Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน - Coggle Diagram
ระบบเศรษฐกิจในโลกปัจจุบัน
ผลดีและผลเสียของระบบเศรษฐกิจแบบต่างๆ
ระบบสังคมนิยม
ข้อดี
ประชาชนมีความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจ
รายได้เท่าเทียมกัน เศรษฐกิจไม่ค่อยแปรผัน
รัฐควบคุมทุกอย่าง
ข้อเสีย
แรงจูงใจในการทำงานต่ำ
ผู้บริโภคไม่มีโอกาสเลือกสินค้า
ประชาชนไม่มีเสรีภาพในการทำธุรกิจ
ไม่ค่อยมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของผลผลิต
ระบบแบบผสม
ข้อดี
เอกชนยังมีบทบาททางเศรษฐกิจ มีการแข่งขัน สินค้าจึงมีคุณภาพสูง
ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกสินค้าได้มากพอสมควร
รายได้ถูกนำมาเฉลี่ยให้ผู้ทำงานตามกำลังงานที่ได้กระทำ
ความไม่เท่าเทียมในรายได้ และทรัพย์สินมีน้อย
ยกฐายะของคนในสังคมให้เท่าเทียมกัน
ข้อเสีย
การวางแผนร่วมกันของรัฐและเอกชนเป็นไปได้ยาก
นักธุรกิจขาดความมั่นใจเนื่องจากส่วนหนึ่งอาจถูกควบคุมโดยรัฐ
การควบคุมโดยรัฐ อาจทำให้เอกชนไม่มีเสรีภาพมาก
การบริหารงานอุตสาหกรรมของรัฐมีประสิทธิภาพไม่ดีไปกว่าสมัยที่อยู่ในมือของเอกชน
ในยามวิกฤตรัฐอาจเข้ามาช่วยได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
ระบบทันนิยม
ข้อดี
เนื่องจากต้องแข่งกันขาย ทำให้สินค้าและบริการถูกพัฒนาเสมอ
ผู้ผลิตมีเสรีภาพ
เกิดแรงจูงใจในการทำงาน
ผู้บริโภคมีโอกาสเลือกมากกว่า
ข้อเสีย
หากเกิดวิกฤต รัฐอาจเข้ามาช่วยไม่ได้ทัน
อาจเกิดการผูกขาด
การกระจายรายได้ไม่เท่าเทียม
การกำหนดราคาตามอุปสงค์และอุปทาน
อุปสงค์
เมื่อสินค้าหรือบริการราคาสูง ความต้องการจะลดลง
ความเต็มใจที่จะจ่าย (willingness to pay) คือการที่ผู้บริโภคมีความยินดีที่จะยอมเสียสละเงินหรือทรัพย์สินที่ตนมีอยู่เพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าหรือบริการต่างๆเหล่านั้นมาเพื่อใช้ในการบำบัดความต้องการของตน
ความสามารถที่จะซื้อ (purchasing power or ability to pay)ความสามารถที่จะซื้อโดยปกติจะถูกกำหนดจากขนาดของทรัพย์สินหรือรายได้ที่บุคคลนั้นมีหรือหามาได้ โดยมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ ถ้ามีรายได้หรือทรัพย์สินมากความสามารถ ที่จะซื้อจะมีสูง ถ้ามีน้อยก็จะมีความสามารถซื้อต่ำ
ความต้องการซื้อ (wants) ลำดับแรกผู้บริโภคจะต้องมีความอยากได้ในสินค้าหรือบริการเหล่านั้นก่อน อย่างไรก็ตาม การมีแต่ความต้องการไม่ถือว่าเป็นอุปสงค์ เพราะอุปสงค์จะต้องเป็นความต้องการที่สามารถซื้อได้และเกิดการซื้อขายขึ้นจริงๆ
อุปทาน
ราคาจะเพิ่มขึ้นเมื่อความต้องการขายมากขึ้น
ความเต็มใจที่จะเสนอขายหรือให้บริการ (willingness) กล่าวคือ ณ ระดับราคาต่างๆ ที่ตลาดกำหนดมาให้ ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการมีความยินดีหรือเต็มใจที่จะเสนอขายสินค้าหรือให้บริการตามความต้องการซื้อของผู้บริโภค
ความสามารถในการจัดหามาเสนอขายหรือให้บริการ (ability to sell) กล่าวคือ ผู้ผลิต หรือผู้ประกอบการจะต้องจัดหาให้มีสินค้าหรือบริการอย่างเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการซื้อของผู้บริโภค ณ ระดับราคาของตลาดในขณะนั้นๆ (สามารถเสนอขายหรือให้บริการได้) เมื่อกล่าวถึงคำว่า อุปทาน จะเป็นการมองทางด้านของผู้ผลิตซึ่งตรงข้ามกับอุปสงค์ที่เป็นการมองทางด้านของผู้บริโภค ในทางเศรษฐศาสตร์แล้ว ความสัมพันธ์ของราคาสินค้าที่มีต่ออุปทานของสินค้านั้นจะเป็นไปตามกฎของอุปทาน (Law of Supply)
บทบาทของรัฐในการแทรกแซงและควบคุมราคาในการเเจกจ่าย
การกำหนดราคาขั้นต่ำ
รัฐจะเข้ามาแทรกแซงตลาดโดยการประกันราคาหรือพยุงราคาในกรณีที่สิ้นค้าชนิดนั้นมีแนวโน้มจะต่ำมากเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ผลิตไม่ให้ได้รับความเดือดร้อนจากการที่ราคาสินค้าที่ผลิตได้ต่ำเกินไป
สามารถทำได้ 2 ทาง
เพิ่มอุปสงค์
ลดอุปทาน
การกำหนดราคาขั้นสูง
รัฐบาลควบคุมราคาเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่สินค้าที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตมีราคาสูงขึ้น
การเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของตลาดประเภทต่างๆ
แบ่งตามการดำเนินการของผู้ขาย
ตลาดขายส่ง
ขายสินค้าจำนวนมาก
ตลาดขายปลีก
ขายสิ้นค้าแยกย่อย เป็นชิ้น
แบ่งตามกลุ่มผู้ซื้อ
ตลาดผู้บริโภค
เพื่อซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อการใช้สอยส่วนตัว หรือใช้ภายในครอบครัว ซึ่งถือเป็นการบริโภคขั้นสุดท้าย ผู้อยู่ในตลาด คือ ผู้บริโภค
ตลาดขายต่อ
บุคคลหรือองค์กรที่ซื้อสินค้าเพื่อการขายต่อ ผู้ขายต่อประกอบด้วย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ตัวแทน
ตลาดผู้ผลิต
บุคคลหรือองค์การที่ซื้อสินค้าและบริการไปเพื่อการผลิตสินค้า การบริการหรือการดำเนินงานของกิจการ ตลาดนี้ประกอบด้วย กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ผู้ขายบริการ
ตลาดรัฐบาล
ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่ซื้อสินค้าหรือบริการเพื่อการผลิต การให้บริการ หรือการดำเนินงานของส่วนราชการ (อาจถือว่าเป็นตลาดอุตสาหกรรมก็ได้)
ตลาดระหว่าประเทศ
การซื้อ-ขายรหว่างประเทศๆหนึ่งกับอีกประเทศหนึ่ง
แบ่งตามชนิดสินค้า
ตลาดเงิน และตลาดทุน
ตลาดเงิน
ตลาดที่มีการกู้ยืมเงินระยะสั้น ไม่เกิน1ปี
ตั๋วสัญญาใช้เงิน ตั๋วแลกเงิน ตั๋วเงินคลัง
ตลาดทุน
ตลาดที่มมีระยะการกู้ยืมระยะยาว (มากกว่า1ปี)
หุ้นกู้ หุ้นทุน พันธบัตร
ตลาดปัจจัยการผลิต
ตลาดที่ทำการซื้อขายปัจจัยที่จะนำไปใช้ทำการผลิตสินค้าหรือบริการต่างๆ เช่น ที่ดิน แรงงาน สินค้าประเภททุน ตลอดจนวัตถุดิบต่างๆที่ใช้ทำการผลิต โดยผู้ผลิตจะนำเอาปัจจัยการผลิตต่างๆดังกล่าวนี้ไปทำการผลิตสินค้าและบริการเสียก่อนจึงจะนำออกสู่ตลาดเพื่อจำหน่ายต่อไป
ตลาดสินค้า อุปโภค บริโภค
ตลาดที่ทำการขายสินค้าหรือบริการซึ่งผู้ซื้อจะนำไปใช้ในการอุปโภคบริโภคโดยตรง
แบ่งตามลักษณะการแข่งขัน
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์
มีผู้ขายจำนวนมากและขายสินค้าเหมือนกัน
ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์
ตลาดผู้ขายน้อยราย (oligopoly) ผู้ขายมีน้อยรายขายสินค้าคล้ายกัน หรือแตกต่างกันแต่ทดแทนกันได้
ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด (monopolistic competition) ตลาดที่มีผู้ซื้อเป็นจำนวนมาก แต่ผู้ขายมีความพอใจจะขายให้แก่ผู้ซื้อบางคนเท่านั้น
ตลาดผูกขาด (monopoly) มีผู้ขายรายเดียวขายสินค้าไม่สามารถทดแทนได้