Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
มุมมองของคริสเตียนต่อการ สำเร็จความใคร่ - Coggle Diagram
มุมมองของคริสเตียนต่อการ
สำเร็จความใคร่
ทัศนะคติแบ่งออกเป็น 4 ทัศนะใหญ่ๆคือ
1.การสำเร็จความใคร่เป็นของประทานจากพระเจ้า
เพราะในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้เป็นบาป แต่่ถ้ามองในภาพกว้างแล้ว ก็มีหลายอย่างที่ขัดต่อจริยธรรมของพระคัมภีร์เช่นกัน
2.การสำเร็จความใคร่เป็นสิ่งที่ถูกต้องถ้าไม่ได้จินตนาการถึงผู้อื่น
การสำเร็จความใคร่ที่ไม่มีการจินตนาการได้นั้นถือว่าแทบจะไม่มี ทัศนะนี้เพราะส่วนมากหากไม่มีสิ่งที่กระตุ้นก็ไม่สามารถสำเร็๗ความใคร่ได้เลย
3.การสำเร็จความใคร่เป็นสิ่งที่ผิดเพราะละเมิดธรรมชาติของชีวิตทางเพศ
มันดูง่ายเกินไปจนไม่สามารถสรุปได้เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จึงไม่ค่อยมีใครกล้าพูดกันตรงๆ
4.การสําเร็จความใคร่เป็นสิ่งที่ผิดอย่างแน่นอน
เป็นทัศนะที่สนับสนุนข้อ 3 ในศตวรรษที่4 ก็ยึดถือทัศนะคตินี้อย่างแน่นเพราะมีข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่ทำให้การสำเร็จความใคร่นั้นผิด
ทัศนคติโดยทั่วไปของการสำเร็จความใคร่
ทัศนคติในสมัยก่อน
คนสมัยโบราณต่อต้านการสำเร็จความใคร่อย่างรุนแรง มีทั้งการคุมประพฤติ การข่มขู่
กาารข่มขู่ก็มีหลายแบบเช่น การขู่ว่าจะเกิดโรคต่างๆ จำพวก หัวล้าน จำไม่ดี เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ทัศนคติในปัจจุบัน
ในปัจจุบันมีการพิสูจน์ว่าสิ่งที่กล่าวมาจากความเชื่อเดิมๆนั้นไม่เป็นความจริง อย่างมากผลจากการกระทำก็เป็นเพียงแค่เหนื่อยใน่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
และ ในปัจจุบนความคิดทัศนคติกับการสำเร็จความใคร่นั้น เป็นที่ยอมรับมากขึ้น จนทำให้มีความคิดนึงในคนส่วนใหญ่ว่า การที่โสดและสำเร็จความใคร่ก็ยังดีกว่าไปมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนแล้วติดเโรคร้ายมาอีก ส่วนคนที่แต่งงานแล้วก็สำคัญเช่นกันในช่วงที่ภรรยาตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนขึ้นไปจะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์ หลังจากคลอดก็ให้งดอีก 6สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายภรรยาแข็งแรงก่อน จึงทำให้เกิดความคิดนี้ขึ้นมาคือ "ในระยะเวลา 3-4 เดือนนี้ การสำเร็จความใคร่ก็ย่อมดีกว่าการมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นมิใช่หรือ ? "
ทัศนคติในหมู่คริสเตียน
ในศตวรรษที่ 20 คริสตจักรส่วนใหญ่คิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดเนื่องจากคาทอลิกเห็นว่ากิจกรรมเรื่องเพศสิ่งใดที่นอกเหนือจากคู่รักสามีภรรยามีเพศสัมพันธ์ร่วมกันถือว่าผิด
มีเพียง คริสเตียนชายเพียง 17 % และ ผู้หญิงอีก 4% เท่านั้นที่ตอบว่าทำบ่อยหรือจำนวนมาก
บางช่วงเวลาบอกว่าเป็นสิ่งทีผิดอย่างร้ายแรงเนื่องจากไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้
ในศตวรรษที่ 20 นิกายโปรแตสแตนท์ ก็ถือว่าผิดแต่มีเหตุผลต่างกันบางช่วงเวลาบอกว่าเป็นสิ่งทีผิดอย่างร้ายแรงเนื่องจากไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้
แพทย์ที่เป็นคริสเตียนกว่า 72 % เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ผิด และเหล่าศิษยาภิบาลหรือผู้ที่เคยศึกษาพระคัมภีร์และศาสนศาสตร์ กว่า 83 % นั้นเห็นว่าเป็นสิ่งที่ผิด
พระคริสต์ธรรมสอนว่าอย่างไร
ในปฐมกาล 38:1-11 ได้บันทึกเรื่องของ การหานางทามาร์เป็นภรรยาของเอร์บุตรหัวปี แต่เอร์เป็นคนชั่วพระเจ้าจึงประหารเขาเสีย ยูดาห์เลยทำตามธรรมเนียมคือให้น้องคนที่สองรับเป็นภรรยาและมีลูกคนแรกให้กับพี่ชายของตนแต่โอนันน้องชายของเอร์ ก็ปฏิเสธและพยายามไม่หลั่งใน หรือทำให้เกิดการตั้งครรภ์จึงถูกประหารเสีย จึงทำให้หลายคนมองว่าการกระทำของโอนันคือการสำเร็จความใคร่และเป็นสิ่งที่ผิด
แต่ในพระคัมภีร์ไม่ได้สนับสนุนการสำเร็จความใคร่นั้นผิดเลย เพราะ โอนันและนางทามาร์มีเพศสัมพันธ์กันแต่เพียงแค่หลั่งนอกเท่านั้น สิ่งที่พระเจ้าทรงประหารเขานั้นเพราะความคิดของเขานั้นผิดพระเจ้าจึงประหารเสีย
ในศตวรรษที่ 19 นักเทศน์ส่วนใหญ่พยายามหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำนี้ผิดอย่างชัดเจน
มีพระวจนะของพระเจ้าหลายข้อที่สามารถนำมาวินิจฉัยว่าการกระทำนี้ผิดหรือไม่ผิดได้
หนทางเหนือชัยชนะในการสำเร็จความใคร่
1.ต้องระมัดระวังสิ่งต่างๆที่ทำให้เราเกิดความคิดในจิตใจเรา
ทุกอย่างเริ่มต้นที่สมองหากเราสามารถที่จะยับยั้งตั้งแ่การนึกคิดได้ การสำเร็จความใคร่จะไม่เกิดขึ้นหากเราสามารถควบคุมจินตนาการฟุ้งซ่านของเราได้ เจตจํานงก็จะสามรถควบคุมการกระทําได้ง่ายขึ้น
หากรู้ว่าเราแพ้ด้านนี้ก็ให้หลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเพื่อจะทำให้ตัวเองไม่ตกเป็นทาสของมันอีก
3.หาเพื่อนคริสเตียนที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่ในพระเจ้า
เขาพร้อมที่จะรับฟังและคอยอยู่เคียงข้างเราไม่ให้เกิดอารมณ์ฟุ้งซ่านได้ คริสเตียนทุกคนควรมีเพื่อนและคอยเป็นเพื่อนให้เขาเวลาเจอปัญหากับชีวิตเพื่อให้เขาสามารถลุกขึ้นใหม่ได้
2.จัดระเบียบชีวิตประจําวันของเราเอง เพื่อว่าเราจะไม่ว่างทั้งทางกายและทางความคิดตลอดช่วงเวลาส่วนใหญ่ที่เราตื่นอยู่
การที่เรามีเวลาว่างมากๆจะทำให้เราเกิดความฟุ้งซ่านได้งาย ดังนั้นทำให้ตัวเองไม่ว่างไม่ว่าจะด้วยการทำงาน การเล่นกีฬาต่างๆ เพื่อให้เกิดความสร้างสรรค์และผ่อนคลายร่างกาย
หากเรากลับใจมาหาพระเจ้าแล้วเราก็สามารถเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้โดยง่าย
การสำเร็จความใคร่คือ ?
การกระตุ้นอวัยวะเพศเพื่อให้ความรู้สึกตื่นเต้นทางเพศและถึงจุดสุดยอด
ไม่จำเป็นต้องมีตัวช่วยก็ได้
ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์
ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสัมพันธ์ใดๆ
ความแพร่หลายของการสำเร็จความใคร่
ผู้ชายจำนวนไม่ต่ำกว่า 95% เคยสำเร็จความใคร่
ผู้หญิงจำนวน 50-90% ได้สำเร็จความใคร่
ในปัจจุบันการสำเร็จความใครนั้นแพร่หลายอย่างมาก และจำนวนขงผู้ชายก็มากกว่าผู้หญิง
สาเหตุว่าทำไมผู้ชายมีอตราการสำเร็จ ใคร่มากกว่าผู้หญิงนั้นก็เพราะว่า ผู้หญิงไม่มีแรงขับทางชีววิทยาหรือเฮอร์โมนที่ทำให้เกิดการปล่อยอารมณ์ทางเพศ แต่ส่วนของผู้ชายจะสร้างตัวอสุจิเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งจำเป็นต้องมีการปลดปล่อย จึงทำให้ผู้ชายต้องปลดปล่อยออกมา
เพราะอะไรทำไมถึงผิดจริยธรรมคริสเตียน
1.การสําเร็จความใคร่มักเกี่ยวข้องกับการล่วงประเวณีทางความคิดจิตใจ เพื่อให้ตนเองสามารถบรรลุถึงจุดสุดยอด (จุดหลั่ง) ได้
โดยปกติแล้ว ผู้ที่จะสำเร็จความใคร่จะต้องเร่งเร้าความรู้สึกตนเองจนทำให้เกิดการคิดฟุ้งซ่าน และทำให้จินตนาการถึงบุคคลนั้น บางครั้งก็ใช่ภาพถ่ายโป๊ หรือคลิปวีดีโอ ทำให้เขาเกิดคิดกำหนัดในหลายๆคนได้ เหมือนใน ัทธิว 5 :28 ว่าเพียงแค่คิดก็ผิดแล้ว
2.การสำเร็จความใคร่ฝืนพระประสงค์ของพระเจ้า
การสำเร็จความใคร่นี้ปราศจากความรักมีแต่ความตื่นเต้นทางเพศเท่านั้น เป็นการกระทำเพื่อตนเองไม่ได้เพื่อสร้างความสัมพันธ์หรือรักกับใครเลย
3.คนที่สำเร็จความใคร่มักจะถูกครอบงำ
ตัวกระตุ้นมักรุนแรงกว่าความเป็นจริงเสมอ ด้วยสาเหตุที่จินตนาการฟุ้งซ่านเป็นประจำอาจจะทำให้รุนแรงขึ้นได้ และอาจจะวิตถารมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้เกิดความตื่นเต้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านบอกว่าการสำเร็๗ความใคร่ให้โทษมากกว่าประโยชน์เสมอ เพราะนอกจากจะทำให้เครียดมากขึ้นแล้วยังทำให้ตกเป็นทาสของกามอีกต่างหาก
4.การสำเร็จความใคร่อาจปฃูกฝังการหนีจากความเครียดจากการแต่งงาน
เช่นการที่สามีและภารยาขัดแย้งกันจนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ฝ่ายที่คุ้นเคยกับการสำเร็๗ความใคร่มาก่อนมักจะกลับไปหามันได้ง่ายมาก เพื่อทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่มีเขาเราก็อยู่ได้ จึงทำให้รักไม่มั่นคง มีคนไม่น้้อยที่อาการสำเร็จความใคร่จะหมดลงหลังจากได้แต่งงานแล้ว