังปกติอยู่
โรคจิตเภท (schizophrenia) ตามเกณฑ์วินิจฉัย DSM-5
A. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือน
โดยอย่างน้อยต้องมีอาการในข้อ 1-3 อยู่1 อาการ
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน
พฤติกรรมที่ไม่มีระเบียบแบบแผนที่
คนในสังคมหรือวัฒนธรรมของ
ผู้ป่วยไม่ทํากัน
อาการด้านลบ เช่น สีหน้าทื่อ
เฉยเมย แยกตัวจากคนอื่น
B. ระดับความสามารถในด้านสําคัญๆ
เช่น ด้านการทํางาน
C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6เดือนขึ้นไป
D. ต้องแยกโรคจิตอารมณ์โรคซึมเศร้า
โรคอารมณ์สองขั้วออก
E. ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจาก
โรคทางกายและสารเสพติดออก
F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติก
หรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่วัยเด็ก
การบําบัดรักษา
Psychotherapy, Individual, Group,Behavioral, Supportive, Family Therapy
อาจเลือกใช้ตามความเหมาะสม
Milieu Therapy เน้นที่การจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
ลดภาวะเครียด พัฒนาความสามารถในการ
ปรับตัวรายบุคคล
การรักษาด้วยยา เช่น ยา Antipsychotic drugs, Antiparkinson agents อาจต้องเตรียมไว้เพื่อลด
อาการ extra pyramidal side effect ของยา
Somatic or Electroconvulsive Therapy
Severe Schizophrenia ผู้ป่วยรายที่ใช้ยาไม่ได้ผล
หรือ เป็นชนิด catatonia
ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้าอย่างมากร่วมด้วย บางรายมีอารมณ์เศร้ารุนแรงและคิดฆ่าตัวตาย การรักษา ด้วยกระแสไฟฟ้าจะช่วยลดอาการซึมเศร้าและป้องกันการฆ่าตัวตายได้
ผู้ป่วยที่มีอาการคลุ้มคลั่งมาก ไม่สามารถควบคุมด้วยยา
ทําสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทํา 6-12 สัปดาห์ต่อ การรักษาครั้งหนึ่ง
การประยุกต์ใช้กระบวนการพยาบาล
ในการพยาบาลผู้ป่วยจิตเภท
ด้านสุขภาพทั่วไป ผู้ป่วยที่มีความคิดผิดปกติ อาจมีความบกพร่องในการดูแลสุขภาพ รับฟังปัญหาของผู้ป่วย ตรวจร่างกาย บริเวณผิวหนัง รอยแผล รอยเข็มจากการใช้ยาฉีด ถ้าผู้ป่วยใช้ยารักษาโรคจิต (antipsychotics) อยู่ควรสอบถามชนิดของยา ปริมาณและระยะเวลาที่ใช้
ด้านโภชนาการ อาจมีภาวะทุโภชนาการได้
อาจหวาดระแวงไม่ยอมรับประทานอาหาร
ด้านการขับถ่าย ผู้ที่มีอาการทางจิตมาก อาจจะไม่รู้ว่าตนเองต้องไปห้องน้ํา หรือมีอาการ disorientation ไปห้องน้ำไม่ถูกหรือสับสน
ด้านกิจกรรมประจําวัน มี 2 ด้าน
Underactivity ไม่ทำอะไร หรือไม่เคลื่อนไหว
มักแยกตัว ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
Overactivity ไม่อยู่เฉย
เดินไปมา นั่งไม่ติด
ด้านการพักผ่อน-นอนหลับ อาการนอนไม่หลับ
ติดต่อกันหลายวันในผู้ป่วยจิตเภทมักเป็น
อาการนําเริ่มแรกก่อนมีอาการทางจิตอื่นๆ
ด้านความคดิและการรับรู้ส่วนมาก
ผู้ป่วยมักมีความบกพร่องในการคิด
และการตัดสินใจแม้ใน สถานการณ์ง่ายๆ
ด้านการรับรู้ตนเอง ผู้ป่วยมีความบกพร่อง
ในการรับรู้ตนเอง เช่น ผู้ป่วยคิดว่าตนเอง
มีพละกําลังมาก มีความสามารถสูง
ด้านบทบาทและสัมพันธภาพ ความสามารถในการเข้าสังคมของผู้ป่วยบกพร่อง การใช้คําพูดหรือการ ใช้ภาษาในการติดต่อสื่อสารเป็นลักษณะไม่พัฒนา หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
นางสาวสิริรัตน์ ชมเกษร
รหัส 1162122010504