Retinoblastoma Right eye with brain metastasis
สาเหตุ
retinoblastoma
สาเหตุของมะเร็งจอประสาทตาในเด็กในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการกลายพันธุ์ที่นำไปสู่มะเร็งจอประสาทตา แต่มีข้อสันนิษฐาน ว่าสาเหตุของมะเร็งจอประสาทตาในเด็ก เกิดจากความผิดปกติทางจอประสาทตา เนื่องจากจอประสาทตาเกิดการกลายพันธุ์และเพิ่มจำนวนเซลล์ที่สะสมอยู่ในตาก่อตัวเป็นเนื้องอกมะเร็งจอประสาทตาในเด็กยังสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายรวมถึงสมองและกระดูกสันหลัง นอกจากนี้สาเหตุของโรคมะเร็งจอประสาทตาอาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
brain metastasis
การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งมาที่สมอง เป็นการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งจากส่วนอื่นของร่างกายโดยมารวมตัวกันที่สมองในที่นี่เป็นการแพร่กระจายมาจากมะเร็งจอตา เด็กชายวัย 2 ปี 7 เดือนก่อนได้รับวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็จอตา แต่ญาติไม่ได้พาเข้ารักษาต่อ จึงทำให้มีการลุกลาม
อาการและอาการแสดง
ตาบวมแดง
รับประทานอาหารอ่อนได้น้อย
ปวดตา
ตาโปน
ตาขวามีจุดสีขาวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พยาธิ
Retinoblastoma
1.ชนิดที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปยังลูกหลานได้ พบได้ประมาณ 40 % ของผู้ป่วยเป็นได้ทั้งสองตา และเสี่ยงต่อการต่อการเกิดมะเร็งในอวัยวะอื่นๆ
- ชนิดที่ไม่ถ่ายทอดไปยังลูกหลาน พบได้ประมาณ 60% ของผู้ป่วย มักพบเป็นในตาเพียงข้างเดียว หรือตําแหน่งเดียวในจอตา
เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์ในชั้นจอประสาทตา
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากโครโมโซมคู่ที่ 13 ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการเจริญพัฒนาของเซลล์ในชั้นจอประสาทตาเกิดการผ่าเหล่าที่ผิดปกติ
ทำให้เกิดเนื้องอกในชั้นนิวเคลียสของเรตินา
เซลล์จึงมีลักษณะการเจริญไปเป็นเซลล์มะเร็ง
- ก้อนมะเร็งทะลุผ่านชั้นจอตาเข้าไปภายในวุ้นตา ลักษณะที่ตรวจพบเป็นก้อนเนื้อสีขาว อยู่ในวุ้นตา
- ก้อนมะเร็งเจริญอยู่ภายในชั้นจอตาหรือใต้ต่อจอตา ทำให้จอตาลอก พบเป็นก้อนเนื้อสีขาวและจอตาคลุมไว้ เกิดขึ้นบริเวณจุดภาพชัด จะทำให้ระดับการมองเห็นลดลงมาก
อาการที่สำคัญและพบได้บ่อย ได้แก่
- การตรวจพบรูม่านตาเป็นสีขาว ผู้ป่วยจะมีลักษณะตาวาว สีขาวๆ กลางตาดำ
- ภาวะตาเหล่
- ตาอักเสบตาแดง
- ปวดตา และมีการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบๆลูกตา
- อาการอื่นๆ ในรายที่มีการกระจายของมะเร็งไปนอกลูกตา เช่น ตาโปน ชัก หรือแขน ขาอ่อนแรง อาจคลำก้อนได้ในช่องท้อง เป็นต้น
- ลูกตาฝ่อ
brain metastasis
มะเร็งในจอประสาทได้มีการลุกลามไปยังสมอง
เซลล์มะเร็งแตกตัวออกจากเซลล์ต้นกำเนิดด้วยการรุกรานเข้าไปในเนื้อเยื่อ และสิ่งแวดล้อมภายใน เซลล์ เฉพาะที่ และทำลายโครงสร้างของเยื่อหุ้มเซลล์
สมองมีระบบป้องกันตนเองโดยเฉพาะที่เลือกไม่ให้ สารเคมีหรือเชื้อโรคบางชนิดจากเลือดผ่านเข้าสู่เซลล์สมอง เรียกว่า blood-brain-barrier
หากเซลล์มะเร็งจากอวัยวะอื่นสามารถแพร่กระจายไปสู่สมองได้แสดงว่า เซลล์นั้นสามารถฝ่าระบบหรือรบกวนระบบ blood-brain-barrier ได้
เกิดรอยโรคหรือจำนวนก้อนในสมองจะเกิดขึ้นตำแหน่งเดียว
อาการและอาการแสดง
-ปวดศีรษะ เนื่องจากก้อนเนื้องอกทำให้มีความดันในกะโหลกสูงขึ้นและกดเบียดเนื้อสมองข้างเคียง โดยอาการปวดมักจะ รุนแรงในช่วงเช้าและมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน มักพบร่วมกับอาการคลื่นไส้อาเจียน
-การชัก เกิดจากการที่เนื้องอกไปรบกวนการนำกระแสประสาทในสมอง อาจพบได้ทั้งการชักบางส่วน เช่น กล้ามเนื้อเต้น กระตุก รับกลิ่นหรือรสผิดปกติ การพูดผิดปกติ การชา หรือชักทั่วทั้งตัวจนผู้ป่วยหมดสติ
-มีปัญหาในการพูด ความเข้าใจในการสื่อสาร การมองเห็น การอ่อนแรงหรือชาตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
-การเคลื่อนไหวผิดปกติ เกิดจากก้อนเนื้องอกไปรบกวนการส่งสัญญาณประสาทในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ
การพยาล
แบบแผนที่ผิดปกติ
แบบแผน โภชนาการและการเผาผลาญเนื่องจากผู้ป่วยเบื่ออาหาร รับประทานอาหารอ่อนได้น้อย กินข้าวต้มได้ 2-3 ช้อนชา ดื่มนมได้ 1ขวด
แบบแผนการขับถ่าย เนื่องจากถ่ายอุจจาระวันละ 2-3 ครั้ง ลักษณะเหลว
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 2 : เสี่ยงต่อการติดเชื้อเนื่องจากภูมิต้านทานลดลง
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ผู้ป่วยไม่เกิดการติดเชื้อ
ข้อมูลสนับสนุน : OD : ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัด GCSF50mcg+5%D/W 15 ml IV drip in 15 min
- BT 38.8 องศา RR 26 ครั้ง/นาที P 118ครั้ง/นาที
- WBC 1,800 cell/ul ต่ำ
- neutrophils 8% ต่ำ
- lymphocytes 70% สูง
- Monocytes 15% สูง
- Atypical Lymphocyte 6% สูง
เกณฑ์การประเมินผล :
- ผู้ป่วยไม่เกิดการติดเชื้อ
- สัญญาณชีพปกติ BT 37-37.6 องศาเซลเซียล RR 25-32 ครั้ง/นาที P 75-120 ครั้ง/นาที
- ผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการณ์ปกติ WBC 4,500-10,000 cell/ul , neutrophils 40-75% ,lymphocytes 20-45%,
Monocytes 2-10%
กิจกรรมการพยาบาล
- ดูแลผู้ป่วยในหอผู้ป่วยภูมิต้านทานต่ำและให้สวม Mask ทุกครั้งที่ออกนอกหอผู้ป่วย
- ล้างมือ 6 ขั้นตอนคือฟอกฝ่ามือและง่ามนิ้วมือด้านหน้า ฟอกหลังมือและง่ามนิ้วมือด้านหลัง ฟอกนิ้วและข้อนิ้วมือด้านหลัง ฟอกนิ้วหัวแม่มือ ฟอกปลายนิ้วมือ
- ฟอกรอบข้อมือโดยล้างมือ 5 เวลาคือ ก่อนการสัมผัสผู้ป่วย ก่อนทำหัตถการสะอาดหรือปราศจากเชื้อ หลังสัมผัสสารน้ำหรือสารคัดหลั่งจากร่างกายผู้ป่วย หลังสัมผัสผู้ป่วย หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Fortum 500 mg IV q 8 hr และได้รับยา Amikin 150 mg IV OD เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ดูแลทำความสะอาดร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อเข้าสู่ร่างกาย
- ดูแลด้วยหลัก Aseptic technique เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับอาหารอ่อนแบคทีเรียต่ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
8.ตรวจสอบสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมงเพื่อประเมินการติดเชื้อในร่างกาย
9.ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการเช่น CBC และ H/C ×II เพื่อประเมินการติดเชื้อในร่างกาย
วินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1 : มีภาวะไม่สุขสบายเนื่องจากมีไข้สูง
ข้อมูลสนับสนุน OD: BT 38.8 ºc
วัตถุประสงค์
ลดความไม่สุขสบายจากมีไข้สูง
ป้องกันภาวะชักจากไข้สูง
เกณฑ์การประเมิน
ไม่มีไข้หรือไข้ลดลง
ไม่มีอาการหนาวสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว
อุณหภูมิร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ ( 36.5 – 37.5 co)
กิจกรรมการพยาบาล
- เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นประมาณ15-30 นาที แล้ววัดอุณหภูมิหลังจากเช็ดตัวเสร็จ
- ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับ Paracetamol syr 5 ml O prn q 4 hr ตามแผนการรักษาของแพทย์
- แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ ปริมาณ 2000 -3000 cc/day น้ำจะช่วยระบายความร้อน
- ประเมินสัญญาณชีพ q 4 hr BT 37-37.6 องศาเซลเซียล RR 25-32 ครั้ง/นาที P 75-120 ครั้ง/นาที
5.ดูแลให้ผู้ป่วยพักผ่อนเพียงพออย่างน้อยวันละ 13 ชม.
6.วาง Cold pack บนหน้าผากเพื่อระบายความร้อน
7.จัดสิ่งแวดล้อมให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 3 : มีภาวะซีดเนื่องจากปัจจัยในการสร้างเม็ดเลือดลดลง
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ผู้ป่วยมีภาวะซีดลดลง
ข้อมูลสนับสนุน :
SD : มีอาการอ่อนเพลีย
OD : CBC : Red blood cell 3.05% ต่ำ
-Hematocrit 28.1 % ต่ำ
-MCV (Mean corpusuar volume) 75.6 FL ต่ำ
-MCH (Mean corpusuar volume hemoglobin) 25.3% ต่ำ
-RDW (Red blood cell distribution width) 3.05/uL ต่ำ
เกณฑ์การประเมินผล :
- ผู้ป่วยไม่มีมีภาวะซีด
- ผลการตรวจทางห้องห้องปฎิบัติการณ์ปกติ
-Red blood cell 4.5-5.1 %
-Hematocrit 37.4-42.8 %
-MCV (Mean corpusuar volume) 80-97 %
-MCH (Mean corpusuar volume hemoglobin) 27-31 %
-RDW (Red blood cell distribution width) 11.5 -14.5 %
กิจกรรมการพยาบาล : - ดูแลช่วยเหลือกิจวัตรประจำวันให้ลดลง เพื่อลดการใช้ออกซิเจนของเนื้อเยื่อ
- ดูแลให้ได้รับ G/M LPRC 150 ml ได้แล้วให้เลย drip in 4 hr ตามแผนการรักษาเพื่อเพิ่มปริมาณเม็ดเลือด และเฝ้าสังเกตอาการผิดปกติระหว่างการให้เลือด เช่น ไข้ขึ้น หนาวสั่น ชัก ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน แน่นหน้าอก ความดันต่ำลง ปวดหลัง ปวดตามแนวหลอดเลือด ปัสสาวะมีสีแดง หากพบอาการผิดปกติให้หยุให้เลือดและแจ้งเเพทย์ทันที และ วัดสัญญาณชีพ ทุก 1 ชั่วโมง จนกว่าเลือดจะหมดภายใน 4 ชั่วโมง
- ดูแลให้รับประทานอาหารอ่อนแบคทีเรียต่ำที่มีธาตุเหล็กสูงเพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง
- สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะซีด เช่นเยื่อบุตาชีด ปลายมือปลายเท้าซีด Capillary refill timeมากกว่า 2 วินาทีเพื่อประเมินภาวะซีด
- ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ RBC Hct MCV MCH RDW เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการพยาบ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 4: มีภาวะไม่สมดุลของอิเล็กโตรไลต์ในร่างกายเนื่องจากรับประทานน้อย
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้อิเล็กโตรไลต์ในร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ
ข้อมูลสนับสนุน : SD : มารดาบอกว่าผู้ป่วยรับประทานอาหารได้น้อยลง
OD : ผู้ป่วยอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร รับประทานอาหารอ่อนได้น้อย กินข้าวต้มไ้ด้ 2-3 ชอนชา ดื่มนมได้ 1 ขวด
-Sodium (Na+) 132 mmol/L ต่ำ
-Carbondioxide (CO2)18.7 mmol/L ต่ำ
เกณฑ์การประเมินผล :
- ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น ไม่มีอาการเบื่ออาการ ไม่อ่อนเพลีย
- อิเล็กโตรไลต์ในร่างกายปกติ
-Sodium (Na+) 135-145 mmol/L
-Carbondioxide (CO2) 21-31 mmol/L
กิจกรรมการพยาบาล
- ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะ Electrolyte imbalance เช่น มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- สับสน เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
- ดูแลให้ได้รับ 5% D/NSS 1000 mL IV 40 mL/hr ตามแผนการรักษาของเเพทย์
- บันทึกสารน้ำเข้า-ออกในร่างกายทุก 8 ชั่วโมง
- ประเมินการรับประทานอาหารและบ้วนปากทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร
- ดูแลให้รับประทานอาหารอ่อนแบคทีเรียต่ำที่สุกสะอาด หลีกเลี่ยงของหมักดองและอาหารรสจัดทุกชนิด
- ดื่มน้ำ 2- 3ลิตร/ วัน
- ติดตามผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการเช่น Electrolyte เพื่อประเมินสมดุลน้ำและอิเล็กโทรไลด์
ข้อวินิจฉัยการพยาบาลที่ 5: มารดาวิตกกังวลและเครียดเกี่ยวกับการดำเนินโรคและแผนการรักษาเนื่องจากบุตรเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง
วัตถุประสงค์ : เพื่อให้มารดาคลายความวิตกกังวลและผ่อนคลายความเครียด
ข้อมูลสนับสนุน : SD : มารดาบอกว่าบอกว่ารู้สึกท้อและหมดหวัง OD : มารดานั่งข้างเตียงสีหน้าวิตกกังวล
กิจกรรมการพยาบาล
- สร้างสัมพันธภาพกับมารดาด้วยการทักทายพูดคุยเพื่อให้ เกิดความไว้วางใจ
- เปิดโอกาสให้มารดาระบายความรู้สึกเพื่อให้ผ่อนคลายความตึงเครียด
- รับฟังด้วยความตั้งใจสนใจเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ
- ประสานงานให้มารดาได้สอบถามการดำเนินโรคและแผนการรักษากับแพทย์เจ้าของไข้เพื่อผ่อนคลายความวิตกกังวล
- แนะนำให้บิดาและญาติมาช่วยดูแลผู้ป่วยเด็กแทนมารดาเพื่อให้มารดาได้พักผ่อนคลายความเครียด
- ประเมินความวิตกกังวลของมารดาภายหลังให้การดูแลเพื่อปรับเปลี่ยนแผนการพยาบาล
นางสาวศิรภัทร ตุดเอียด เลขที่ 81