Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพ …
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีพ
การพยาบาลและการผดุงครรภ์
บททั่วไป (ข้อ4)
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงที่อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
การปฐมพยาบาล
การให้ความช่วยเหลือดูแลเพื่อบรรเทาอาการ หรือป้องกัน หรือเพื่อส่งเสริมการฟื้นหาย การได้รับการช่วยเหลือจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ต้องช่วยเหลือและดูแลรักษาทันที รวมถึง
การปฐมพยาบาล
การปฏิบัติและการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน
ตั้งแต่จุดเกิดเหตุจนกระทั้งผู้ป่วยได้รับการรักษา
ที่ถูกวิธีจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ภาวะฉุกเฉินที่พบบ่อย
เป็นลม
เป็นลมแดด
Heat Stroke
ชัก
ลมบ้าหมู
หอบหืด
การให้ภูมิคุ้มกัน
กระบวนการที่ทำให้ร่างกายสร้าง หรือเกิดภูมิคุ้มกัน หรือมีภูมิต้านทานต่อโรคที่ต้องการโดยการให้วัคซีน
การรักษาโรคเบื้องต้น
กระบวนการประเมินภาวะสุขภาพทั้งหมด
การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย
การวินิจฉัย
การรักษา
การป้องกัน
การปฐมการพยาบาล
การประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ส่วนที่ 1 การพยาบาล (ข้อ 5-8)
ข้อ 5
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
กระทำการพยาบาลโดยใช้กระบวนการพยาบาล
5.3 การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน
การควบคุม และการแก้ปัญหาความเจ็บป่วยหรือวิกฤต
5.4 การปฏิบัติการพยาบาลตามแผนการพยาบาล และ /หรือแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การใช้เครื่องมือพิเศษ การติดตามผลรวมทั้งการประสานทีมสุขภาพ ในการจัดบริการให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาลที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
การพยาบาลที่แพทย์สั่ง เราทำ (การทำงานเป็นทีม)
5.2 การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษา
และการแก้ไขเกี่ยวกับสุขอนามัย
การวางแผนการดูแลต่อเนื่อง และการเสริมสร้างพลังอำนาจ
ในการดูแลตนเองของประชาชน
5.5 การให้การพยาบาลที่บ้านและการส่งเสริมความสามารถของบุคคล ครอบครัว และชุมชน
5.1 การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคล
การตรวจประเมินภาวะสุขภาพ
การส่งเสริมสุขภาพ
การป้องกันโรคและการบาดเจ็บ
การควบคุมการแพร่กระจายโรค
การปฐมพยาบาล
การบำบัดโรคเบื้องต้น
การฟื้นฟูสุขภาพทั้งรายทั่วไป รายที่ยุ่งยาก ซับซ้อน เจ็บป่วยฉุกเฉินหรือวิกฤต
ข้อ 6
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการพยาบาล หรือเมื่อเป็นการรักษาโรคเบื้องต้นหรือการปฐมพยาบาล - อยู่โรงพยาบาล - แพทย์สั่งยา - เราให้เองไม่ได้
6.1 ห้ามให้ยา หรือสารละลายในช่องรอบเบื่อบุไขสันหลัง
หรือช่องไขสันหลัง หรือ สายสวนทางหลอดเลือดดำส่วนกลาง (Peripherally Inserted Central Catheter) และช่องอื่นๆ
ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
epidural space, subarachnoid space & spinal space
6.2 ห้ามใช้ยา หรือสารละลาย หรือสารที่เกี่ยวกับรังสีวินิจฉัย
และยาอื่น ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ห้ามมิให้ยาหรือสารละลายทางหลอดเลือดดำดังต่อไปนี้
กลุ่มสารละลายทึบรังสี (Contrast media ไม่ใช่ยา) ทุกชนิด
กลุ่มยาระงับความรู้สึกที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
(Intravenous anesthetic agents)
ไธโอเพ็นทัลโซเดียม (Thiopental sodium)
คีตำมีนไฮโดรคลอไรด์ (Ketamine hydrochloride)
พรอโพฟอล (Propofol)
เอโทมีเดท (Etomidate)
ยกเว้น ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ที่ผ่านการอบรมวิสัญญีพยาบาลและปฏิบัติงานในห้องผ่าตัดของสถานพยาบาลที่มิใช่สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสภาการพบาล
เคมีบำบัดต้องเข้าอบรมก่อน
ต้องผ่านการอบรมการให้ยาเคมีบำบัดตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนดและได้รับใบรับรองจากสภาการพยาบาล
ต้องเป็นกลุ่มยาเคมีบำบัดที่ได้มีการเตรียม หรือผสมเรียบร้อยแล้วจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ต้องให้กลุ่มยาเคมีบำบัดได้เฉพาะทางหลอดเลิดดำส่วนปลายหรือทางหลอดเลือดดำที่เปิดไว้แล้วโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ข้อ 7
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นสอง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นสอง
ให้กระทำการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาล
ในกรณีที่เป็นปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือวิกฤต จะทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลได้ จะต้องกระทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและ การผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
พยาบาลชั้นหนึ่งและชั้นสอง ทำงานร่วมกัน
ข้อ 8
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ั้นสอง จะให้ยาผู้รับบริการได้เฉพาะการให้ยาทางปากและยาภายนอก ตามที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผู้บาบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษาหรือเมื่อเป็นการปฐมพยาบาล (ยาทา กิน พ่น)
และห้ามให้ยาในชนิด และช่องทางตามที่สภาการพยาบาลประกาศตาม ข้อ 6.1 และ 6.2
ส่วนที่ 2 การทำหัตถการ (ข้อ 9)
ข้อ 9
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง
กระทำการพยาบาลโดยการทำหัตถการตามขอบเขตที่กำหนด ดังนี้
9.9 การช่วยฟื้นคืนชีพ (Cardio pulmonary resuscitation)
9.10 การเช็ดตา ล้างตา (Eye irrigation) หยอดตา ป้ายตา ปิดตา หรือ การล้างจมูก
9.8 การเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยการดูดเสมหะ การเคาะปอด
9.11 การสอดใส่สายยางลงไปในกระเพาะอาหาร (Nasogastric tube)เพื่อให้อาหาร ให้ยา หรือล้างกระเพาะอาหารในรายที่กินสารพิษ หรือตามแผนการรักษา
ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.7 การให้เลือด (Blood Transfusion) ตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.12 การสวนปัสสาวะ หรือการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ ในรายที่
ไม่มีความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
9.6 การให้ยา ทางปาก ทางผิวหนัง ทางหลอดเลือดดำ หรือช่องทาอื่นๆตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
9.13 การสวนทางทวารหนัก ในรายที่ไม่มีข้อบ่งชี้อันตราย
9.5 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤต ภาวะสูญเสียสมดุลของสารน้ำในร่างกาย ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะช็อค การปฐมพยาบาล หรือตามแผนการรักาาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.14 การดาม หรือการใส่เฝือก ชั่วคราว
9.4 การให้ออกซิเจน
9.15 การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
9.3 การถอดเล็บ การจี้หูดหรือจี้ตาปลา โดยใช้ยาระงับความรู้สึกทางผิวหนัง หรือยาชาเฉพาะที่
9.16 การเจาะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดด eส่วนปลายหรือปลายนิ้ว หรือสารคัดหลั่ง เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตามข้อบังคับหรือประกาศที่
สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
9.2 การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอม การผ่าฝี การผ่าตัดตาปลา การเลาะก้อนใต้ผิวหนัง ในบริเวณที่อยู่ในตำแหน่งซึ่งไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะที่สำคัญต่อร่างกาย โดยใช้ยาระงับความรูสึก ทางผิวหนังหรือฉีดยาชาดฉพาะที่ในการเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากอวัยวะ
9.17 หัตถการอื่นๆ ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
9.1 การทำแผล การตกแต่งบาดแผล การเย็บแผลขนาดลึกไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous tissue) และไม่อยู่ในตาแหน่งซึ่งเป็นอันตรายต่ออวัยวะสาคัญของร่างกาย -โดยใช้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ หรือการตัดไหมในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย การดูแลบาดแผลไหม้ แผลน้ำร้อนลวก หรือสารเคมีไม่เกืนระดับ 2 ของแผลไหม้
การรักษาโรคเบื้องต้น (ข้อ 10-15)
ข้อ 12
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ต้องกระทำการรักษาโรคเบื้องต้นตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้น และการให้ภูมิคุ้มกันโรคโดย
12.1 ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาโรค ตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพการพยาบาล ที่สภาการพยาบาลประกาศกาหนด
12.2 ให้ส่งผู้ป่วยไปรับการบำบัดรักษาจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่น
เมื่อปรากฏ ตรวจพบ หรือพิจารณาแล้วเห็นว่าอาการไม่บรรเทาอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น มีโรคหรือภาวะแทรกซ้อน เป็นโรคติดต่อที่
ต้องแจ้งความตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือมีเหตุอันควร
อื่นๆ เกี่ยวกับการบำบัดรักษา
ข้อ 13
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาให้ใช้ยาได้ตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อ 11
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
11.2 ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร และได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตร ที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
11.3 ผุ้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ตามข้อ 11.1 , 11.2 นอกจากปฏิบัติตามข้อ 9 และ 10 ได้แล้ว สามารถทำการพยาบาล การรักษาโรคเบื้องต้นและหัตถการในสาขาที่ผ่ารการศึกษา ฝึกอบรม ตามข้อบังคับหรือประกาศที่สภาการพยาบาลกำหนด
11.1 สาขาที่ศึกาเฉพาะทาง
ข้อ 14
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและรผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ในการให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กะทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อ 10
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ให้กระทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนดของสภาการพยาบาลในการรักษาโรค เบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค ดังต่อไปนี้
ไข้ตัวร้อน
ไข้และมีผื่นหรือจุด
ไข้จับสั่น
ไอ
ปวดศีรษะ
ปวดเมื่อย
ปวดหลัง
ปวดเอว
ปวดท้อง
ท้องผูก
ท้องเดิน
คลื่นไส้อาเจียน
การอักเสบต่างๆ
โลหิตจาง
ดีซ่าน
โรคขาดสารอาหาร
อาหารเป็นพิษ
โรคพยาธิลำไส้
โรคบิด
โรคไข้หวัด
โรคหัด
โรคสุกใส
โรคคางทูม
โรคไอกรน
โรคผิวหนังเหน็บชา
ปวดฟัน
เหงือกอักเสบ
เจ็บตา
เจ็บหู
โรคติดต่อตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ภาวะแท้งคุกคามหรือหลังแท้งแล้ว
การให้ภูมิคุ้มกันโรคแก่บุคคลทั่วไป หญิงมีครรภ์ หญิงหลังลอด ทารกและเด็ก
ความเจ็บป่วยอื่นๆ ตามที่สภาการพยาบาลประกศศกำหนด
ข้อ 15
ต้องมีบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของผู้ป่วย หรือผู้รับบริการ อาการ และ การเจ็บป่วย โรค การพยาบาล การให้การรักษา หรือการให้บริการ วันเวลาในการให้บริการ ชื่อผู้ประกอบวิชาชีพ ตามความเป็นจริง ตามแบบของสภาการพยาบาล เก็บบันทึกและรายงานไว้เป็นหลักฐานเป็นเวลา 5 ปี
การประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์
ส่วนที่ 2 การพยาบาลระยะคลอด
ข้อ 22
การช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ทำคลอด ในรายที่มีการคลอดผิดปกติ
ข้อ 23
ห้ามผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง กระทำการที่เกี่ยวกับการคลอด ดังนี้
การเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจภาวะการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์(amniocentesis)
การทาคลอดที่มีความผิดปกติ เช่น คลอดท่าก้น คลอดแฝด สายสะดือย้อย
การล้วงรก (Manual removal of placenta)
การกลับท่าของทารกในครรภ์ ทั้งภายในและภายนอกครรภ์ (internal andexternal version)
การใช้มือกดท้องในขณะช่วยทำคลอด
การเย็บซ่อมฝีเย็บที่มีการฉีกขาดระดับ 3
การทำแท้ง
ข้อ 21
การพยาบาล ระยะคลอด (Intrapartum
4.การเย็บซ่อมแซมฝีเย็บในรายที่มีการฉีกขาดที่ไม่เกินระดับ 2 (second degree tear)
5.การประเมินการเสียเลือด
3.ทำคลอดรก และเยื่อหุ้มทารกโดยใช้วิธี Modified Credé Maneuver การตรวจรกและเยื่อหุ้มรก ในรายที่รกค้างถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้ทำคลอดรกโดยวิธีพยุงดึงรั้งสายสะดือ (Controlled cord traction) ถ้ารกไม่คลอดให้ส่งต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทันที
การทำคลอดในรายปกติ เตรียมทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิดสมบูรณ์แล้ว
การพยาบาลหญิงมีครรภ์ที่ได้รับการซักนาการคลอด (Induction of labour)
การประเมินสัญญาณชีพหลังคลอดทันทีและก่อนการย้ายออกจากห้องคลอด
ข้อ 24
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงชั้นหนึ่ง จะกระทำการช่วยคลอดฉุกเฉินในรายที่มีการคลอดผิดปกติ ที่ไม่สามารถตรวจพบก่อนการทำคลอด และไม่สามารถหาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำการคลอดได้ภายในเวลาอันสมควร และเห็นประจักษ์ว่า ถ้าละเลยไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาหรือทารกก็ให้ทำคลอดในรายเช่นนั้นได้ แต่ห้ามให้ใช้คีมสูง ในการทาคลอด หรือใช้เครื่องดูดสุญญากาศในการทำคลอดหรือทำการผ่าตัดในการทำคลอด หรือให้ยารัดมดลูกก่อนคลอด
ข้อ 20
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ให้การผดุงครรภ์หญิงมีครรภ์ ระยะก่อนคลอด ดังนี้
2.การตรวจทางหน้าท้องเพื่อประเมินความพร้อมในการคลอด
การตรวจประเมินทารกในครรภ์
การตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
ประมาณน้ำหนักทารกในครรภ์
ส่วนนาและทำทารกในครรภ์
3.การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
1.การประเมินหญิงมีครรภ์การประเมินประวัติการตั้งครรภ์ และประวัติการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการคลอด
ข้อ 25
ในรายที่มีการตกเลือดหลังคลอดถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้รักษาอาการตามความจำเป็นและส่งต่อทันที
ข้อ 19
ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
จะกระทำการผดุงครรภ์ได้แต่เฉพาะรายที่ตั้งครรภ์ปกติ
และคลอดอย่างปกติ ตลอดจนการดูแลมารดาและทารกแรกเกิด
ส่วนที่ 1 การพยาบาลก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์
ข้อ 17
แนะนำและส่งต่อหญิงมีครรภ์ให้ได้รับการตรวจและ
การรักษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามเกณฑ์การฝากครรภ์ที่
กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อ 18
ส่งต่อหญิงมีครรภ์กลุ่มเสี่ยง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข หรือการตรวจพบภาวะครรภ์เป็นพิษ (Pre-eclampsia) หรือส่วนท่าของทารกในครรภ์ผิดปกติ หรือมีภาวะความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์และการคลอดอื่นๆให้ได้รับการรักษาพยาบาลจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือส่งต่อสถานพยาบาลที่มีความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์และทารก
ข้อ 16
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง
ให้การผดุงครรภ์แก่หญิงและครอบครัว เมื่อต้องการมีบุตร
ก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ด้วยกระบวนการ ดังนี้
16.2 การตรวจประเมินภาวะการตั้งครรภ์ด้วยเวชภัณฑ์ทดสอบการตั้งครรภ์
16.3 การรับฝากครรภ์
3.การประเมิน ประวัติทางสูติกรรม จำนวนครั้งที่เคยตั้งครรภ์ ผลการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง รายละเอียดการคลอด
ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งก่อน
4.การตรวจร่างกายทั่วไปและการประเมินภาวะโภชนาการของหญิงมีครรภ์
2.การประเมินการเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบัน ที่อาจมีผลกระทบกับ
การตั้งครรภ์ การคลอด การผ่าตัดอื่นที่นอกเหนือ
ไปจากการผ่าตัดคลอด การใช้ยา การแพ้ยาและอาหาร
5.การตรวจครรภ์และทารกในครรภ์ เพื่อประเมินภาวะของการตั้งครรภ์และตรวจเต้านมและหัวนม เพื่อเตรียมพร้อมให้นมมารดา
6.ให้ยาเสริมธาตุเหล็กและโฟเลตแก่หญิงมีครรภ์
1.การประเมินภาวะสุขภาพด้านร่างกายและจิตใจของหญิงมีครรภ์
การสอนการปฏิบัติตนของบิดาและมารดา ในระหว่างตั้งครรภ์
การคลอดและหลังคลอด เพื่อการเตรียมการคลอด
7.การให้วัคซีนป้องกันบาดทะยัก และวัคซีนอื่น
ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
16.1 การตรวจประเมินภาวะสุขภาพของหญิงและคู่สมรสเพื่่อวางแผนการมีบุตร
ส่วนที่ 3 การพยาบาลมารดาและทารก ระยะหลังคลอด (Postpartum)
ข้อ 28
การพยาบาลทารกแรกเกิดโดยการประเมินสัญญาณชีพความผิดปกติหรือความพิการที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนและให้มารดาได้สัมผัสโอบกอดทารกและเริ่มให้ดูดนมจากมารดาภายในชั่วโมงแรกหลังคลอด
ข้อ 29
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพ การพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของหญิงตั้งครรภ์ การพยาบาลระยะตั้งครรภ์ การคลอด
การพยาบาลหลังคลอดและการให้การบริการตามความเป็นจริง
ตามแบบของสภาการพยาบาลแล้วต้องเก็บบันทึกรายงานไว้เป็นหลักฐานเป็นระยะเวลา 5 ปี
ข้อ 27
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพ การพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งจะต้องให้ยาทำลายและป้องกันการติดเชื้อสำหรับหยอดตาหรือป้ายตาทารกแรกเกิดทันที
ข้อ 30
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสองและผู้ปกครองวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นสอง ให้กระทำการพยาบาลระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอดและการพยาบาลหลังคลอดในรายตั้งครรภ์และการคลอดปกติ ในสถานพยาบาลและการเยี่ยมบ้านที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนทำแผนการพยาบาลมารดาและทารกแรกเกิด เมื่อเป็นการทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ห้ามไม่ให้กระทำในกรณีที่เป็นปัญหา ยุ่งยาก ซับซ้อนหรือตรวจพบความผิดปกติ
ข้อ 26
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพ
การพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ให้การพยาบาลกับมารดาหลังคลอดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะ
ภาวะตกเลือดหลังคลอดและอาการอื่นที่อาจจะเเกิดขึ้น
ส่วนที่ 4 การวางแผนครอบครัวและการคัดกรองมารดาทารก
ข้อ 32
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งสามารถทำการคัดกรองมารดาทารก
การทำ Pap smear
การประเมินภาวะสุขภาพ ความผิดปกติและความพิการของทารก
ข้อ 33
ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นสองผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง การให้บริการวางแผนครอบครัว
แบบใช้ยาหรืออุปกรณ์
ถุงยางอนามัย
วงแหวนคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิด (Oral contraceptive pills)
แผ่นแปะคุมกำเนิด /ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะผิวหนัง
ข้อ 31
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งสามารถจะทำการพยาบาลและการวางแผนครอบครัวดังนี้
1.การให้คำปรึกษากับผู้สมรสในการวางแผนครอบครัวแบบวิธีธรรมชาติ
/การคุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติไม่ต้องใช้ยาหรืออุปกรณ์
2.การให้บริการวางแผนครอบครัวแบบใช้ยาหรือใช้อุปกรณ์
ส่วนที่ 5 การสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่มารดา ทารก และเด็ก
ข้อ 34
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะให้ภูมิคุ้มกันโรคต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อ 35
ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์สอง ให้คำแนะนำเรื่องการเข้ารับภูมิคุ้มกันโรคและติดตามให้มารับภูมิคุ้มกันโรค
นางสาวมณฑกานต์ มีศรี ห้อง 2B เลขที่ 58 รหัส 63123301115