Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความวิตกกังวลและ ความเครียดผิดปกติ,…
การพยาบาลแบบองค์รวมในผู้ที่มีความวิตกกังวลและ ความเครียดผิดปกติ
Adjustment Disorders
Adjustment Disorders เป็นโรคทางจิตเวชเนื่องจากการปรับตัวผู้ป่วยจะมีความผิดปกติทางด้านจิตใจ ที่เกิดมาจากสภาพการณ์ทางสังคมได้แก่ปัญหาการเจ็บป่วยหรือพิการปัญหาความรักและชีวิตสมรสการหย่าร้าง ปัญหาครอบครัวกับคนในครอบครัวงานบ้านปัญหาการงานอาชีพเศรษฐกิจเกษียณอายุปัญหาการเรียนและปัญหา ทางด้านกฎหมาย
Adjustment Disorders ไม่จัดอยู่ในกลุ่มของโรควิตกกังวลเพราะแตกต่างจาก ASD และ PTSD โดยที่ อาการไม่รุนแรงเท่า แต่มีอาการรุนแรงกว่าปฏิกิริยาของความเครียดปกติทั่วไป หรือปฏิกิริยาของภาวะสูญเสีย (Grief)
สาเหตุ
ประสบการณ์ของชีวิต
ความสามารถเฉพาะตัว
อุปนิสัย
วิธีแก้ปัญหา และในผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่น
พบว่าเด็กที่เป็นโรคเรื้อรังมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวผิดปกติ
อาการและอาการแสดงของ Adjustment Disorders
อาการทางอารมณ์หรือพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์หนึ่งหรือมากว่า แล้วทําให้เกิดความเครียดภายใน 3 เดือนหลังจากเริ่มต้นเหตุการณ์
อาการทางอารมณ์หรือพฤติกรรมนั้นมีความสําคัญทางการแพทย์
โดยมีข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้
รู้สึกทุกข์ทรมานอย่างมากเกินกว่าที่ควรจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้นๆ
กิจกรรมทางด้านสังคมการงานหรือการศึกษาบกพร่องลงอย่างชัดเจน
อาการไม่ใช่ปฏิกิริยาจากการสูญเสียทั่วไป
เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงอาการจะคงอยู่ต่อไปอีกไม่นานกว่า 6 เดือนถ้าอาการความผิดปกติคงอยู่นานกว่า 6 เดือนเป็นการตอบสนองต่อเหตุการณ์เครียดเรื้อรัง
ชนิดของโรคในกลุ่มของ
Adjustment Disorders ชนิดย่อยของ Adjustment Disorders แบ่งย่อย
ตามอาการที่แสดงออกมา ได้แก่
ร่วมกับอารมณ์เศร้า (With depressed mood)
ผู้ป่วยจะมีอารมณ์เศร้า หรือสิ้นหวัง
ร่วมกับความวิตกกังวล (With Anxiety) ผู้ป่วยจะรู้สึกกังวล ตื่นเต้น ไม่อยู่นิ่ง หรือใน เด็กจะมี ความกลัวการพลัดพรากจากคนเลี้ยงดู
ร่วมกับอารมณ์ผสมทั้งวิตกกังวลและอารมณ์เศร้า
(With Mixed Anxiety and depressedmood)
ร่วมกับความประพฤติผิดปกติ (With Disturbance of Conduct) ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมละเมิดสิทธิของผู้อื่น ฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ของสังคม เช่น ชกต่อย ทำลายของ สาธารณะ หนีโรงเรียน
ร่วมกับอาการผสมทั้งอารมณ์และความประพฤติผิดปกติ (With Mixed Disturbance of Emotions and Conduct) โดยที่ผู้ป่วยมีทั้งอารมณ์เศร้า ความวิตกกังวล และ ความประพฤติผิดปกติ
ปัญหาที่เกิด
ด้านร่างกาย
แบบแผนการรับประทานอาหารเปลี่ยนแปลง
แบบแผนการนอนหลับเปลี่ยนแปลง
ร่างกายได้รับอุบัติเหตุ
เสี่ยงเกิดความรุนแรงต่อตนเองและผู้อื่น
ด้านจิตใจ
การตัดสินใจและการแก้ปัญหามีประสิทธิภาพลดลง
ไม่สามารถผ่านกระบวนการเศร้าโศกได้
อยู่ในภาวะสิ้นหวังและขาดเป้าหมายในการดําเนินชีวิต
รับรู้ในคุณค่าตนเองต่ำ
มีภาวะวิตกกังวลหรือเครียด
บกพร่องในการเผชิญปัญหา/การเผชิญปัญหาขาดประสิทธิภาพ
ด้านสังคม
บกพร่องในการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
มีการเปลี่ยนแปลงในการดําเนินชีวิต
ไม่สามารถดํารงบทบาทในครอบครัวได้
การพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพเพื่อการบําบัด
ช่วยให้ผู้ป่วยตระหนักในปัญหาหรือผลที่เกิดขึ้น
ร่วมกับทีมสหวิชาชีพกําหนดเป้าหมายการพยาบาล
ร่วมกับผู้ป่วยกําหนดเป้าหมายการพยาบาล
วางแผนการช่วยเหลือตามปัญหาของผู้ป่วย
การพยาบาลที่ช่วยลดความวิตกกังวล
การพยาบาลที่ช่วยจัดการความรุนแรงหรือลดความเสี่ยงของการใช้ความรุนแรงต่อตนเองและผู้อื่น
การพยาบาลที่ช่วยให้ผู้ป่วยเผชิญปัญหาอย่างเหมาะสม
การพยาบาลที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมจากการเผชิญกับสภาวะโศรกเศร้าสูญเสีย
การพยาบาลที่ช่วยเสริมคุณค่าในตนเอง
ช่วยลดความรู้สึกเป็นปมด้อย ช่วยเสริมความหวังในการมีชีวิตอยู่
การพยาบาลที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถ
ดําเนินชีวิตตามบทบาทของตนเองได้อย่างเหมาะสม
ให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกออกมาและ
ช่วยหาวิธีลดความรุนแรงของปัญหา
Somatoform Disorders
ความหมายของ Somatoform Disorders เป็นการเจ็บป่วยที่มีอาการแสดงออกมาทางร่างกายโดยตรวจไม่พบสาเหตุทางด้านร่างกายหรือพยาธิสภาพแต่พบว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับปัญหาหรือความขัดแย้ง ทางด้านจิตใจ
สาเหตุ
Somatoform Disorders จากการศึกษาวิจัยในปัจจุบันพบว่า พันธุกรรม พัฒนาการการเรียนรู้ บุคลิกภาพ และ ปัจจัยทางสังคมวัฒนธรรม เป็นสาเหตุนํา สาเหตุกระตุ้น และทําให้เกิด Somatoform Disorders (Keltner et al,2011) นอกจากนี้ความผิดปกติของโครงสร้างของสมอง หรือการทํางานของสารสื่อประสาททําให้ การตีความสภาพทางกายผิดไป
ชนิดของโรคในกลุ่มของ Somatoform Disorders จําแนกออกเป็น
Somatization Disorders
Conversion Disorders
Pain Disorders
Hypochondriasis
Body Dysmorphic Disorders
อาการและอาการแสดงของ Somatoform Disorders
Somatization Disorders
ผู้ป่วยเริ่มเป็นก่อนอายุ 30 ปีโดยมีอาการทางกายหลายๆอย่าง เป็นซ้ำๆกันมาเป็นเวลาหลายปีจนต้องแสวงหาการรักษาหรือทําให้เกิดความบกพร่องในการดําเนินชีวิตทางสังคม การงานอาชีพและอื่นๆอาการทางกายได้แก่
1) อาการปวด (Pain) อย่างน้อย 4 ที่ เช่นศีรษะ ท้อง หลัง ข้อแขนขา ปวดท้องขณะมี ประจําเดือน ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ ปวดขณะถ่ายปัสสาวะ
2) อาการของระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal symptom) อย่างน้อย2 อาการเช่น คลื่นไส้ แน่นท้อง อาเจียนท้องเดิน
3) ) อาการทางเพศ (Sexual symptom) อย่างน้อย 1 อาการเช่นเฉื่อยชาทางเพศประจําเดือนมา ไม่สม่ำเสมออวัยวะเพศไม่แข็งตัว
4) อาการที่คล้ายโรคทางระบบประสาท (Pseudoneurological symptom) น้อย 1 อาการเช่น การทรงตัวเสียแขนขาไม่มีแรงหรือเป็นอัมพาตกลืนอาหารลําบากพูดไม่มีเสียงตามองไม่เห็นหูหนวกชักเป็นต้น
2.Hypochondriasis
1) ผู้ป่วยหมกมุ่นครุ่นคิดว่าตนเป็นโรคทางกายที่ร้ายแรง
2) เมื่อได้รับการตรวจและยืนยันจากแพทย์
แล้วว่าไม่พบโรคที่ผู้ป่วยกังวลแต่ผู้ป่วยก็
ยังคงหมกมุ่นครุ่นคิดหรือกังวลอยู่
3) ความหมกมุ่นครุ่นคิดที่กังวลใจนั้นไม่รุนแรงถึงขั้นอาการหลงผิด และผู้ป่วยอาจยอมรับได้ว่ากังวลมากไป
4) ความหมกมุ่นครุ่นคิดทําให้ผู้ป่วยเกิดความทุกข์หรือทําให้เกิดความบกพร่องในการดําเนินชีวิตทางสังคมการงานอาชีพและที่สําคัญอื่นๆ
5) อาการเป็นนานอย่างน้อย 6 เดือน
Conversion Disorders
พบได้บ่อยในกลุ่ม Somatization Disorders และพบมากใน ผู้หญิงโดยเฉพาะแม่บ้านผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำการศึกษาน้อยสังคมชนบทและผู้เคยมีประสบการณ์ เห็นคนเจ็บป่วยในลักษณะที่เป็นเช่นนี้มาก่อน
มีความผิดปกติทางระบบประสาท (Neurological disorder) ตั้งแต่หนึ่งอาการขึ้นไป เป็นการ เจ็บป่วยทางกาย (Medical condition) ที่เกิดขึ้นในระบบการเคลื่อนไหวหรือการรับรู้ (Voluntary motor or sensory function) เช่นตาบอด (Blindness) หูหนวก (Deafness) อัมพาต (Paralysis) หรือชัก (Seizures)
อาการหรือความผิดปกติทางกายสัมพันธ์กับปัจจัยทางด้านจิตใจเพราะเนื่องมาจาก ความเครียดทางจิตใจ
ไม่ได้เป็นการแกล้งทํา (Malingering) หรือจงใจให้เกิดอาการ (Factitious disorder) และ เป็นผลมาจากวัฒนธรรม (Cultural sanction)
ไม่ใช่การเจ็บป่วยทางกายหรือเป็นผลจากการใช้สารเสพติด
สาเหตุของความผิดปกติเนื่องมาจากภาวะทางสังคมหรือการงาน
การพยาบาลผู้ป่วย Somatoform Disorders
สร้างสัมพันธภาพให้ผู้ป่วยยอมรับพยาบาลทั้งใน
ด้านบุคลิกภาพและความรู้ความสามารถ
ดูแลอาการทางกายโดยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง
ให้ผู้ป่วยบอกความรู้สึกว่าเขารู้สึกอย่างไรและให้ระบายความรู้สึกนั้นออกมาเพื่อให้ผู้ป่วยได้ระลึกรู้ความรู้สึกและความต้องการของตนเองมากกว่าที่จะไปมุ่งอยู่ที่อาการเจ็บป่วยทางร่างกาย
ช่วยผู้ป่วยให้ได้พัฒนาวิธีการที่เหมาะสมที่จะ
พูดระบายความรู้สึกและความต้องการของตนเองให้มากขึ้น
จํากัดพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยการเฉย หรือมุ่งความสนใจไปที่อาการทางกายและให้แรงเสริมทางบวกเมื่อมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
ให้การพยาบาลด้วยความเสมอต้นเสมอปลาย
หันเหความสนใจของผู้ป่วยไปที่การเข้าร่วมกิจกรรมบําบัด
ไม่ตอกย้ำหรือตําหนิติเตียนเกี่ยวกับปัญหา
หรือความคับข้องใจของผู้ป่วย
นางสาวสิริรัตน์ ชมเกษร
รหัส 1162122010504