Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
คลินิกระบบทางเดินอาหาร โรคไวรัสตับอักเสบบี จากแม่สู่ลูก - Coggle Diagram
คลินิกระบบทางเดินอาหาร
โรคไวรัสตับอักเสบบี
จากแม่สู่ลูก
การดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ
ไวรัสตับอักเสบบี
ก่อนคลอด
ผล HBsAg เป็นลบ
ให้ฝากครรภ์ตามปกติ
ผล HBsAg เป็นบวกให้ TDF ขนาด 300 mg. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เมื่ออายุครรภ์ครบ 28 - 32 สัปดาห์ และให้ต่อเนื่องไปจนครบ 4 สัปดาห์หลังคลอด
ระหว่างคลอด
สามารถคลอดตามปกติหรือผ่าคลอด
ควรหลีกเลี่ยงสูติศาสตร์หัตถการเพื่อช่วยคลอดโดยไม่จำเป็น
หลังคลอด
รับประทาน TDF ขนาด 300 mg. รับประทานครั้งละ 1 เม็ด เมื่ออายุครรภ์ครบ 28 สัปดาห์
32 สัปดาห์ และให้ต่อเนื่องไปจนครบ 4 สัปดาห์หลังคลอด
เมื่อหยุดยา TDF หลังคลอด 6 - 8 สัปดาห์ ควรตรวจดูระดับ ALT
วิธีการได้รับเชื้อ
เพศสัมพันธ์
สัมผัสเลือด สิ่งคัดหลั่ง อุจจาระ ปัสสาวะ
ใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น มีดโกน เข็มฉีดยา
ทารกได้รับเชื้อจากการผ่านทางรก
ทารกได้รับเชื้อขณะคลอด
การติดตามทารกกรณีมารดาเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ติดตามทารกเมื่ออายุครบ 12 เดือน เพื่อเจาะเลือดตรวจ HBsAg และ Anti-HBs
กรณี HBsAg เป็นลบ และ Anti-HBs เป็นบวก เด็กทารกไม่ติดเชื้อ และมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบบี
กรณี HBsAg เป็นบวก ให้ถือว่าเด็กทารกดังกล่าวติดเชื้อ ส่งต่อพบกุมารแพทย์ดูแลรักษา
กรณี HBsAg เป็นลบ และ Anti-HBs เป็นลบ เด็กทารกไม่ติดเชื้อ และไม่มีภูมิคุ้มกัน ให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซ้ำอีก 3 เดือน โดยเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน
การดูแลหญิงตั้งครรภ์และทารกเพื่อป้องกันการถ่ายทอดโรคไวรัสตับอักเสบบีจากแม่สู่ลูก
ก่อนคลอด หญิงตั้งครรภ์ ตรวจหากาติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี,การให้ยาต้านไวรัส TDF
ทารก หัตถการในทารกที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อมารดาติดเชื้อ
ระหว่างคลอด หลีกเลี่ยงการคลอดโดยสูติศาสตร์หัตถการ
หลังคลอดทหญิงตั้งครรภ์ ดูแลหลังหยุดยา TDF,ดูแลผู้ป่วยต่อเนื่อง
ทารก การให้ HBIG ,การให้ HB vaccine,ตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
การวินิจฉัย
ประวัติการเจ็บป่วย
อาการและอาการแสดง
เจาะเลือดตรวจหาHBsAg, HBeAg หากผล HBeAg เป็นบวกมีโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อจากมารดาได้สูง
เจาะเลือดหา HBsAb, HBeAb หากได้ผลบวกหมายถึงการมีภูมิคุ้มกันต่อตับอักเสบบี
ผลของการติดเชื้อตับอักเสบบี
มารดา
มีอาการของการติดเชื้อไวรัส เช่น มีไข้ ตาตัวเหลือง ตรวจพบตับม้ามโต
เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด
แท้งบุตร
ทารก
ติดเชื้อจากมารดาจากมีการแตกของเส้นเลือดจากรก
ตายในครรภ์หรือตายคลอดจากการติดเชื้อขณะคลอด
ติดเชื้อหลังคลอด จาการให้นมแม่
เป็นพาหะของโรคโดยไม่มีอาการ
เป็นตับอักเสบเฉียบพลันแรกคลอด(มักพบHBsAg + ก่อนอายุ 2 เดือน)
สาเหตุ
เชื้อไวรัสไวรัสตับอักเสบ บี จะถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ในขณะคลอด โดยเฉพาะหากมารดามีเชื้อไวรัสปริมาณสูง หรือมีสารแอนติเจน (HbeAg) ในกระแสเลือด จะทำให้ทารกมีโอกาสติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ได้ถึง 90 % ส่วนมารดาที่มีเชื้อไวรัสในปริมาณไม่มากก็ยังมีโอกาสที่ทารกจะติดเชื้อ 10-40 %
การดูแลทารก กรณีมารดาเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ระหว่างตั้งครรภ์ - หลีกเลี่ยงหัตถการสูงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ที่ทำแก่ทารกในครรภ์ ได้แก่ Chorionic samping และ Amniocentesis อาจทำการตรวจด้วยวิธี non-invasive prenatal testing ทดแทน
หลังคลอด- ให้ HBIG 0.5 ml.เข้ากล้ามโดยเร็วที่สุด
ให้ HB Vaccine 0.5 ml. เข้ากล้ามโดยเร็วที่สุด ภายใน 24 ชม - หากทารกน้ำหนักน้อยกว่า 2000 กรัม สามารถฉีด HB ได้ทันที
การปฏิบัติตัวเมื่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
รับประทานยาและปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์
เข้ารับการตรวจเลือดตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
บอกให้คนใกล้ชิดทราบว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเพื่อให้ระวังตัว พร้อมให้คนใกล้ชิดไปฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบ
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์
งดบริจาคเลือด
งดดื่มสุราและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
พักผ่อนให้เพียงพอ
รับประทานอาหารที่สุกสะอาด
หลีกเลี่ยงการซื้อยามารับประทานเอง
หญิงตั้งครรภ์และคลอดบุตร ควรฉีดวัคซีนให้บุตรภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด