Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) - Coggle Diagram
นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone)
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อของทางเดินน้ำดี และความไม่สมดุลของ
ส่วนประกอบคลอเลสเตอรอลและบิลิรูบินในน้ำดี
การตกผลึกของสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดเป็นก้อนนิ่วเพียงก้อนเดียว
หรือก้อนเล็กๆหลายๆก้อนก็ได้
Pathology
เกิดจากตกผลึกของหินปูน(แคลเซียม) คลอเลสเตอรอล
และบิลิรูบิน(สารให้สีในน้ำดี เกิดจากการแตกตัวหรือการตายของเซลล์เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือด) ที่มีอยู่ในน้ำดี
ชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล (cholesterol stones)
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยประมาณ 80% ของนิ่วในถุงน้ำดีทั้งหมด มีลักษณะเป็นก้อนสีขาว เหลือง หรือเขียว เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นในน้ำดี หรือการบีบตัวของกล้ามเนื้อในถุงน้ำดีมีสมรรถภาพไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถบีบสารออกได้หมด
ชนิดที่เกิดจากเม็ดสีหรือบิลิรูบิน (pigment stones)
ก้อนนิ่วชนิดนี้มีขนาดเล็กกว่าและมีสีคล้ำกว่าชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล มักพบในผู้ป่วยโรคตับแข็งหรือผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของเลือด เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางจากการขาดเอนไซม์ G6PD
Treatment
การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง
การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง (laparoscopic cholecystectomy)
การผ่าตัดถุงน้ำดี
การส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (Endoscopic Retrograde Cholangiopancreatography: ERCP) ในกรณีที่มีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย
พังผืดที่ข้อมือกดทับเส้นประสาท
(CTS : Carpal tunnel syndrome)
Pathology
เกิดจากพังผืดบริเวณข้อมือหนาตัวขึ้นจากการใช้งานมือในท่าเดิมเป็นเวลานาน จนไปกดทับเส้นประสาท Median nerve ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกของนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางครึ่งนิ้ว และเลี้ยงกล้ามเนื้ออุ้งมือด้านหัวแม่มือ เมื่อเส้นประสาทถูกกดทับจึงทำให้เกิดอาการชามือ ปวด เมื่อย แสบร้อน รู้สึกเหมือนมีไฟฟ้าช็อตที่มือ อาจเป็นช่วงกลางดึกหรือหลังตื่นนอนหลังการใช้งานต่อเนื่อง โดยจะมีอาการมากขึ้น ถี่ขึ้นหรือตลอดเวลาเมื่อโรครุนแรงขึ้น จนกล้ามเนื้ออุ้งมือเหี่ยว ลีบลง กำลังมืออ่อนแรง หยิบจับสิ่งของไม่ถนัดหรือหลุดมือ
ปัจจัยเสี่ยง
พฤติกรรมการใช้มือผิดท่าหรือใช้งานหนักเกินไป โดยเฉพาะในลักษณะจับ กำ เกร็งวัตถุด้วยการออกแรงมากในท่าเดิมนานๆ เช่น การขับรถ ทาสี เย็บปักถักร้อย เล่นดนตรี ถือของหนัก หรือแม้แต่การออกกำลังกายในบางท่า ล้วนเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้งานนิ้วมือและข้อมืออย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดพังผืดข้อมือกดทับเส้นประสาทได้
Treatment
ระยะเริ่มต้น
สามารถรักษาได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้งานมือ
รับประทานวิตามิน
ยาแก้อักเสบ
ยดลดความไวต่อเส้นประสาท
ใส่อุปกรณ์ประคองข้อมือให้อยู่ในท่าตรง
แช่น้ำอุ่น
กายภาพบำบัด
ฉีดสเตียรอยด์เพื่อลดความหนาของพังผืด
สเตียรอยด์จะมีฤทธิ์นาน 3 – 6 เดือน และไม่ควรฉีดเกิน 2 ครั้ง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อเส้นเอ็นได้
ในกรณีที่อาการรุนแรงแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด
การผ่าตัดแบบเปิดแผลบริเวณกลางอุ้งมือ
ความยาว 2 – 4 เซ็นติเมตร และต้องปิดแผลเป็นเวลา 10 -14 วัน ซึ่งการผ่าตัดวิธีนี้อาจเกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทฝอยและชั้นผิวหนังได้
การผ่าตัดแบบผ่านกล้อง
โดยเจาะรูที่บริเวณอุ้งมือ 1 – 2 รู ขนาด 0.5 – 1 เซนติเมตร และยังมีแผลเย็บเหมือนการผ่าตัดวิธีแรก รวมถึงพักการใช้งานมือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่ปัจจุบันมีเทคนิคการรักษาโรคพังผืดที่ข้อมือกดทับเส้นประสาทด้วยการใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์นำเจาะผ่านผิวหนัง โดยไม่ต้องเปิดแผลผ่าตัดและไม่มีแผลเย็บ โดยแผลมีขนาดเล็กเพียง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น สามารถล้างมือและอาบน้ำตามปกติได้ใน 3 วัน หรือ 72 ชั่งโมงหลังการรักษา ซึ่งวิธีนี้จะไม่ทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบและเส้นประสาทฝอยอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรค