Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การวางแผนการสื่อสารทางการตลาด - Coggle Diagram
การวางแผนการสื่อสารทางการตลาด
ขั้นที่ 2 การกำหนดวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสาร
ขั้นพอใจ (Affective stage):ต้องการให้ผู้บริโภคหรือผู้รับข่าวสารเปลี่ยนจากขั้นการรับรู้เข้าสู่ขั้นพอใจ เกิดความชอบ ความมั่นใจ เกิดความรู้สึกคล้อยตามไปตามข่าวสารที่เสนอ
ขั้นแสดงพฤติกรรม (Behavior stage):ให้ผู้บริโภคแสดงพฤติกรรมอันเป็นเป้าหมายในขั้นสุดท้าย เช่น การตัดสินใจซื้อหรือให้ลงมือปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้
ขั้นการรับรู้ (Cognitive stage):ต้องการให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ รู้จักและมีความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่เสนอขาย หรือความรู้ในข่าวสารที่ถ่ายทอดไปให้
ขั้นที่ 1 การกำหนดกลุ่มผู้รับข่าวสาร
2.ลักษณะกลุ่มผู้รับข่าวสารจะมีความเกี่ยวข้องกับลักษณะด้านประชากรศาสตร์ภูมิศาสตร์ พฤติกรรมศาสตร์
3.พฤติกรรมของกลุ่มผู้รับข่าวสาร โดยจะพิจารณาจากปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในและปัจจัยเฉพาะบุคคล
1.ผู้มีศักยภาพในการซื้อผลิตภัณฑ์ ผู้ใช้ ผู้ตัดสินใจ ผู้มีอิทธิพล
ขั้นที่ 5 การกำหนดงบประมาณการส่งเสริมการตลาด
การกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ของยอดขายบริษัทหลายแห่งกำหนดค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการตลาด โดยกำหนดตามจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่แน่นอนของยอดขาย หรือจำนวนเปอร์เซ็นต์ของราคาขายต่อ
ชีทวิชาการสื่อสารการตลาด6หน่วย
การก าหนดตามคู่แข่งขันบางบริษัทใช้วิธีกำหนดงบประมาณของตนตามคู่แข่งขัน เพื่อรักษาระดับส่วนแบ่งของเสียง (Share of voice) ให้เท่าเทียมกับคู่แข่งขัน
การกำหนดตามความสามารถที่จะจ่ายได้วิธีนี้เป็นวิธีกำหนดงบประมาณที่ง่ายที่สุด
การกำหนดจากวัตถุประสงค์และงานวิธีการจัดงบประมาณแบบนี้เป็นวิธีที่มีเหตุผลมากที่สุด โดยวิธีนี้บริษัทจะกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่าย โดยอาศัยวัตถุประสงค์และงานที่ต้องปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จเป็นหลัก
ขั้นที่ 7 การวัดผลและประเมินผลการสื่อสารการตลาด
เป็นการกำหนดแผนงานการสื่อสารการตลาดจะท าการประเมินผลอย่างไรและทำเวลาใด ถ้าต้องทำก่อนเริ่มแผนโครงการควรระบุไว้ในแผนการประเมินผลด้วย และควรวางแผนถึงการใชวิธีการประเมินผล รวมทั้งต้องอธิบายสิ่งเหล่านี้โดยสรุปพร้อมยกเหตุผลประกอบอย่างชัดเจน
ขั้นที่ 3 การออกแบบข่าวสาร
รูปแบบของข่าวสารนอกจากการคำนึงถึงเนื้อหาที่จะพูด ควรคำนึงถึงรูปแบบการนำเสนอข่าวสาร โดยมีข้อพิจารณาสำคัญที่ต้องคำนึงถึง
โครงสร้างของข่าวสาร เป็นการจัดระบบองค์ประกอบของข่าวสารให้เหมาะสม
ใจความข่าวสารผู้ทำการสื่อสาร จำเป็นต้องคิดหาวิธีการที่จะพูดกับกลุ่มเป้าหมายว่า จะพูดอย่างไรจึงจะให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองตามที่ต้องการ ซึ่งสิ่งที่จะนำมาพูดเพื่อให้เกิดผลดังกล่าว มีชื่อเรียกต่างๆกัน เช่น “สิ่งดึงดูดใจ” “แนวคิดหลัก” หรือ “จุดขาย” เป็นต้น
แหล่งข่าวสาร หรือผู้ส่งข่าวสาร เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในกระบวนการสื่อสาร คุณลักษณะของผู้ส่งข่าวสาร ที่มีอิทธิพลต่อทัศนคติและพฤติกรรมของผู้บริโภคให้เกิดการยอมรับคล้อยตามได้
ขั้นที่ 4 การเลือกช่องทางการติดต่อสื่อสาร
ช่องทางการสื่อสารที่ไม่ใช้ตัวบุคคล(Non-personal Communication channels) หมายถึงช่องทางที่นำข่าวสารไปโดยไม่ใช้บุคคลเป็นสื่อหรือตัวกลางในการติดต่อ แต่จะใช้เครื่องมือสื่อสารอย่างอื่นแทนการใช้บุคคล
ช่องทางที่ใช้บุคคล(Personal Communication channels) หมายถึงบุคคล 2 คนหรือมากกว่าติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกันโดยตรง การติดต่อกันอาจเป็นลักษณะเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว บุคคลกับกลุ่มผู้ฟัง การพูดติดต่อกันทางโทรศัพท์ หรือติดต่อกันทางจดหมาย การใช้ช่องทางการติดต่อสื่อสารที่ใช้บุคคล
ขั้นที่ 6 การตัดสินใจในส่วนประสมการสื่อสารการตลาด
ขั้นตอนความพร้อมของผู้ซื้อเนื่องจากการส่งเสริมการตลาดโดยใช้เครื่องมือต่างๆ เพื่อติดต่อสื่อสารไปยังผู้ซื้อมีผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้ซื้อมีลักษณะเป็นขั้นๆเหมือนขั้นบันได ซึ่งนักการตลาดเรียกว่า “ลำดับขั้นของผลของการติดต่อสื่อสาร”
ขั้นตอนวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์แนวคิดเกี่ยวกับวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เป็นความพยายามในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างยอดขาย ก าไร ลูกค้า และคู่แข่งขัน ตลอดระยะเวลาของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์นั้น ความรู้และความเข้าใจในลักษณะของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของนักการตลาด จะช่วยให้กิจการสามารถพัฒนาส่วนประสมการตลาดได้ถูกต้อง
กลยุทธ์ผลัก/กลยุทธ์ดึง การเลือกใช้กลยุทธ์ผลักหรือกลยุทธ์ดึงของบริษัทมีผลกระทบต่อการกำหนดส่วนประสมของการสื่อสารการตลาดเป็นอย่างมาก
เงินทุนที่มีอยู่เพราะการเลือกใช้เครื่องมือแต่ละชนิดจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เกิดประโยชน์ เกิดประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าสูงสุด
ลักษณะของตลาดผลิตภัณฑ์
ต าแหน่งทางการตลาดของบริษัทเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งในการกำหนดส่วนประสมการสื่อสารการตลาด บริษัทที่มีตำแหน่งเป็นผู้นำทางการตลาด (Market leaders) จะได้รับประโยชน์จากการใช้การโฆษณามากกว่าการใช้การส่งเสริมการขาย