Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อที่มาจาก โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ - Coggle Diagram
การติดเชื้อที่มาจาก
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การตกขาวผิดปกติ
มีการตกขาวเพิ่มมากกว่าปกติ ร่วมกับมีอาการคัน หรือปวดแสบร้อน ตกขาวมีกลิ่นเหม็น และอาการจะไม่หายไปเอง
เกิดจากการติดเชื้อและทำให้ช่องคลอดอักเสบ (vaginitis) เชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ
ชนิดของการตกขาวผิดปกติ :star:
การตกขาวจากการติดเชื้อรา
(Vulvovaginal candidiasis)
:star:
ปัจจัยและปัจจัยเสี่ยง
การรับประทานยาปฏิชีวนะทำให้มีการทำลายเชื้อแบคทีเรีย
lactobacillusมีโอกาสทำให้เชื้อราในช่องคลอดเจริญเติบโต
การได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์ และได้รับยากดภูมิต้านทานทำให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง
การรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนมาก
ภูมิต้านทานของร่างกายถูกกดจากการเป็นโรคเอดส์ หรือการได้รับเคมีบำบัด
การควบคุมภาวะเบาหวานไม่ดี มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง
การรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมาก
การสวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไป
การใส่แผ่นอนามัยโดยไม่เปลี่ยนระหว่างวัน หรือไม่สะอาด
อาการและอาการแสดง
มีอาการคันและระคายเคืองมากในช่องคลอดและปากช่องคลอด ปากช่องคลอดเป็นผื่นแดง
อาจมีอาการเจ็บขณะร่วมเพศ (dyspareunia)
มีอาการปัสสาวะลำบาก และแสบขัดตอนสุด (external dysuria)
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
มีความระคายเคือง คันช่องคลอดมากขึ้น
ไม่มีผลเสียต่อการตั้งครรภ์
ผลกระทบต่อทารก
เป็นเชื้อราในช่องปาก (oral thrush) ได้มากกว่าปกติ 2-35 เท่า
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติประวัติอาการและอาการแสดง ระยะเวลาที่แสดงอาการ ประวัติอาการตกขาว
การตรวจร่างกาย การตรวจภายในพบช่องคลอดบวมแดง ตกขาวมีลักษณะขุ่น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจด้วยวิธี wet mount smear
จะพบเซลล์ของยีสต์ (yeast cell) และเส้นใยของเซลล์เชื้อรา (mycelium) pH น้อยกว่า 4.5
การตรวจด้วยวิธีแกรมสเตน (gram stain)
จะพบลักษณะเป็นเหมือนเส้นด้าย มีรูปร่างเหมือนยีสต์
กิจกรรมการพยาบาล
1.อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ เข้าใจสาเหตุของการติดเชื้อ และการดูแลตนเอง
2.แนะนำการใช้ยาทา และยาเหน็บช่องคลอดตามแพทย์สั่ง
3.การทำความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก และการทำความสะอาดชุดชั้นใน
ระยะคลอด
สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
เน้นการดูแลความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาดและแห้งเสมอ ชุดชั้นในต้อง
สะอาดและแห้ง ไม่อับชื้น
การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ
(Vaginal trichomoniasis)
:star:
อาการและอาการแสดง
พบโรคคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น
ร่วมด้วย เช่น หนองใน (gonorrhea) ปากมดลูกอักเสบแบบมูกปนหนอง (mucopurulent cervicitis)
ลักษณะของตกขาวมีสีขาวปนเทา หรือสีเหลืองเขียว ตกขาวเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น
มีอาการระคายเคืองที่ปากช่องคลอด ในช่องคลอด ปากช่องคลอดบวมแดง
ปวดแสบปวดร้อนบริเวณต้นขาด้านใน
เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
มีความสัมพันธ์กับภาวะถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
การเจ็บครรภ์
คลอดก่อนกำหนด
ผลกระทบต่อทารกในครรภ์
ทารกคลอดก่อนกำหนด
ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย
การพยาบาล
ให้คำแนะนำและการดูแลเหมือนสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป
แนะนำการเหน็บยา หรือการรับประทานยาตามแผนการรักษา
แนะนำการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยการสวมถุงยางอนามัย
แนะนำให้เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้ โดยล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
การตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
(Bacterial vaginosis)
:star:
อาการและอาการแสดง
มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนปากช่องคลอด ในช่องคลอด
ถ่ายปัสสาวะลำบาก แสบขัด
ตกขาวสีขาว สีเทา หรือสีเหลือง ข้นเหนียว มีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนคาวปลา
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารกในครรภ์
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
มีการติดเชื้อในมดลูก (chorioamnionitis) ปีกมดลูกอักเสบ (salpingitis) และเกิดการอักเสบในอุ้งเชิงกราน (pelvic inflammatory disease: PID)
เกิดการแท้งติดเชื้อ (septic abortion) ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
มารดาหลังคลอดอาจมีไข้ ปวดท้องมาก
ผลกระทบต่อทารก
ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
ทารกคลอดก่อนกำหนด
การพยาบาล
รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกไม่ให้อับชื้นโดยใช้น้ำธรรมดา
แนะนำการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ
คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
เน้นการทำความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและแห้งเสมอ
ซิฟิลิส (Syphilis)
อาการและอาการแสดง
ซิฟิลิสระยะแรก หรือระยะที่หนึ่ง
(primary stage)
จะเกิดแผล กลม นิ่ม ขอบนูนแข็ง ไม่เจ็บ
แผลจะหายได้เองแม้ไม่ได้รับการรักษา
ซิฟิลิสระยะที่สอง (secondary stage)
ผื่นที่พบบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์จะยกนูน ร่วมกับมีอาการไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บคอ ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ปวดศีรษะ น้ำหนักลด
ระยะแฝง (latent syphilis)
ไม่มีอาการใด ๆ แต่กระบวนการติดเชื้อยังดำเนินอยู่และ
สามารถแพร่กระจายเชื้อได
ซิฟิลิสระยะที่ 3 หรือระยะท้ายของโรคซิฟิลิส
(tertiary syphilis)
เชื้อจะเข้าไปทำลายระบบหัวใจและหลอดเลือด
ถ้าเชื้อเข้าสู่ระบบประสาทจะเกิดผิวหนังอักเสบ กระดูกผุ เยื่อบุสมองอักเสบ และเสียชีวิตในที่สุด
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ทำให้ผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบ คลอดก่อนกำหนด และแท้งบุตร
ผลต่อทารก
ทารกคลอดก่อนกำหนด ตายคลอด
ทารกแรกเกิดติดเชื้อซิฟิลิส (neonatal syphilis)
ทารกพิการแต่กำเนิดโดยอาจพบความพิการของตับม้ามโต
แนวทางการรักษา
การรักษาเป็นแนวทางเดียวกับสตรีที่ติดเชื้อซิฟิลิสขณะไม่ตั้งครรภ์
ให้ยา Penicillin G ซึ่งเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาซิฟิลิสในสตรีตั้งครรภ์ และป้องกันการติดเชื้อของทารก
รักษาด้วย Benzathine Penicillin G Sodium 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพกครั้งเดียว
ระยะ late latent syphilis จะรักษาด้วย Benzathine Penicillin G Sodium 2.4 ล้านยูนิต ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะพก 3 สัปดาห์ติดต่อกัน
หนองใน (Gonorrhea)
อาการและอาการแสดง
มีการอักเสบของปากมดลูก
ช่องคลอดทำให้ตกขาวเป็นหนองข้นปริมาณมาก
อาการกดเจ็บบริเวณต่อมบาร์โธลิน (bartholin’s gland)
ติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะส่วนล่างจะพบอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะกระปิดกระปรอย เป็นหนองข้น
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์ ไม่มีอาการ มีบุตรยาก ติดเชื้อ
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด แท้งบุตร
ผลกระทบต่อทารก มีการติดเชื้อหนองในที่ปากมดลูก ช่องคลอด โดยเฉพาะบริเวณเยื่อเมือกที่ตาของทารก ทำให้เกิดตาอักเสบ
แนวทางการรักษา
ตรวจคัดกรองขณะตั้งครรภ์ตามปกติ (VDRL)
หากพบว่ามีเชื้อให้ยา ceftriaxone, azithromycin, penicillin ได้ทั้งรับประทานและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ทารกแรกเกิดทุกรายควรได้รับยาป้ายตาคือ 1% tetracycline ointment หรือ 0.5% erythromycin ointment
ทารกที่พบว่ามีการติดเชื้อหนองในควรได้รับยาปฏิชีวนะ ceftriaxone
การรักษาในสตรีตั้งครรภ์ควรคำนึงว่ามีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นร่วมด้วย
การติดเชื้อเริม
(Herpes simplex)
อาการและอาการแสดง
มีอาการปวดแสบปวดร้อน
และคันบริเวณที่สัมผัสโรค
จากนั้นจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ
แล้วแตกกลายเป็นแผลอยู่ 2 สัปดาห์
มีอการคล้ายหวัด ได้แก่ ไข้ต่ำ ๆ อ่อนเพลัย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้ง
เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ผลกระทบต่อทารก
เจริญเติบโตช้าในครรภ์
ทารกคลอดก่อนกำหนด
แนวทางการรักษา
รักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อซ้ำเติม ล้างแผลด้วย NSS
ให้ Acyclovir 200 mg รับประทานวันละ 5 ครั้ง นาน 5-7 วัน
การรักษาในระยะคลอด
กรณีที่เคยติดเชื้อเริมมาก่อน เฝ้าระวังทารก
เพื่อดูอาการของการติดเชื้อเริม
กรณีที่พบรอยโรคขณะคลอด ให้คลอดโดยการ
ผ่าตัดคลอด และเฝ้าระวังทารกเพื่อดูอาการของการติดเชื้อเริม
การติดเชื้อเอชไอวีในสตรีตั้งครรภ์
(Human Immunodeficiency Virus [HIV] during pregnancy)
อาการและอาการแสดง
ระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ HIV
มีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หรือมีฝ้าขาวในช่องปาก
ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ
ระยะนี้ร่างกายจะแข็งแรงเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป
ระยะติดเชื้อที่มีอาการ
มีอุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่า 37.80C เป็นพักๆ ท้องเดินเรื้อรัง หรืออุจจาระร่วงเรื้อรัง น้ำหนักลดเกิน 10% ของน้ำหนักตัว ต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า 1 แห่ง เป็นงูสวัด
ระยะป่วยเป็นเอดส์
ไข้ ผอม ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง ซีด อาจพบลิ้นหรือช่องปากเป็นฝ้าขาวจากเชื้อรา แผลเริมเรื้อรัง ผิวหนังเป็นแผลพุพอง
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV และมีปริมาณ CD4 ต่ำ
ผลกระทบต่อทารก
ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
ทารกมีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์ และทารกตายคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองสตรีตั้งครรภ์และสามีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ให้ข้อมูลแก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับการดำเนินของโรค
ให้ความรู้แก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับหลักมาตรฐานในการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการได้รัยยาต้านไวรัส
ประเมินระดับความวิตกกังวล ความกลัวของสตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV
ให้การพยาบาลด้วยท่าทีที่ปราศจากความรังเกียจ ให้กำลังใจ และช่วยเหลือให้สตรีตั้งครรภ์และครอบครัว
ระยะคลอด
หากปริมาณ viral load ≤ 50 copies/mL แพทย์อาจพิจารณาเจาะถุงน้ำคร่ำเพื่อชักนำการคลอด ก่อนเจาะ ขณะเจาะ และหลังเจาะถุงน้ำคร่ำ
ให้การดูแลเช่นเดียวกับผู้คลอดทั่วไป
เตรียมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการช่วยเหลือทารกแรกเกิด
หากปริมาณ viral load ≤ 50 copies/mL แพทย์อาจพิจารณาเจาะถุงน้ำคร่ำเพื่อชักนำการคลอด ก่อนเจาะ ขณะเจาะ และหลังเจาะถุงน้ำคร่ำ
ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
ดูแลผู้คลอดโดยยึดหลัก universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา
ระยะหลังคลอด
ดูแลมารดาหลังคลอดโดยยึดหลัก universal precaution
หลีกเลี่ยงเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
แนะนำให้ใส่เสื้อชั้นในที่คับเพื่อยับยั้งการสร้างและหลั่งน้ำนม
แนะนำการวางแผนครอบครัว โดยสามารถใช้วิธีคุมกำเนิดได้ทุกวิธีโดยต้องใช้ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยเสมอ (dual protection)
อธิบายให้มารดาหลังคลอดเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของการนำทารกมาตรวจเลือด เพื่อประเมินการติดเชื้อ HIV
จัดให้บริการปรึกษาแก่มารดาหลังคลอดที่ติดเชื้อ HIV อย่างต่อเนื่อง