Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคระบบขับถ่ายปัสสาวะ (Diseases of Urinary system) - Coggle Diagram
โรคระบบขับถ่ายปัสสาวะ
(Diseases of Urinary system)
โรคไต
(Glomerulardiseases )
1.พยาธิที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
การอักเสบภายนอกไตที่มีผลต่อไต ส่วนใหญ่เป็นการแพ้ภูมิตนเอง(autoimmunity) เช่น Malaria, Syphilis, Hepatitis และ
Systemic Lupus Erythematosus (SLE)
กลไกกาารเกิด
กระตุ้นComplement system เพื่อเร่งปฏิกิริยาการอักเสบ
กระตุ้น neutrophil และ monocyte ให้ท าการย่อยสลาย Ag – Ab complex , collagen fiber และเส้นใยเจลาติน
Ag – Ab complex เป็ นเหมือนสิ่งแปลกปลอม
พบโปรตีนในปัสสาวะ (Proteinuria) และเลือดในปัสสาวะ (Hematuria)
Ag – Ab complex
Ag + Ab
3.เข้าสู่ glomerulus ถูกกรองติดอยู่ภายในglomerulus
7.ทำให้รูกรองที่ผนัง glomerulus ขยายใหญ่ขึ้น
8.โปรตีนและเม็ดเลือดแดงสามารถผ่านรูกรองได้
2.พยาธิสภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน
พบได้บ่อยคือ โรคไตจากเบาหวาน(Diabetic nephropathy)หรือจากการรักษาเบาหวาน เช่น การใช้ยา กลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย ทำให้เกิดภาวะโซเดียมต่ำในเลือด จึงเกิดภาวะขาด ADH ตามมา
กลไกกาารเกิด
การกรองเพิ่มขึ้น (hyperfiltration)
ทำให้ขาดพลังงานในการหดตัวเกิดการขยายตัวของหลอดเลือด เลือดจึงไหลเววียนไปกรองที่ไตเพิ่มขึ้น
เนื่องจากกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดนำเข้าโกลเมอรูลัสมีระดับน้ำตาลภายในเซลล์ลดลง
การเปลี่ยนแปลงกลไกการท างานของ Renin
ปกติ juxtaglomerular cell มีหน้าที่สร้าง Prorenin และเปลี่ยนเป็ นเรนิน
ทำให้เกิดภาวะ hyperkalemia ภาวะกรดเกินเนื่องจากพยาธิสภาพที่หลอดฝอยไต renal tubular acidosis และภาวะน้ำตาลเกินตามมา
สำหรับผู้ป่วยโรคไตจากเบาหวานจะพบ prorenin เพิ่มขึ้นและการหลั่งเรนินเข้าสู่กระแสเลือดลดลง
ความผิดปกติของไต
ความผิดปกติในปริมาณของเนื้อไต
Hypoplasia
ภาวะที่ไตมีขนาดเล็กกว่าปกติมากกว่า ร้อยละ 50
จำนวน renal lobule และ calyx ลดลงด้วย แต่เนื้อไตไม่มีความผิดปกติ
Supernumerary kidney
ภาวะที่มีจำนวนไตมากกว่าสองส่วนใหญ่จะเป็นสามไต
ไตชั้นที่เกินจะแยกออกจากไตปกติหรือเป็น ภาวะไตแฝด ที่ไตสองส่วนอยู่ติกันแน่นเป็นไตเดียว
Agenesi
s
Renal agenesis อาจจะเป็นข้างเดียวหรือสองข้าง
Agenesis ไตฝ่อหรือภาวะที่ไม่มีเนื้อไต
ร่วมกับปอดไม่เจริญ แขนขาผิดรูปร่างและมีลักษณะใบหน้าที่เป็นแบบจำเพาะ
ถ้าเป็นสองข้าง เรียกว่า Potter’s syndrome
Potter’s syndrome
แขนขาที่ผิดแกติบ่อยคือ รูป่างผิดปปกติ โก่ง บิด ข้อเคลื่อน clubfoot
เกิดจากทารกในครรภ์ขาดน้ำคร่ำทำให้ร่างกายถูกกดการแบ่งตัวเซลล์ผิดปกติเป็นสาเหตุการเสียชีวิตแต่กำเนิดของททารก
Potter's facies หูติดต่ำ ผิวหนังหย่อน จมูกงุ้มคางเล็ก มีสันเด่นที่หัวคิ้วทั้งสองข้าง
ความผิดปกติในตำแหน่งรูปร่าง และ orientation
Fusion of kidneys การเชืื่อมกันตรงกลางระหว่างเนื้อไตทั้งสองขขข้าง
Ectopia ภาวะที่ไตอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ เช่นอยู่ในอุ้งเชิงกรานอาจเป็นข้างเดียงหรือสองข้าง
กรณีเช่นนี้ไม่ทำให้ทารกทำงานผิดดปกติ และทารกยังคงมีชีวิตอยู่ตามปกติได้
ทารกสร้างเซลล์ไตขึ้นมาจะอยู่ในอุ้งเชิงกรานต่อมามีการขยับตำแหน่งเข้าไปในช่องท้องขณะเดียวกันมีการหมุนตัวของไตให้อยู่ใรตำแหน่งที่ผิดปกติ
Malrotation ภาวะที่ไตมี Renal pelvis และ Ureter อยู่ทางหน้า
Renal cystic diseases
Polycystic kidney disease
Infantile type
ไตมีขนาดใหญ่ทัังสองข้างผิวนอกเรียบหน้าตัดพบ cyst ทั้งที่ cortex และ medulla ทำให้เนื้อมีลักษณะพรุนแบบฟองน้ำ
พบได้ตั้งแต่ทารกแรกคลอด มักจะเสียชีวิตในระยะแรกๆ ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal recessive
Adult type
ไตจะมีขขนาดใหญ่ขึ้นบางครั้งใหญ่ได้ถึง กิโลกรัม
ผิวนอกตะปุ่มตะป่ำ หน้าตัดประกอบด้วย cyst ขนาดใหญ่ 3-4 เซนติเมตร
พบได้บ่อย เป็นทั้งสองข้าง ถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal dominant
Medullary cyst
Medullary sponge kidney
มีการขยายใหญ่เป็นถุงของ collecting tubule ของmedulla
พบในผู้ใหญ่ ไตทำงานปกติ
Uremic Medullary cystic disease
เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มักมีอาการตั้งแต่เด็ก
พบ cyst อยู่บริเวณ medulla ที่สำคัญคือมี cortical tubular atrophy และ interstitial fibrosis ร่วมด้วยซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะไตวายในระยะต่อมา
เป็ นรอยโรคที่อาจเป็นพันธุกรรมการเจริญผิดปกติหรือเกิดขึ้นภายหลังมักก่อให้เกิดปัญหาการวินิจฉัยแยกจากเนื้องอกของไต
Simple cyst
อาจพบ cyst เดียวหรือหลายอัน ขนาดอาจจะเล็กหรือใหญ่
มักพบบริเวณ cortexเกิด dilatation ของ tubule อาจทำให้มีเลือดออก หรือ calcification ในภายหลัง
Tubulo-interstitial diseases
Acute interstitial nephritis พบ interstitial edema ร่วมกับ leukocytic infiltration และ tubular necrosis
Chronic interstitial nephritis พบ interstitial fibrosis , tubular atrophy และ mononuclear cell infiltration
เป็นกลุ่มโรคที่มีความผิดปกในรูปร่างและหน้าที่ของtubule และ interstitium ของไต เกิดจากสาเหตุหลายอย่างได้แก่ ยา การติดเชื้อ immunological reaction แบ่งเป็น
Tubular diseases
โรคที่ส าคัญ คือ Acute tubular necrosis (ATN) เป็นภาวะที่มีการถูกทำลายอย่างเฉียบพลันของ Renal tubule เกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงไตเป็นเวลานาน
ชนิดของ Acute tubular necrosis (ATN)
Nephrotoxic type : ได้รับสารพิษ
Ischemic type : shock
Acute tubular necrosis (ATN) มี3 ระยะ
ระยะที่ 2 Diuretic phase
เกิดในช่วงกลาง
เมื่อเวลาผ่านไป tubular cell ที่ตายมี การสลายไปและมีการสร้าง cell ใหม่
เซลล์ใหม่ที่สร้างไม่สามารถดูดกลับน้ำได้เต็มที่ปัสสาวะจึงออกมาก
ระยะที่ 3 Recovery phase
เกิดในช่วงหลัง
เมื่อนานเข้า tubular cell สามารถดูดกลับน้ำได้ปกติ ปัสสาวะจึงมีปริมาณปกติ
ระยะที่ 1 Oliguric phase
เกิดในช่วงแรก เมื่อมีการตายของ renal tubule ทำให้ renal cell หลุดมาอุดตันทางเดินปัสสาวะ
ทำให้ปัสสาวะออกน้อยและมีอาการบวมร่วมด้วย
Urinary tract infection
Nephrocalcinosis
ภาวะที่มี calcium สะสมในเนื้อไต Nephrocalcinosis เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดนิ่วในไต
กลไกการเกิด
เมื่อเลือดกรองที่ไต แคลเซียมส่วนหนนึ่งจะถูกดึงไว้ในกระดูกเพื่อใช้ในยามจำเป็น ส่วนที่เหลือใช้จะถูกขับออกทางปัสสาวะ
เมื่อเลือดมีแคลเซียมสูง ร่างกายขับแคลเซียมออกไม่หมด เกิดการตกตะกอนของแคลเซียมในเนื้อไต
มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง
Urinary tract infection (UTI)
Acute pyelonephritis
มีอาการบวมโตมีเลือดคั่งมากขึ้นพบจุดหนองกระจายเป็นทางจากผิว ลึกลงไปในส่วน cortex, medulla และ renal pelvis
รายที่รุนแรง เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือในรายที่มีการอุกกั้นทางเดินปัสสาวะร่วมด้วยอาจมีการตายของ renal papilla เรียกกว่า renal papillary necrosis
เกิดทันทีและรุนแรง แต่เมื่อได้รับการรักษาอาจจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์
Chronic pyelonephritis
เป็นการอักเบไม่รุนแรง แต่เป็นๆหายๆ ไตจะมีขนาดเล็กลง ผิวขรุขระเนื่องจากรอยแผลเป็น (scar) ที่เกิดจากการทำลายของเนื้อตายแล้วแทนที่ด้วย fibrosis ร่วมกับ deformity ของ calyx ที่อยู่ใกล้เคียง
มักเกิดจากการควบคุมสาเหตุของโรคไม่ได้ เช่น นิ่วในไตเรื้อรัง หรือต่อมลูกหมากโต
กรวยไตอักเสบ (pyelonephritis) อาจเกิดเพียงข้างเดียวหรือเกิดพร้อมกันทั้งสองข้าง แบ่งเป็น
นิ่วในทางเดินปัสสาวะ
ประกอบด้วย amorphous crystalloid ได้แก่ uric acid, calcium, oxalate และ magnesium phosphate
ปัจจัยส่งเสริม
crystalloid ตกตะกอนมากขึ้น : การคั่งของปัสสาวะ
Foreign bodies : แบคทีเรีย
crystalloid conc. เพิ่มขึ้นในปัสสาวะ: ปัสสาวะน้อย
Urinary tract Obstruction
ภาวะที่มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ
สาเหตุ
ดารอุดกั้นจากรอยโรคที่เกิดขึ้นภายหลังได้แก่นิ่ว เนื้องอก ก้อน renal papillae ที่ตายหรือก้อนเลือด การตั้งครรภ์
ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
ความพิการแต่กำเนิด
ผลจาก Urinary tract Obstruction
ทำให้ทางเดินปัสสาวะส่วนที่อยู่เหนือตำแหน่งที่มีการอุดตันขึ้นไปขยายตัว (dilatation)
มีโอกาศเกิดนิ่วและการติดเชื้อเพิ่มขึ้นและทำลายเนื้อไตอย่างถาวร
แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
2.ระบบขับถ่ายปัสสาวะส่วนล่าง(Lower urinary tract)
กระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder) เป็นที่เก็บน้ำปัสสาวะไว้ชั่วคราวเมื่อได้จำนวนที่พอเหมาะจึงหดบีบตัวบีบน้ำปัสสาวะไปสู่ท่อปัสสาวะ
เป็นที่เก็บพักปัสสาวะที่สร้างจากไตและเป็นทางส่งปัสสาวะขับทิ้งออกนอกร่างกาย
ท่อปัสสาวะ (Urethra) เป็ นทางผ่านของน ้าปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะไปสู่นอกร่างกาย ท่อปัสสาวะเพศหญิงและชายมีความแตกต่างกัน
1.ระบบขับถ่ายปัสสาวะส่วนบน (Upper Urinary tract)
ท่อไต (Ureter) นำน้ำปัสสาวะออกจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ
ไตสองข้าง ( Kidney) เป็นอวัยวะสำคัญที่สุดของระบบนี้ เป็นที่กรองเอาน้ำและของเสียออกจากโลหิตเป็นน้ำปัสสาวะ
กรวยไต (renal pelvis) ส่งมาตามท่อไต (Ureter)
หน่วยไต (Nephron) ทำหน้าที่สร้างปัสสาวะ