Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความวิตกกังวลและความเครียดผิดปกติ - Coggle…
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความวิตกกังวลและความเครียดผิดปกติ
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตสังคม
ผู้ป่วย anxiety/stressฉับพลันและหรือเรื้อรัง
ลักษณะอาการ
ความเครียด (Stress)
การแสดงอาการ
การแสดงทางกาย : มึนงง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ปวดแน่นท้อง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ หัวใจเต้นเร็ว หูอื้อ มือเย็น อ่อนเพลีย ท้องร่วง ท้องผูก จุกท้อง มึนงง คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม จนถึงหายใจเร็ว
อาการแสดงทางด้านจิตใจ: ไม่มีความสุข วิตกกังวล การตัดสินใจไม่ดี ขี้ลืม สมาธิสั้น ไม่มีความคิดริเริ่ม ความจำไม่ดี ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
อาการแสดงทางด้านอารมณ์:โกรธง่าย ร้องไห้ ซึมเศร้า ท้อแท้ หงุดหงิด ซึมเศร้า มองโลกในแง่ร้าย
อาการแสดงทางพฤติกรรม: รับประทานอาหารเก่งหรือไม่รับรับประทาน ติดบุหรี่สุรา พูดจาโผงผาง กัดเล็บหรือดึงผมตัวเอง แยกตัว เปลี่ยนงานบ่อย
ชนิดของความเครียด
Acute stress คือความเครียดที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ทันทีและร่างกายก็ตอบสนองต่อความเครียดนั้นในทันทีโดยมีการหลั่งฮอร์โมนความเครียด (cortisol และ adrenaline) เมื่อความเครียดหายไปร่างกายก็จะกลับสู่ปกติเหมือนเดิม สิ่งกระตุ้น ได้แก่ เสียง อากาศเย็นหรือร้อน ชุมชนที่คนมากๆ ความกลัวตกใจ หิวข้าวและภาวะอันตราย
Chronic stress หรือความเครียดเรื้อรังเป็นความเครียดที่เกิดขึ้นทุกวันในชีวิตประจ าวันและร่างกายไม่สามารถตอบสนองหรือแสดงออกต่อความเครียดนั้น ซึ่งเมื่อนานวันเข้าความเครียดนั้นก็จะสะสมเป็นความเครียดเรื้อรัง เช่นความเครียดที่ท างานความเครียดจากการเรียน ความเครียดที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลความเครียดของแม่บ้าน และความเหงาของบุคคล
การพยาบาล
ประเมินระดับความเครียด
วางแผนและให้การช่วยเหลือ
ลดระดับความเครียด โดย กระตุ้นให้ผู้ป่วยได้เล่าระบายส่งที่เครียดออกมา
การพูดสื่อสารต้องสั้นๆกระชับ
ประคับประคองให้กำลังใจด้วยคำพูด และท่าที เข้าใจ
ช่วยให้มีวิธีการจัดการกับความเครียดโดยเสนอแนะวิธีการหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความเครียดสอนวิธีการผ่อนคลายด้วยตนเองและแนะน าการปรับวิธีคิดและการใช้กลวิธานป้องกันตัว
กรณีผู้ป่วยเครียดมากจนแพทย์ต้องให้ยา เพื่อให้ได้นอนหลับพักผ่อน (ยากลุ่ม antianxiety หรือกลุ่ม antidepressant) พยาบาลต้องดูแลให้ได้ยาตรงตามเวลาสังเกตอาการข้างเคียง เช่นง่วงซึม ปากแห้ง ท้องผูก และข้อห้ามในเกี่ยวกับยา รวมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อมให้สงบ
กรณีผู้ป่วยเครียดฉับพลัน เช่นแสดงการหายใจเร็วการช่วยเหลือเบื้องต้น คือ rebreath โดยหายใจในถุงกระดาษ (paper bag) ในห้องฉุกเฉินหลายแห่งประยุกต์โดยครอบหน้ากากโดยไม่เปิด ออกซิเยน และเข้าไปดูแลบ่อยๆเพื่อให้เกิดความมั่นใจในความปลอดภัย
ภาวะวิตกกังวล (Anxiety)
คือ เป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์เกิดขึ้นเมื่อคาดว่าจะมีสิ่งมาคุกคามหรือทำอันตรายต่อเรา
ระดับของความวิตกกังวล
ความวิตกกังวลระดับต่ า (Mild anxiety) เป็นปกติในบุคคลทั่วไป ช่วยกระตุ้นให้บุคคลแก้ปัญหาและท ากิจกรรมต่างๆ ได้ดีขึ้น และกระตุ้นให้บุคคลตื่นตัวในการแก้ปัญหาการเจ็บป่วย หรือท าให้บุคคลพยายามท างานอย่างใดอย่างหนึ่งให้ส าเร็จ
วามวิตกกังวลระดับกลาง (Moderate anxiety) บุคคลจะเกิดการรับรู้เรื่องต่างๆ แคบลง บุคคลจะสนใจเฉพาะปัญหาที่จะท าให้ตนไม่สบายใจ พยายามแก้ปัญหามากขึ้น
ความวิตกกังวลระดับสูงสุด (Panic anxiety) สนามการรับรู้น้อยมาก บุคคลจะตื่นตระหนก สับสน วุ่นวาย หวาดกลัวสุดขีด มึนงง ควบคุมตนเองไม่ได้ ไม่มีแรง อาจมีอาการประสาทหลอน แขนขาขยับไม่ได้ บางคนเป็นลม
การพยาบาล
การวางแผนการพยาบาล
ประเมินสภาพปัญหาความรุนแรงและลักษณะอาการของบุคคลที่มีความวิตกกังวล
การช่วยเหลือผู้ที่วิตกกังวล เน้นที่ :แสดงการยอมรับ
พูดคุย ด้วยน้ำเสียงไม่ดังนัก เพื่อให้ระบายความวิตกกังวล พยาบาลรับฟัง และให้ข้อเสนอแนะ
ให้ความมั่นใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือ
จัดสภาพแวดล้อมให้สงบและลดสิ่งกระตุ้นความเครียด และวิตกกังวล
ดูแลตอบสนองความต้องการด้านร่างกาย เช่น อาหาร น้ำ ความสะอาด
ให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
ยากลุ่มที่ 1 เป็นยา Antidepressantที่นิยมใช้คือ ยากลุ่มที่ออกฤทธิ์กับสารสื่อประสาท ชนิดที่เรียกว่า Serotonin เช่น ยา Fluoxetine และ ยา Sertraline ยานี้มีผลข้างเคียงน้อย เช่น คลื่นไส้อาเจียน หรือวิงเวียนศีรษะ มีความปลอดภัยเมื่อรับประทานตามขนาดที่แพทย์สั่ง แต่มีข้อเสียที่จ าเป็นต้องรับประทานยาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไป จึงสามารถบอกผลการรักษาได้ ดังนั้นในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการรักษา แพทย์จึงต้องให้ยากลุ่มที่ 2
ยากลุ่มที่ 2 คือยาคลายกังวล (Anxiolytic)เช่น ยา Alprazolam, Clonazepam หรือ Lorazepam ซึ่งยามักออกฤทธิ์ทันที ช่วยลดการตื่นตัวของระบบประสาท และช่วยให้นอนหลับ เนื่องจากยากลุ่มที่ 2 นี้ มีฤทธิ์ง่วงซึม จึงควรระมัดระวังถ้ารับประทานยาในช่วงเวลาท างาน
การพยาบาลผู้ที่มีความผิดปกติทางจิต
กลุ่มโรควิตกกังวล
Panic disorder
ลักษณะอาการ
เป็น anxiety disorders ที่พบได้บ่อย ทั้งในเด็กและวัยกลางคนมักมาโรงพยาบาลอย่างฉุกเฉิน ด้วยอาการแน่นหน้าอก ใจสั่น กลัวหายใจไม่ออก เวียนศีรษะ จุกแน่นท้อง มือเท้าเย็นชา รู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนตัวเองกำลังจะตายหรือกำลังจะเป็นบ้า
สาเหตุ
มีหลายอย่าง เช่น ทางพันธุกรรม ความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง norepinephrine (NE) หรืออาจจะเกิดจากความเครียดสะสม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานเหมือนกับว่าร่างกายอยู่ในภาวะอันตรายสุดขีด
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
กรณีผู้ป่วยที่ก าลังมีอาการpanicต้องบอกให้ผู้ป่วยหยุดพฤติกรรมนั้น จากนั้นช่วยให้สงบโดยอาจบอกให้เขาหายใจยาวๆลึกเพื่อให้ผ่อนคลายและให้ความมั่นใจโดยบอกว่า แพทย์พยาบาลก าลังช่วยอยู่"
แพทย์รักษาโดยใช้ยาantidepressant ร่วมกับยา antianxietyติดต่อกันสักระยะ อาการแพนิคจะค่อยๆดีขึ้นแต่พบว่ามักไม่หายขาดพยาบาลต้องให้ความรู้เรื่องผลข้างเคียงของยา เช่น คลื่นไส้ ปากแห้ง กระวนกระวาย นอนไม่หลับ
ช่วงที่ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องเน้นการดูแลเรื่องความปลอดภัย
ให้ข้อมูลผู้ป่วยด้านการควบคุมอารมณ์ เช่น การฝึกลมหายใจ การทำสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบ รู้สึกผ่อนคลาย พบว่า มีเพียง 5% เท่านั้นที่หายจากอาการแพนิค ที่เหลือไม่หายแต่ผู้ป่วยยังสามารถดำเนินชีวิตและปฏิบัติกิจกรรมต่างๆได้
Phobia disorder
ลักษณะอาการ
มีความกลัวมากที่ไม่ปกติ ไม่สมเหตุสมผลกับสิ่งที่กลัว อาจกลัวสิ่งของ บุคคลหรือเหตุการณ์ต่างๆ การกลัวมีความรุนแรงทางอารมณ์ และหากเจอกับสิ่งที่กลัวแล้วจะมีอาการตื่นกลัวตกใจอย่างมาก บางคนอาจถึงกับใจสั่น เหงื่อแตก แน่นหน้าอก มือชาเท้าชา ในบางกรณีอาจเป็นลมได้ความกลัวนี้รบกวนชีวิตประจำวันมาก
ประเภทของโรคกลัว (Types of Phobias)
Social Phobias : อาการกลัว หรือภาวะความกลัว ที่เกิดขึ้นในสภาวะการณ์ทางสังคม หรือในสถานที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
Specific Phobia : อาการกลัว ซึ่งเกิดจากสิ่งเร้าที่มีลักษณะจำเพาะเจาะจง ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ กลัวที่แคบ หรือแม้แต่สิ่งที่ระบุไม่ได้ เป็นต้น แบ่งหลักๆ ได้ 4 ประการ คือ
Natural Environment : สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ฟ้าผ่า พายุ แสงแดด ต้นไม้ เสียงลมพัด
Animal : สัตว์ต่างๆ เช่น งู แมงมุม ตะขาบ สุนัข ไก่
Medical : เช่น กลัวการเห็นเลือด กลัวคุณหมอ กลัวเข็มฉีดยา
Situation : กลัวสถานการณ์ เช่น ขับรถ ขึ้นสะพาน
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
การรักษาด้วยยาคล้าย Panic dicorder โดยแพทย์จะให้เพียงเพื่อช่วยลดความกลัวในช่วงแรกเท่านั้น
การช่วยเหลือด้านจิตใจโดยพูดคุย อภิปรายร่วมกับผู้ป่วยเกี่ยวกับความรู้สึกกลัวนั้นๆ
การบ าบัดทางจิตที่นิยมคือ เช่น CBT (Cognitive Behavior Therapy) หรือการบ าบัดด้วยกระบวนการคิด การรับรู้และพฤติกรรม
การบ าบัดอื่นที่ใช้เสริม ได้แก่ โดยการฝึกก าหนดลมหายใจ การเผชิญหน้ากับความกลัว ฝึกสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเปลี่ยนรูปแบบการด าเนินชีวิต งดการดื่มเครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนทุกชนิด เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีส่วนกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการวิตกกังวล หัวใจเต้นแรง
Obsessive-compulsive disorder(OCD)
ลักษณะอาการ
อาการย ้าคิด (obsession)เป็นความคิด ความรู้สึก แรงขับดันจากภายใน หรือจินตนาการ ที่มักผุดขึ้นมาซ้ำ ๆ
อาการย ้าท้า (compulsion)เป็นพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ผู้ป่วยท าขึ้น โดยเป็นการตอบสนองต่อความย้ำ
เป็นโรคที่ผู้ป่วยมีความคิดซ้ำๆ ที่ทำให้เกิดความกังวลใจ และมีการตอบสนองต่อความคิด ด้วยการท าพฤติกรรมซ้ำๆ
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
การรักษาด้วยยา ได้แก่ ยาแก้ซึมเศร้า ที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อ ระบบซีโรโตนิน เช่น clomipramine และยาในกลุ่ม selective serotonin reuptake inhibitors (SSRI) ทุกตัว
พฤติกรรมบำบัด โดยการให้ผู้ป่วยเผชิญ กับสิ่งที่ทำาให้กังวลใจและป้องกันไม่ให้มีพฤติกรรมย้ำทำ ที่เคยกระทำ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่มักล้างมือ ก็ให้จับของที่ผู้ป่วยรู้สึกว่าสกปรก ให้รออยู่ช่วงหนึ่งจึงอนุญาตให้ล้างมือ
หลักการช่วยเหลือที่สำคัญ คือ ลดการใช้เวลากับสิ่งที่ผู้ป่วยทำซ้ำๆนั้นเพราะจะยิ่งเพิ่มความเครียด
Acute stress disorder&Post traumatic stress disorder
ลักษณะอาการ
โรคเครียดเฉียบพลัน เป็นผลของความกดดันต่อร่างกายและจิตใจที่รุนแรงเกินกว่าปกติ
Re-experience คิดคำนึงถึงหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ ทั้งขณะหลับหรือตื่น
Avoidance มีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงเหตุการณ์หรือสิ่งที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์นั้นๆ
Hyperarousal มีอาการตื่นเต้นตกใจง่าย ทั้ง ๆที่ไม่เคยมีมาก่อน
การวินิจฉัย Acute Stress disorder ตาม DSM V
A. ผู้ป่วยเผชิญหรือถูกคุกคามจากเหตุการณ์ที่เฉียดตาย บาดเจ็บรุนแรง หรือความรุนแรงทางเพศ โดยทางใดทางหนึ่ง ( หรือหลายทาง )
B.มีอาการอย่างน้อย 9 อาการ
C. ระยะเวลาของความผิดปกติ(อาการตามเกณฑ์ข้อ B ) นาน 3 วัน ถึง 1 เดือนหลังเหตุการณ์
D. อาการเหล่านี้ก่อให้ผู้ป่วยมีความทุกข์ทรมานอยางมีความสำคัญทางการแพทย์ หรือกิจกรรมด้านสังคมการงาน หรือด้านอื่นๆ ที่สำคัญ บกพร่องลง
E. อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นผลจากการใช้สาร เช่นยาหรือสารเสพติด หรือโรคทางกาย
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
การช่วยเหลือภายใน 24 ชั่วโมงแรก เน้นการจัดสิ่งแวดล้อมให้สงบ เงียบ เป็นสัดส่วนเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางจิตใจและดูแลด้านร่างกาย อาหาร น้ำ การบาดเจ็บและให้ได้พักผ่อน
ให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยว่าเหตุการณ์รุนแรงนั้นผ่านแล้ว
บอกผู้ป่วยว่าหากคิดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำๆ อาจใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจไปทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นการลงมือปฏิบัติ เช่น การรดน้ำต้นไม้ทำงานบ้าน ออกกำลังกาย
หากเกิดอาการตกใจง่าย ใจสั่น อาจใช้วิธีการหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย
หากผู้ป่วยไม่กล้าเข้าใกล้สถานที่ที่ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก อาจใช้วิธีฝึกด้วยการเข้าไปในสถานที่ หรือเข้าใกล้สถานการณ์นั้นๆ โดยมีคนอื่นอยู่ด้วยเพื่อสร้างความอบอุ่นใจ และบอกกับตนเองเป็นระยะๆ ว่า “ไม่มีอะไร” “เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว” “เราปลอดภัยดี”
สาเหตุ
ประสบเหตุการณ์
พบความผิดปกติของสารสื่อประสาท เช่น Dopamine , epinephrine
พบเป็นความผิดปกติร่วมกับโรค ซึมเศร้า วิตกกงวล
Post-traumatic stress disorder
การวินิจฉัย Post traumatic disorder ตาม DSM V
ป็นอาการตอบสนองทางด้านจิตใจและร่างกาย ต่อเหตุการณ์ที่เป็นความเครียด ความกดดันและคุกคามต่อผู้ป่วยอย่างรุนแรง
ระยะเวลาของความผิดปกตินานกว่า1 เดือน หลังจากเผชิญกับเหตุการณ์ระยะเวลาของอาการจะไม่แน่นอน
อาการที่พบได้แก่ ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าตนเองยังอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ ซ้ าแล้วซ้ าอีก ฝันร้ายหรือละเมอ แยกตัว มึนงง ไม่รู้สึก บรรยายความรู้สึกของตนเองไม่ได้ พยายามหลีกเลี่ยงกิจกรรม
สถานการณ์ใด ๆ ที่ท าให้ร าลึกถึงเหตุการณ์สะเทือนใจนั้น ตกใจง่าย ระวังตัวมาก นอนไม่หลับ โดยมีปัญหาด้านความทรงจ า
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกับความรุนแรงของอาการขึ้นกับตัวกระตุ้นความเครียดและระบบสนับสนุน (คน/แหล่งช่วยเหลือ) ไม่มีคุณภาพ
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
การรักษาด้วยยา : แพทย์มักให้ยาในกลุ่มยาแก้ซึมเศร้า เช่น fluoxetine, sertraline ซึ่งยากลุ่มนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์จึงจะเริ่มออกฤทธิ์ ในช่วงแรก ถ้าผู้ป่วยมีอาการใจสั่น ตกใจง่ายกระวนกระวาย แพทย์อาจให้ในกลุ่ม diazepam หรือ alprazolam ในระยะสั้น ๆเพื่อป้องกันการเสพติด
การรักษาทางจิตสังคม: คือการทำพฤติกรรมบำบัดให้ผู้ป่วยสงบลง และรักษาด้วยการให้ผู้ป่วยเข้าหาและเผชิญหน้า (exposure therapy) กับเหตุร้ายและสิ่งกระตุ้นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป
เป้าหมายสำคัญคือ ให้ผู้ป่วยกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติเหมือนก่อนประสบเหตุการณ์
พยาบาลให้คำปรึกษาโดย
รับฟังปัญหาของเขาอย่างจริงใจ เป็นมิตร ไม่วิจารณ์ แม้เขาอาจพูดถึงแต่สิ่งเดิม ๆ เพราะเขา ต้องการระบายความอัดอั้นตันใจ
สอบถามด้วยความห่วงใย แต่ไม่ควรแนะน าให้ลืมหรือห้ามนึกถึง ควรสอบถามถึงวิธีการแก้ปัญหาที่เขาใช้ และช่วยชี้แนะวิธีที่มีคุณภาพ
ผู้ป่วยมักโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจว่าใคร ๆ ก็คาดเดาเหตุการณ์ไม่ได้ หรือถึงจะเข้มแข็งแค่ไหนก็ช่วยไม่ได้
Generalized Anxiety Disorder (GAD)
ลักษณะอาการ
มีความวิตกกังวลในเรื่องทั่วๆไปที่ไม่ควรกังวลมากเกินกว่าเหตุและกังวลในหลายๆ เรื่องพร้อมกัน
ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมความกังวลนี้ได้
มีอาการทางกายต่างๆ ดังต่อไปนี้: อาการทางระบบประสาทอัตโนมัติ เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย เพลีย หายใจขัด เหงื่อออก ท้องไส้ปั่นป่วน กระสับกระส่ายอาการระบบกล้ามเนื้อ
อาการทั้งหมดเป็นอยู่บ่อยๆ นานกว่า 6เดือน
วิธีบำบัดทางการพยาบาล
รักษาทางยาและจิตสังคม คล้ายๆกับการรักษาในกลุ่มโรควิตกกังวล
กรณีผู้ป่วยกำลังมีอาการ การพยาบาลสิ่งแรกที่ต้องท าคือ ประเมินระดับความวิตกกังวล
สิ่งที่จะบอกว่าการพยาบาลมีประสิทธิภาพคือ สามารถการระบุการปฏิบัติการพยาบาลที่ช่วยลดระดับวิตกกังวลได้
Trumatic and Stress-related Disorder
ลักษณะอาการ
Shock, denial, or disbelief.
Confusion, difficulty concentrating
Anger, irritability, mood swings
Anxiety and fear
Guilt, shame, self-blame.
Withdrawing from others
Feeling sad or hopeless.
Feeling disconnected or numb
การพยาบาล
มโนทัศน์หลัก (core concept) คือ Trauma หมายถึง ภาวะที่บุคคลมีความกดดันมากอย่างรุนแรง มีอารมณ์ช็อค และมีอาการทางจิตเป็นเวลานาน
การประเมินอาการ(รายบุคคล)
พิจรณาระดับความเข้มแข็งของจิตใจ
ประสิทธิภาพของแหล่งช่วเหลือแก้ไขจิตใจแข็ง
พฤติกรรที่แสดงออกมา
ระดับของการพัฒนาทางจิตใจ
ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น อายุ สถานภาพทางเศรษฐกิจ การศึกษา
การดูแลช่วยเหลือด้านจิตใจ
ให้การดูแลประคับประครองทางจิตใจ (social support)
ดึงศักยภาพของแหล่งทรัพยากรช่วยเหลือเข้ามาช่วย เช่น ครอบครัว และเพื่อน
ทัศนคติ ความเชื่อในเรื่องนี้ของสังคม
วัฒนธรรมหลักและวัฒนธรรมย่อยที่เกี่ยวข้องอยู่
ในช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการมาก
อยู่กับผู้ป่วยถ้ามี flashback and nightmares เพื่อให้ผู้ป่วยมั่นใจว่าเขาจะปลอดภัย
สนับสนุนให้ผู้ป่วยพูดถึงการเจ็บปวดทางใจและความปรารถนาที่เขาอยากได้ และให้เขาได้รู้สึกว่าเขาได้ระบายออก
พูดคุยและอภิปรายกันในประเด็นกลวิธีตอบสนองต่อภาวะนี้ที่เหมาะสม