Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สามารถนำทฤษฎีสุขภาพมาส่งเสริมสุขภาพแก่ชุมชน - Coggle Diagram
สามารถนำทฤษฎีสุขภาพมาส่งเสริมสุขภาพแก่ชุมชน
ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของเคมม์และโคลส
แนวคิดพื้นฐานด้านสุขภาพการสร้างเสริมสุขภาพและการปฏิรูปสุขภาพ(นิคม มูลเมือง.มปป)
ความหมายของสุขภาพคือความสมดุลของบุคคลทั้งด้านร่างกาย จิตใจและสุขภาพทางสังคมโดยความสมบูรณ์ทั้ง 3 ด้านนั้นต้องปราศจากโรคประสาทจากการเจ็บป่วยและมีภาวะสุขภาพของร่างกายดังตารางต่อไปนี้แสดงองค์ประกอบ 3 ด้านของสุขภาพ
1.สุขภาพร่างกาย มีชีวิตยืนยาว แข็งแรง ปราศจากโรคทางร่างกายเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่ำ ภาวะเสี่ยงในการดำรงชีวิตต่ำ
2.สุขภาพจิตใจ ปราศจากความทุกข์ด้านจิตใจ มีความเชื่อมั่นใจตนเอง มีจิตใจที่มั่นคง จิตใจที่สามารถยืดหยุ่นได้
3.สุขภาพสังคม ปราศจากปัญหาด้านครอบครัว การขัดแย้งในครอบครัว มีบทบาทหน้าที่ในสังคมได้รับการสนับสนุนจากสังคม
เคมม์และโคลส (Kemm and Close, 1995) ได้กล่าวถึงการสร้างเสริมสุขภาพ คือการรวมทุกกิจกรรมใดๆที่กระทำเพื่อป้องกันโรคหรือทำให้มีภาวะสุขภาพสมบูรณ์
ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์
ปัจจัยและแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมกำรส่งเสริมสุขภำพผู้สูงอายุไทย : กำรทบทวนวรรณกรรมแบบบรรยำย
ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ Pender (1996)ได้เสนอทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพเพื่ออธิบายและททำนายพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของบุคคลทุกวัย โดยอธิบายการปฏิบัติพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพของบุคคลได้อย่างต่อเนื่องนั้นเป็นผลมาจากปัจจัย 3 ด้าน คือ ปัจจัยด้าน คุณลักษณะและประสบการณ์ของบุคคล ได้แก่ พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับอดีต ปัจจัยส่วนบุคคลด้านชีววิทยา จิตวิทยา และ สังคมวัฒนธรรม ปัจจัยการรับรู้และความรู้สึกเกี่ยวกับพฤติกรรม ได้แก่ การรับรู้ประโยชน์ของการกระทำ การรับรู้สมรรถนะ แห่งตน การรับรู้อุปสรรคต่อการกระทำ อารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติพฤติกรรม อิทธิพลระหว่างบุคคล และ อิทธิพลจาก สถานการณ์ และผลลัพธ์ทางด้านพฤติกรรม ได้แก่ ความมุ่งมั่นที่จะกระทำพฤติกรรม และ ความต้องการและความพึงพอใจใน การปฏิบัติพฤติกรรม โดยปัจจัยดังกล่าวมีผลโดยตรงและโดยอ้อมต่อพฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ ทฤษฎีนี้แบ่งพฤติกรรมการ ส่งเสริมสุขภาพ ออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความรับผิดชอบต่อสุขภาพ ด้านกิจกรรมทางกาย ด้านโภชนาการ ด้านการมี ปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้านการพัฒนาทางจิตวิญญาณ และด้านการจัดการกับความเครียด พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ เป็นเป้าหมายสุดท้ายในรูปแบบการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ เมื่อผู้สูงอายุได้ปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพจนกลายเป็นกิจวัตร ประจำวันในการดำเนินชีวิต จะทำให้ผู้สูงอายุมีภาวะสุขภาพดีตลอดช่วงชีวิต(กุลธิดา กุลประฑีปัญญา.2562)
ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์
นิยามว่า “สุขภาพ หมายถึง ความต้องการสูงสุดของมนุษย์ และต้องใช้ความพยายามในการสร้างพฤติกรรม การมีความสามารถดูแลตนเอง และสัมพันธภาพที่น่าพึงพอใจกับบุคคลอื่น ขณะที่มีการปรับตัวเพื่อให้การคงอยู่ของโครงสร้างและความกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมที่สัมพันธ์” จะเห็นว่าสุขภาพเป็นสิ่งที่บุคคลต้องสร้างด้วยตนเอง และสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญ สัมพันธ์ใกล้ชิดกับการเกิดสุขภาพดี(สุรีย์ ธรรมิกบวร.มปป)
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์
สามารถนำปัจจัยที่กำหนดในแบบจาลองส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์เป็นกรอบในการประเมิน สำรวจ พฤติกรรมสุขภาพของบุคคล หรือการพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพโดยใช้กรอบดังกล่าวมาศึกษาหาปัจจัยที่มีผลต่อการส่งเสริมสุขภาพ เช่นการสำรวจพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงอายุในชุมชนเขตความรับผิดชอบสถานีอนามัยเสาหิน (วิภาพร สิทธิสาสตร์ และสุชาดา สวนนุ่ม, 2550) นอกจากนี้สามารถนาแนวคิดย่อยในแบบจำลองเป็นแนวทางในการออกแบบกิจกรรมการพยาบาลเช่น การจัดระบบสนับสนุนที่เอื้อต่อการมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพ ยกตัวอย่างเช่น การกำหนดให้ทุกที่ ทุกเวลา สามารถออกกาลังกายได้ เป็นต้น การจัดกิจกรรมเพื่อเสริมศักยภาพให้บุคคลรับรู้สมรรถนะแห่งตน และรู้สึกสนุกต่อการมีพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพนั้น ๆ เช่น การอบรม การจัดค่ายอาหารสาหรับป้องกันโรคอ้วนในวัยเด็กเป็นต้น และจากแนวคิดความยึดมั่นต่อแผนปฏิบัติ สามารถนามาออกแบบกิจกรรมในการสร้างพันธะสัญญาในการออกกาลังกาย เป็นต้น หรือในกรณีอิทธิพลบรรทัดฐานสังคมสามารถประยุกต์ใช้โดยการจัดรณรงค์เพื่อสร้างบรรทัดฐานเช่นรณรงค์การรับประทานข้าว ผักเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น อย่างไรก็ตามการศึกษาเพื่อกำหนดปัจจัยในแต่ละประเด็น แต่ละกลุ่ม เป็นขั้นตอนประเมินที่สำคัญ
ในกรณีประยุกต์ใช้เพื่อการส่งเสริมสุขภาพบุคคลมีแนวทางที่เพนเดอร์ให้แนวปฏิบัติ 9 องค์ประกอบในการประเมินได้แก่(Pender et al., 2002,p.119)
การประเมินพฤติกรรมเสี่ยง
การทบทวนความเครียดในวิถีชีวิต
การประเมินด้านอาหาร
การประเมินสุขภาพในมิติจิตวิญญาณ
การประเมินความพร้อมด้านร่างกาย
การทบทวนระบบสนับสนุนทางสังคม
การประเมินแบบแผนสุขภาพ
การทบทวนความเชื่อด้านสุขภาพ
การประเมินวิถีชีวิต
จากผลการประเมินดังกล่าวซึ่งต้องมีเครื่องมือการประเมินที่เหมาะสมในแต่ละวัย สอดคล้องกับวัฒนธรรม นามาสู่การวางแผนการพยาบาลเพื่อการส่งเสริมสุขภาพซึ่งเพนเดอร์กำหนดไว้ 9 ขั้นตอนซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องมีส่วนร่วมทั้งผู้รับบริการ และพยาบาล(Pender et al., 2002, p.149) ดังนี้
การระบุเป้าหมายสุขภาพ และพฤติกรรมที่ต้องการเปลี่ยนแปลง
ยึดมั่นต่อแผนปฏิบัติ และสนับสนุนสิ่งที่เป็นความจาเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายของผู้รับบริการ
ในการวางแผนการส่งเสริมสุขภาพสิ่งสำคัญคือต้องเป็นสิ่งที่พัฒนาจากการมีส่วนร่วมทั้งผู้รับบริการ และบุคลากรที่ดูแล
การสร้างความเข้มแข็งและเสริมสมรรถนะของผู้รับบริการ
การระบุผลลัพธ์พฤติกรรมและสุขภาพที่บ่งชี้ว่าแผนประสบความสำเร็จตามมุมมองของผู้รับบริการ
การทบทวนและสรุปข้อมูลจากการประเมิน
การวางแผนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่มาจากฐานความชอบของผู้รับบริการ ภายใต้ระยะของการเปลี่ยนแปลง องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และหลักฐานเชิงประจักษ์เกี่ยวกับวิธีการที่เลือก
กาหนดกรอบช่วงเวลาในการปฏิบัติ
แสดงประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลง และระบุแรงจูงใจเพื่อเปลี่ยนแปลงจากมุมมองของผู้รับบริการ
ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และปฏิสัมพันธ์ ที่เอื้อหรือเป็นอุปสรรค ต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
แนวคิดพื้นฐานด้านสุขภาพการสร้างเสริมสุขภาพและการปฏิรูปสุขภาพ(นิคม มูลเมือง.มปป)
ทฤษฎีการส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ ได้กล่าวถึงความหมายของคำว่าสุขภาพ 3 ลักษณะ คือ
1) สุขภาพเป็นความปกติ ความสมดุลและความมั่นคงของร่างกาย
2)สุขภาพเป็นความสำเร็จของการพัฒนาสุขภาพจากระดับหนึ่งไปอีกระดับหนึ่งที่สูงขึ้นและ
3)การให้ความหมายซึ่งมองทั้งสองแง่ข้างบนกล่าวคือสุขภาพเป็นความสมดุลของร่างกายและเป็นการพัฒนาสุขภาพจากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง
เพนเดอร์ (Pender, 2011) กล่าวว่าความหมายของการสร้างเสริมสุขภาพ คือ การจูงใจหรือการกระทําใดๆที่มีผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของบุคคลเพนเดอร์ ยังให้ความหมายของการสร้างเสริมสุขภาพในมุมที่กว้างขึ้น กล่าวคือมีองค์ประกอบ 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ การให้ความรู้ (Health Education) การป้องกัน(Health Prevention) และการให้ภูมิคุ้มกันด้านสุขภาพ (Health Protection) (Pender, Murgaugh, & Parsons, 2011)
การพัฒนาดัชนี ชี้วัดสุขภาพ เพียงพอระดับบุคคลครอบครัวและชุมชน
ภายใต้แนวคิดปริชญาเศรษฐกิจพอเพียง(มณี อาภานันทิกิล.2550)
สุขภาพพอเพียงระดับชุมชน
หมายถึง คนใน ชมชนร่วมกันดูแลสุขภาพของคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกันมีการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมีการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านสุขภาพ รวมกลุ่มกันทำกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพ พึ่งพาตนเองโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนอย่างคุ้มค่าช่วยเหลือเกื้อกูลและแบ่งปันกันภายในชุมชนร่วมกันทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมมีการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชนมาสนับสนุนให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดีมีความแข็งแรงและมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียง(คณะกรรมการอำนวยการจัดทำแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ,2550)
ดัชนีชี้วัดสุขภาพพอเพียงระดับชุมชน ประกอบด้วย 16 ตัวชี้วัดดังนี้
1ชุมชนมีการร่วมกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นและข่าวสารต่างๆ
3.ชุมชนอยู่ร่วมกันแบบดูแลพึ่งพาอาศัยกันเกื้อกูลการ ช่วยเหลือดูแลสุขภาพของสมาชิกในชุมชน
4.ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน กำจัดขยะ กำจัดยุง ดูแลต้นไม้
ชุมชนมีการรวมกลุ่มทำกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพเช่นการออกกำลังกาย การทำอาหารสุขภาพ
ชุมชนได้รับความรู้เรื่องสุขภาพอาหาร การเกษตรและเรื่องอื่นๆอย่างสม่ำเสมอ
คนในชุมชนแลกเปลี่ยนอาหาร/ผลิตผลทางการเกษตรกัน
มีสถานีอนามัยให้บริการสุขภาพ ให้การดูแลรักษาเบื้องต้นให้คำปรึกษาและความรู้ด้านสุขภาพแก่คนในชุมชน
เจ้าหน้าที่ สถานีอนามัยในหมู่บ้านมีความเข้มแข็งในการทำงานด้านสุขภาพของประชาชนในชุมชน
9.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านในหมู่บ้านมีความเข้มแข็งในการทำงานด้านสุขภาพของประชาชนในชุมชน
มีการประสานงานกับองการบริหารส่วนตำบลในการส่งผู้ป่วยอาการหนักไปโรงพยาบาล
มีสถานที่อุปกรณ์ที่สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพในชุมชนเช่นสถานที่ออกกำลังกายของชุมชนมีลานออกกำลังกายและมีเครื่องออกกำลังที่ใช้ร่วมกันมีลานกีฬา เปตอง ลานฮูลาฮูล
ชุมชนร่วมกับ สถานีอนามัยมีการป้องกันและเฝ้าระวังโรคระบาดในชุมชน เช่น การกำจัดยุงลาย
มีการกระจายข่าวของชุมชนผ่าน อสม. และประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมในหมู่บ้านเป็นสื่อกลางแจ้งข่าวด้านสุขภาพ
ผู้นำชุมชนให้ความสนใจสุขภาพของชุมชน
มีสถาบันทางสังคมเช่นสถานศึกษา วัดที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน อบรมความรู้ เป็นที่พึ่งพาทางใจให้คนในชุมชน
16.ชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขคนในชุมชนมีความรักสามัคคีไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
การส่งเสริมสุขภาพในสถานประกอบการในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพชุมชน สู่ระบบสุขภาพอำเภอโดยใช้การมีส่วนร่วมของเครือข่ายพยาบาล(พนารัตน์ เจนจบ.2563)
การศึกษาวิจัยของ นิสากร กรุงไกรเพชร และคณะ (Krungkaiphet et .al, 2017) ที่ได้ศึกษาสมรรถนะการส่งเสริมสุขภาพของพยาบาล วิชาชีพ ภาคตะวันออก ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่
1) คุณลักษณะส่วนบุคคลในการสร้างเสริมสุขภาพ มีความคิด ความรู้สึก แรงจูงใจของบุคคลที่แสดงออกถึง การมี องค์ความรู้ด้านการส่งเสริมสุขภาพ มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ สร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ มี เจตคติที่ดีต่อวิชาชีพและการส่งเสริมสุขภาพ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีและพัฒนาตนเองอย่าง ต่อเนื่อง ตลอดจนติดตามนโยบายระดับชาติและ นานาชาติเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพ
2) มี ความสามารถในการปฏิบัติกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งมีการประเมินพฤติกรรมและภาวะสุขภาพ การ ประเมินสภาพแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ การคัดกรองปัญหาสุขภาพ การวินิจฉัยทางการ พยาบาลเพื่อให้บริการส่งเสริมสุขภาพกลุ่มบุคคล และชุมชน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของ ผู้รับบริการ การให้ความรู้และจัดทำโครงการโดย ใช้สื่อต่างๆ ในการให้ข้อมูลอย่างเหมาะสม
3) ความสามารถในการบริหารจัดการด้านการส่งเสริม สุขภาพ มีการวางแผนและกำหนดชี้วัดความสำเร็จ งานในการประเมินผลงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ การตัดสินใจและแก้ปัญหารวมถึงการแสดงออก นอกจากนี้ยังควรมีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ใน การจัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริม สุขภาพ เป็นผู้ประสานงาน และการทำงานร่วมกับ ผู้อื่น (Graves, Hamner, Nikles, & Wells, 2015)
4) ความสามารถในการพัฒนาภาคีเครือข่ายด้าน การส่งเสริมสุขภาพ การสร้างแรงจูงให้ประชาชนมี ส่วนร่วม การเสริมพลังอำนาจ การเป็นที่ปรึกษาแก่ ผู้ร่วมงานและบุคคล การเจรจาต่อรองและจัดหา และใช้ทรัพยากรจากแหล่งประโยชน์ต่างๆได้อย่าง คุ้มค่า และ
5) ความสามารถในการวิจัยและการ จัดการความรู้ โดยการนำผลวิจัยมาประยุกต์ในการ บริการ การสร้างแนวทางปฏิบัติงานด้านส่งเสริม สุขภาพและเผยแพร่ความรู้นั้นแก่ทีมสุขภาพ
โมเดลการจัดกระทำปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพ(กรรณิการ์ ศุภชัย.2559)
Kas และ Cobb' ให้คำนิยาม พฤติกรรมสุขภาพ ว่าแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
พฤติกรรมการป้องกันโรค (preventivehealth behavior ) หมายถึง การกระทำใด ๆ
ของบุคคลที่เชื่อว่าตนเองต้องมีสุขภาพดี โดยแสดงพฤติกรรมการป้องกันโรค หรือการค้นหาโรคตั้งแต่ยังไม่มีอาการ เช่น การเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และการตรวจคัดกรองโรคตามวัย เป็นต้น
2.พฤติกรรมเมื่อมีภาวะเจ็บป่วย (illnessbehavior) หมายถึง การกระทำใด ๆ ของบุคคลเมื่อรับรู้ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตนเองโดยให้ความหมายกับสภาวะสุขภาพของตนเอง และหาวิธีการที่เหมาะสมมาจัดการกับสภาวะเจ็บป่วยของตน
พฤติกรรมตามบทบาทของการเจ็บป่วย(sick-role behavior) หมายถึง การกระทำใด ๆ ของบุคคลเมื่อรับรู้ว่าตนเองเจ็บป่วยหรือเป็นโรค และต้องการหายจากโรคโดยเข้ารับการรักษาพยาบาลการกระทำในข้อนี้ จึงเป็นลักษณะของการปฏิบัติตามคำแนะนำหรือทำตามคำสั่งอย่างเข้าใจและอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม มีทฤษฎีหรือโมเดลทางพฤติกรรมและสังคมศาสตร์หลากหลายทฤษฎี/โมเดลช่วยอธิบายพฤติกรรมสุขภาพระดับชุมชนหรือกลุ่ม (Community and group models) โมเดลระดับนี้อธิบายหน้าที่ของกลุ่ม องค์กร หรือชุมชน ว่ามีความสำคัญต่อสุขภาพของบุคคล ตัวอย่างทฤษฎีหรือโมเดลในระดับนี้ เช่น โมเดลการจัดองค์กรชุมชน(Community Organization Model) ทฤษฎีการแพร่กระจายนวัตกรรม (Diffusion of Innovation Theory)โมเดลเชิงนิเวศวิทยา (Ecological Model) เป็นต้น
หลักการสำคัญของโมเดลเชิงนิเวศวิทยา(Ecological model) เพื่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้โมเดลเชิงนิเวศวิทยา เพื่อการจัดกระทำต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพมีหลักการปัจจัยระดับชุมชน (Community levelfactor) ปัจจัยระดับนี้ เป็นการอธิบายถึงความสัมพันธ์ของระบบสังคมว่า เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมสุขภาพของบุคคล เช่น การคมนาคมการขนส่ง เทคโนโลยี และการสื่อสารต่างๆ เป็นต้น