Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีการพยาบาลแ…
ข้อบังคับสภาการพยาบาลว่าด้วยข้อจำกัดและเงื่อนไขในการประกอบวิชาชีการพยาบาลและการผดุงครรภ์
หมวดที่1 บททั่วไป
ข้อที่4 กาารรักษาโรคเบื้องต้นกระบวนการประเมินภาวะสุขภาพทั้งการซักประวัติ การตรวจร่างกาย การวินิจฉัยแยะโรค การรักษาโรคและการบาดเจ็บ การป้องกันโรค รวมถึง การปฐมพยาบาล เพื่อการแก้ปัญหา ความเจ็บป่วย บรรเทาความรุนแรง หรืออาการของโรค เพื่อให้ผู้ป่วยพ้นภาวะการเจ็บป่วยหรือภาวะวิกฤต
การเจ็บป่วยฉุกเฉิน
คือการได้รับการเจ็บหรือการเจ็บป่วยกะทันหัน ซึ่งเป็นภยันตรายต่อการดำรงชีวิตหรือการทำงานของอวัยวะสำคัญ จำเป็นต้องได้รับการประเมิน การจัดการและการบำบัดรักษาอย่างทันท่วงที ต้องดำเนินการช่วยเหลือและการดูแลรักษาทันที
การเจ็บป่วยวิกฤต
การเจ็บป่วยที่มีความรุนแรงถึงขั้นที่อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตหรือพิการได้
การปฐมพยาบาล
การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บหรือผู้เจ็บป่วย โดยดูแลเพื่อบรรเทาอาการหรือป้องกันมิให้ภาวะนั้นเลวลง
การให้ภูมิคุ้มกัน
กระบวนการที่ทำให้ร่างกายสร้างหรือเกิดภูมิคุ้มกัน หรือมีภูมิต้านทานต่อโรคที่ต้องการโดยการให้วัคซีน
หมวดที่ 2 การประกอบวิชาชีพพยาบาล
ส่วนที่1 การพยาบาล
ข้อที่5 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลชั้นหนึ่งผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำการพยาบาลโดยให้กระบวนการพยาบาล
5.1 การกระทำต่อร่างกายและจิตใจของบุคคลการตรวจประเมินภาวะสุขภาพ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคและการบาดเจ็บ การควบคุมการแพร่กระจายโรค และการฟื้นฟุสุขภาพ ทั้งรายทั่วไป ราบที่ยุ่งยาก ซับซ้อน หรือเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือวิกฤต
5.2 การสอน การแนะนำ การให้คำปรึกษาและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอนามัยการวางแผนการดูแลต่อเนื่องและการเสริมสร้างพลังอำนาจในการดุแลตนเองของประชาชน
5.3 การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกัน การควบคุม และการแก้ปัญหาความเจ็บป่วยหรือวิกฤต
5.4 การปฏิบัติการพยาบาลตามแผนการพยาบาลหรือแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมการใช้เครื่องมือพิเศษ การติดตามผลรวมทั้งการประสานทีมสุขภาพ ในการจัดบริการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานการพยาบาลที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
5.5 การให้การพยาบาลที่บ้านและการส่งเสริมความสามารถของบุคคล ครอบครัว และชุมชน ให้อยู่กับความเจ็บป่วยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีตามศักยภาพ
ข้อที่ 6 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง จะให้ยาได้เฉพาะผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งเป็นผ้บำบัดโรคได้ระบุไว้ในแผนการรักษา หรือเมื่อเป็นการรักษาโรคเบื้องต้นหรือการปฐมพยาบาล
6.1ห้ามให้ยาหรือสารละลายในช่องรอบเยื่อบุไขสันหลังหรือช่องไขสันหลังสายสวนทางหลอดเลือดดำส่วนกลางและช่องทางอื่นตามที่สภากาชาดกำหนด
ยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่ ให้ผู้คลอด หรือผู้ป่วยผ่าตัดต่ำกว่าเอว
6.2 ห้ามให้ยาหรือสารละลายหรือสารเกี่ยวกับรังสี วินิจฉัย และยาอื่น สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ประกาศสภาพยาบาล
1.1กลุ่มสารละลายทึบรังสี (Contrast media)ทุกชนิด
1.2 กลุ่มยาระงับความรู้สึกที่ให้ทางหลอดเลือดดำ (Intravenous anesthetic agents)
1.3 กลุมยาเคมีบำบัด จะสามารถให้ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
ต้องผ่านการอบรมการให้ยาเคมีบำบัดตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนดและได้รับใบรับรองจากสภาการพยาบาล
ต้องเป็นกลุ่มยาเคมีบำบัดที่มีการเตรียมหรือผสมเรียบร้อยแล้วจากผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่มิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล
ต้องให้กลุ่มยาเคมีบำบัดได้เฉพาะทาหลอดเลือดดำส่วนปลายหรือทางหลอดเลือดดำที่เปิดไว้แล้วโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ข้อที่7 ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ให้กระทำการพยาบาลที่ไม่ยุ่งยากและซับซ้อนตามแผนการพยาบาล ในกรรีที่เป็น ปัญหา ยุ่งยาก ซับว้อน หรือเป้นการเจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือวิกฤต จะทำการประกอบวิชาชีพพยาบาลได้ จะต้องทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ชั้นหนึ่ง หรือผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง
ข้อที่8 ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาล ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นสอง จะให้ยาผู้รับบริการได้เแพาะการให้ยาทางปากและยาภายนอก ตามที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และห้ามใช้ยาและช่องทาองที่สภาการพยาบาลประกาศตามมข้อ 6.1 และ 6.2
ส่วนที่2 การทำหัตถการ
ข้อที่9 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง กระทำการพยาบาลโดยการทำหัตถการตามขอบเขตที่กำหนด
9.1 การทำแผลการตกแต่งบาดแผล การเย็บแผลขนาดลึกไม่เกินชั้นเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง (subcutaneous tissue) และไม่อยู่ในตำแหน่งที่เป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายโดยใช้ยสระวับความรู้สึกเฉพาะที่ หรือการตัดไหมในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตราย การดูแลรักษาบาดแผลไหม้ แผลน้ำร้อยลวก หรือสารเคมี ไม่เกินระดับ 2ของแผลไหม้
9.2 การผ่าตัดเอาสิ่งแปลกปลอม การทำฝี การผ่าตัดตาปลา การเลาะก้อนใต้ผิวหนัง ในบริเวณที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เป็นอันตรายต่ออวัยวะที่สำคัญของร่างกาย โดยใช้ยาระงับความรู้สึก ทางผิวหนังหรือฉีดยาเฉพาะที่ในการเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากอวัยวะ
9.3 การถอดเล้บ การจี้หูดหรือจี้ตาปลา โดยใช้ยาระงับความรู้สึกทางผิวหนังหรือฉีดยาเฉพาะที่
9.4 การใช้ออกซิเจน
9.5 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ในผู้ป่วยที่มีภาวะวิกฤต ภาวะสูญเสียสมดุลของสารน้ำในร่างกาย ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่อภาวะช็อค การปฐมพยาบาลหรือตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.6 การให้ยา ทางปาก ทางผิวหนัง ทางหลอดเลือดดำ หรือช่องทางอื่นๆ ตามแผนการรักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
9.7 การให้เลือด (Blood Transfusion) ตามแผนการรักษาของผู้ประกอยวิชาชีพเวชกรรม
9.8 การเปิดทางเดินหายใจให้โล่งด้วยการดูดเสมหะ การเคาะปอด
9.9 การช่วยฟื้นคืนชีพ (Cardio puimonara resuscitation) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของผู้ป่วย
9.10 การเช็ดตาการล้างตา (Eye irrigation) หยอดตา ป้ายตา ปิดตา หรือการล้างจมูก
9.11 การสอดใใส่สายางลงไปในกระเพาะอาหาร (Nasogastric tube) เพื่อให้อาหาร ให้ยา เพื่อล้างกระเพาะอาหารในรายที่กินสารพิษ หรือตามแผนการักษาของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
9.12 การสวนปัสสาวะหรือการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ ในรายที่ไม่มีความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ
9.13 การสวนทางทวารหนัก ในรายที่ไม่มีข้อบ่งชี้อันตราย
9.14 การดาม หรือการใส่เฝือก ชั่วคราว
9.15 การตรวจหรือการคัดกรองมะเร็งเต้านม
9.16 การเจาะเก็บตัวอย่างเลือดจากหลอดเลือดดำส่วนปลายหรือปลายนิ้ว หรือสารคัดหลั่ง เพื่อส่งตรวจทางปฏิบัติการ ตามข้อบังคับหรือประกาศที่สภาการพยาบาาลกำหนด
9.17 หัตถการอื่นๆ ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
หมวดที่3 การรักษาโรคเบื้องต้น
ข้อที่ 10 ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้กระทำการประกอบวิชาชีพการพยาบาลตามข้อกำหนด ของสภาการพยาบาลในการรักษาโรคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันโรค
ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดท้อง ท้องผูก ท้องเดิน คลื่นไส้อาเจียน การอักเสบต่างๆไข้ตัวร้อน ไข้และมีผื่นหรือจุด ไข้จับสั่น ไอ โลหิตจาง ดีซ่าน โรคขาดสารอาหาร อาหารเป็นพิษโรคพยาธิลำไส้ โรคบิด โรคไข้หวัด โรคหัด โรคสุกใส โรคคางทูม โรคไอกรน โรคผิวหนังเหน็บชา ปวดฟัน เหงือกอักเสบ เจ็บตา เจ็บหู
โรคประกาศตามกระทรวงสาธารณสุข
การแท้งคุกคามหรือหลังแท้งแล้ว
การให้ภูมิคุ้มกันโรคทั่วไป หญิงมีครรภ์ หญิงหลังคลอด ทารกและเด็ก
ความเจ็บป่วยอื่นๆ ตามที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
ข้อที่ 11ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
11.1 สาขาที่ศึกษาเฉพาะทาง
11.2 ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร และได้รับหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัติที่สภาการพยาบาลกำหนด
11.3ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ตามข้อ 11.1และ 11.2 นอกจากปฏิบัติตามข้อ 9 และข้อ 10 ได้แล้ว สามารถทำการพยาบาล การรักษาโรคเบื้องต้นและหัตถการ ในสาขาที่ผ่านการรักษา ฝึกอบรม ตามข้อบังคับประกาศที่สภาการพยาบาลกำหนด
ข้อที่12ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ต้องกระทำการรักษาโรคเบื้องต้นตามข้อกำหนดของสภาการพยยาบาลในการรักษาโณคเบื้องต้นและการให้ภูมิคุ้มกันกับโรค
12.1 ตรวจวินิจฉัยและบำบัดรักษาโรค ตามมาตรฐานของการประกอบวิชาชีพการพยาบาล ที่สภาการพยาบาลประกาศกำหนด
12.2 ให้ส่งผู้ป่วยไปรับการบำบักจากผู้ประกอบวิชาชีพอื่น เมื่อปารกฏตรวจพบหรือพิจารณาแล้วเห็นว่าอาการไม่บรรเทา อาการรุนแรงเพิ่มขึ้น มีโรคหรือภาวะแทรกซ้อน เป็นโรคติดต่อที่ต้องแจ้งความตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ หรือมีเหตุอันควรอื่นๆ เกี่ยวกับการบำบัดรักษา
ข้อที่13ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาให้ใช้ยาได้ตามคู่มือการใช้ยาที่สภาการพยาาลประกาศกำหนด
ข้อที่14ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาล ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ในการให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ข้อที่ 15 ต้องมีการบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของผู้ป่วย หรือผู้รับบริการ อาการและ การเจ็บป่วย โรค การพยาบาล การให้การรักษา หรือการให้บริการ วันเวลาในการให้บริการ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพ ตามความเป็นจริง ตามแบบของสภาการพยาบาล เก็บบันทึกรายงาน ไว้เป็นหลัหฐานเป็นเวลา 5 ปี
หมวดที่ 4 การประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์
ส่วนที่1 การพยาบาลก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์
ข้อที่16 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การผดุงครรภ์แก่หญิงและครอบครัว เมื่อต้องการมีบุตร ก่อนการตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ด้ววยกระบวนการ ดังนี้
16.1 การตรวจประเมินภาวะสุขภาพของหญิงและคู่สมรสเพื่อวางแผนการมีบุตร
16.2 การตรวจประเมินภาวะการตั้งครรภ์ด้วยเวชภัณฑ์ทดสอบการตั้งครรภ์
16.3 รับฝากครรภ์
16.3.1 การประเมินภาวะสุขภาพด้านร่างกายและจิตใจของหญิงมีครรภ์ การสอนการปฏิบัติตนของบิดาและมารดาในระหว่างตั้งครรภ์ การคลอดหลังคลอด เพื่อการเตรียมการคลอด
16.3.2 การประเมินการเจ็บป่วยในอดีตและปัจจุบัน ที่อาจมีผลกระทบกับการตั้งครรภ์ การคลอด การผ่าตัดอื่นที่นอกเหนือไปจากการผ่าคลอด การใช้ยา การแพ้ยาและอาหาร
16.3.3 การประเมินประวัติทางสูติกรรม จำนวนครั้งที่เคยตั้งครรภ์ ผลการตั้งครรภ์แต่ละครั้ง รายละเอียดการคลอด ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์และการคลอดครั้งก่อน
16.3.4 การตรวจร่างกายทั่วไปและการประเมินภาวะโภชนาการของหญิงมีครรภ์
16.3.5 การตรวจครรภ์และทารกในครรภ์ เพื่อประเมินภาวะของการตั้งครรภ์ และตรวจเต้านมและหัวนม เพื่อเตรียมพร้อมให้นมมารดา
16.3.6 ให้ยาเสริมธาตุเหล็กและโฟเลตแก่หญิงมีครรภ์
16.3.7 การให้วัคซีนป้องกันบาดทะยัก และวัคซีนอื่นตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อที่ 17 แนะนำและส่งต่อหญิงมีครรภ์ให้ได้รับการตรวจและการรักษากับผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามเกณฑ์การฝากครรภ์ที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อที่ 18 ส่งต่อหญิงมีครรภ์กลุ่มเสี่ยง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข หรือการตรวจพบภาวะครรภ์เป็นพิษ (Pre-eclampisa) หรือส่วนนำหรือท่าของทารกในครรภ์ผิดปกติ หรือมีภาวะความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์และการคลอดอื่นๆ ให้ได้รับการรักษาพยาบาลจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อม เพื่อความปลอดภัยของหญิงมีครรภ์และทารก
ส่วนที่ 2 การพยาบาลระยะคลอด
ข้อที่19ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะกระทำการผดุงครรภ์ได้แต่เฉพาะรายที่ตั้งครรภ์ปกติ และคลอดอย่างปกติ ตลอดจนการดูแลมารดาและทารกแรกเกิด
ข้อที่ 20ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การผดุงครรภ์หญิงมีครรภ์ระยะก่อนคลอดดังนี้
20.1 การประเมินหญิงมีครรภ์
20.1.1 การประเมินประวัติการตั้งครรภ์และประวัติการเจ็บป่วยอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์และการคลอด
20.1.2 การตรวจทางหน้าท้องเพื่อประเมินความพร้อมในการคลอด
20.2 การตรวจประเมินทารกในครรภ์
20.2.1 การตรวจการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์
20.2.2ประมาณน้ำหนักทารกในครรภ์
20.2.3 ส่วนนำและท่าทารกในครรภ์
20.3 การประเมินความก้าวหน้าของการคลอด
ข้อที่21 การพยาบาลระยะการคลอด (Intrapartum)
21.1การพยาบาลหญิงมีครรภ์ ที่ได้รับการชักนำการคลอด (Induction of labour)
21.2 การทำคลอดในรายปกติ เตรียมทำคลอดเมื่อปากมดลูกเปิดสมบูรณ์แล้ว ส่วนนำอยุ่ในอุ้งเชิงกรานพร้อมคลอด ตัดฝีเย็บตามข้อบ่งชี้ การทำคลอด การดูแลทารกแรกเกิดทันที
21.3 ทำคลอดรกและเยื่อหุ้มทารกโดยวิธี Modified Crede Maneuver การตรวจรกและเยื่อหุ้มรก ในรายที่รกค้างถ้าปล่อยทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้ทำคลอดรกด้วยวิธีพยุงดึงรั้งสายสะดือ (Controlled cord traction) ถ้ารกไม่คลอดให้ส่งต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือส่งต่อไปสถานพยาบาลที่มีความพร้อมทันที
21.4 การเย็บซ่อมแซมฝีเย็บ ในรายที่มีการฉีกขาดที่ไม่เกินระดับ2 (second degree tear)
21.5 การประเมินการเสียเลือด
21.6การประเมินสัญญาณชีพ หลังคลอดทันทีและก่อนย้ายออกจากห้องคลอด
ข้อที่22 กาารช่วยเหลือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมทำคลอด ในรายที่มีการคลอดผิดปกติ
ข้อที่23ห้ามผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง กระทำเกี่ยวกับการคลอดดังนี้
23.1 การเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจภาวะการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
23.2 การทำคลอดที่มีความผิดปกติ
23.3 การล้วงรก
23.4 การกลับท่าของทารกในครรภ์ ทั้งภายนอกและภายในครรภ์
23.5 การใช้มือกดท้องในขณะช่วยทำคลอด
23.6 การเย็บซ่อมฝีเย็บที่มีการฉีกขาดระดับ3
23.7 การทำแท้ง
ข้อที่24 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะกระทำการช่วยคลอดฉุกเฉินในรายที่มีการคลอดผิดปกติที่ไม่สามารถตรวจพบการทำคลอด ได้ภายในเวลาอันสมควร และเห็นประจักษ์ว่าถ้าละเลยไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาหรือทารกก็ให้ทำคลอดในรายเช่นนั้นได้ แต่ห้ามให้ใช้คีมสูงในการทำคลอด หรือใช้เครื่องดูดสุญญากาศในการทำคลอด หรือทำการผ่าตัดในการทำคลอด หรือให้ยารัดมดลูกก่อนคลอด
ข้อที่25 ในรายที่มีการตกเลือดหลังคลอด ถ้าปล่อย ทิ้งไว้จะเป็นอันตรายต่อมารดาให้รักษาอาการตกเลือดเบื้องต้นตามความจำเป็นและส่งต่อทันที
ส่วนที่3 การพยาบาลมารดาและทารกหลังคลอด (Postpartum)
ข้อที่26ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ให้การพยาบาลกับมารดาหลังคลอดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะภาวะตกเลือดหลังคลอด และหรืออาการที่อาจจะเกิดขึ้น
ข้อที่ 27 ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะต้องใช้ยาทำลายและป้องกันการติเชื้อสำหรับหยอดตา หรือป้ายตาทารกแรกเกิดทันที
ข้อที่28 การพยาบาลทารกแรกเกิดโดยการประเมินสัญญาณชีพ ความผิดปกติหรือความพิการทที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และให้มารดาได้สัมผัสโอบกอดทารกและเริ่มให้ดูดนมจากมารดาภายในชั่วโมงแรกหลังคลอด
ข้อที่29ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะต้องบันทึกรายงานเกี่ยวกับประวัติของหญิงตั้งครรภ์ การพยาบาลระยะตั้งครรภ์ การคลอด การพยาบาลหลังคลอด และการให้การบริการตามความเป็นจริง ตามแบบของสภาการพยาบาล และต้องเก็บบันทึกรายงานไว้เป็นหลักฐาน เป็นระยะเวลา 5 ปี
ข้อที่30ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ระยะคลอด และการพยาบาลหลังคลอด ในรายตั้งครรภ์และการคลอดปกติ ในสถานพยาบาลและการเยี่ยมบ้านที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนตามแผนการพยาบาลมารดาและทารกแรกเกิด เมื่อเป็นทารกทำร่วมกับผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง ห้ามไม่ให้กระทำในกรณีมีปัญหายุ่งยาก ซับซ้อน หรือตรวจพบความผิดปกติ
ส่วนที่4 การวางแผนครอบครัวและการคัดกรองมารดาทารก
ข้อที่31ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่งสามารถกระทำการพยาบาลและการวางแผนครอบครัว ดังนี้
31.1 การให้คำปรักษากับคู่สมรสในการวางแผนครอบครัว แบบวิธีธรรมชาติ/การคุมกำเนิด ด้วยวิธีธรรมชาติไม่ต้องใช้ยาหรืออุปกรณ์
31.2 การให้บริการวางแผนครอบครัวแบบใช้ยาหรือใช้อุปกรณ์
31.2.1ยาเม็ดคุมกำเนิด
31.2.2 ยาฉีดคุมกำเนิด
31.2.3 ถุงยางอนามัย
31.2.4 วงแหวนคุมกำเนิด
31.2.5 แผ่นแปะคุมกำเนิด/ยาคุมกำเนิดชนิดแปะผิวหนัง
31.2.6 กาฝังและการถอดยาคุมกำเนิด
31.2.7 อื่นๆตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ข้อที่32ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง สามารถคัดกรองมารดาทารก
32.1 การทำ Pap smear
32.2 การประเมินภาวะสุขภาพ ความผิดปกติและความพิการของทารก
ข้อที่ 33ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นสอง การให้บริการวางแผนครอบครัวแบบใช้อุปกรณ์
33.1 ยาเม็ดคุมกำเนิด
33.2 ถุงยางอนามัย
33.3 วงแหวนคุมกำเนิด
33.4 แผ่นแปะคุมกำเนิด/ยาคุมกำเนิดชนิดแผ่นแปะผิวหนัง
ส่วนที่5 การสร้างภูมิคุ้มกันโรคแก่มารดา ทารก และเด็ก
ข้อที่34ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นหนึ่ง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นหนึ่ง จะให้ภูมิคุ้มกันโรค ต้องปฏิบัติตามแนวทางการให้ภูมิคุ้มกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด
ข้อที่35ผู้ประกอบวิชาชีพการผดุงครรภ์ชั้นสอง ผู้ประกอบวิชาชีพการพยาบาลการผดุงครรภ์ ชั้นสอง ให้คำแนะนำเรื่องการเข้ารับภูมิคุ้มกันโรคและติดตามให้มารับภูมิคุ้มกันโรค