Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักการของการพยาบาลจิตเวช, นางสาวพิมพ์ลภัส ภูมิดอนเนาว์ รหัสนักศึกษา…
หลักการของการพยาบาลจิตเวช
ปรัชญาของการพยาบาลจิตเวช
ปัจเจกบุคคลมีคุณค่าและศักดิ์ศรีในตนเอง
เป้าหมายในชีวิตของมนุษย์ทุกคนคือการเจริญพัฒนา การมีสุขภาพดี การเป็นตัวของตัวเองและการได้ประจักษ์ถึงความสำเร็จและคุณค่าแห่งตน
ทุกปัจเจกบุคคลมีศักยภาพที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้และทุกคนมีความปรารถนาที่จะบรรลุถึงความสำเร็จตามเป้าหมายในชีวิต
มนุษย์ดำเนินกิจกรรมในชีวิตในฐานะหน่วยรวมที่ผสมผสาน (holistic being)
มนุษย์มีความคล้ายกันตรงที่ทุกคนมีความต้องการพื้นฐาน
พฤติกรรมทุกอย่างที่มนุษย์แสดงออกมีความหมาย
พฤติกรรมของมนุษย์ประกอบด้วย การรับรู้ ความคิด ความรู้สึก และการกระทำซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นลำดับขั้น
ความสามารถในการปรับตัวปัญหาของบุคคลแต่ละบุคคลมีไม่เท่ากัน
ความเจ็บป่วยเป็นประสบการณ์ที่จะเสริมสร้างการเจริญเติบโตและพัฒนาการในคนได้
การดูแลด้านสุขภาพเป็นสิทธิที่บุคคลทุกคนจะพึงได้รับเท่าๆ กัน
งานสุขภาพจิต ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของงานบริการสุขภาพสมบูรณ์แบบ
บุคคลมีสิทธิที่จะร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง
สัมพันธภาพระหว่างบุคคลมีศักยภาพที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางเจริญพัฒนาในบุคคล
แนวปฏิบัติของการพยาบาลจิตเวช
การเคารพผู้ป่วยในฐานะบุคคล
เป้าหมายของการพยาบาล คือ การช่วยเหลือ “บุคคลทั้งคน”
การยอมรับในพฤติกรรมการแสดงออกของผู้ป่วย
กระบวนการพยาบาลเป็นกระบวนการแก้ปัญหา
การพยาบาลต้องเคารพในสิทธิเสรีภาพของผู้ป่วย
การปฏิบัติการพยาบาลเน้นที่ความเป็นปัจจุบัน
ความตระหนักในตนเองของพยาบาล
ความสัมพันธ์ระหว่างพยาบาลกับผู้ป่วย
ลักษณะของการพยาบาลจิตเวช
ความหมาย
การพยาบาลจิตเวช
เป็นการพยาบาลเฉพาะทางสาขาหนึ่ง ต้องใช้ทักษะในการป้องกัน ส่งเสริม ดูแลรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยพยาบาลจะต้องประยุกต์ ความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของมนุษย์มาดูแลบุคคล ครอบครัว ชุมชน ให้ปลอดภัยจากการเจ็บป่วย และดำรงไว้ซึ่งสุขภาวะทางร่างกาย จิตใจ สังคมและจิตวิญญาณ
คุณลักษณะของพยาบาลจิตเวช
มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีทางจิตเวช
มีทัศนคติต่อผู้ที่มีปัญหาทางจิต
มีความจริงใจ เข้าใจ ยินดีที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
มีการยอมรับความเป็นบุคคล
มีความรัก ความเข้าใจในเพื่อนมนุษย์
มีความสม่ำเสมอในการกระทำและคำพูด
มีความอดทน
มีความยืดหยุ่น
มีภาวะสมดุลทางอารมณ์
มีความตระหนักรู้ในตนเอง และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ขอบเขตงานการพยาบาลจิตเวช
การส่งเสริมสุขภาพจิต
สอนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพจิต แก่ผู้ป่วย ครอบครัวและชุมชน ได้แก่ วิธีการแก้ไขปัญหา วิธีการสร้างสัมพันธภาพ และวิธีการปฏิบัติตนเพื่อให้มีสุขภาพจิตที่ดี การเสริมสร้างความรัก ความเข้าใจที่ดีต่อกันภายในครอบครัวและสังคม เป็นบทบาทอิสระที่พยาบาลสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเอง
นิเทศงานด้านสุขภาพจิตแก่บุคลากรทางสาธารณสุข เกี่ยวกับกลวิธีการผ่อนคลายความเครียด การวางแผนงานส่งเสริมสุขภาพจิตในชุมชน
ประสานงานกับครอบครัวผู้ป่วย เพื่อให้เข้าใจผู้ป่วย และมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย สนับสนุนให้ผู้ป่วยทำหน้าที่ของตนได้อย่างเหมาะสม ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องและมีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการส่งเสริมสุขภาพจิตป้องกันการเจ็บป่วยซ้ำ และยังครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้อยู่ในครอบครัวผู้ป่วยด้วย
ประสานงานกับทีมสุขภาพจิตและองค์กรในชุมชน เพื่อให้การดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพจิตเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ศึกษาวิจัยทางสุขภาพจิต เพื่อนำผลการวิจัยมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหา
การป้องกันปัญหาสุขภาพจิต
1. การป้องกันการเจ็บป่วยระดับแรก ( Primary prevention )
เป็นการป้องกันการเกิดการเจ็บป่วยในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยหรือผู้ที่มีการเจ็บป่วยขั้นเล็กน้อย กิจกรรมในการป้องกันโรคระดับแรกได้แก่
การสอนให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิต เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิต
การให้ความรู้แก่ผู้ใช้บริการเกี่ยวกับการส่งเสริมภาวะสุขภาพ การเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ปกติในแต่ละช่วงวัย รวมทั้งความรู้เกี่ยวกับเพศศึกษา
การช่วยให้ผู้ใช้บริการจัดการกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียดและการจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสมก่อนที่จะเกิดการเจ็บป่วยทางจิต
การให้คำปรึกษาปัญหาทางจิตเป็นรายบุคคล และเป็นกลุ่ม
การสนับสนุนให้สมาชิกภายในครอบครัวดำรงบทบาทหน้าที่ของตนได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งการทำครอบครัวบำบัดในครอบครัวที่เริ่มมีปัญหาทางด้านสัมพันธภาพระหว่างสมาชิกในครอบครัว
การเป็นผู้นำหรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตในชุมชน
การจัดโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพจิตสำหรับกลุ่มเสี่ยงทุกระดับ เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มผู้ใช้แรงงานในสถานประกอบการ เป็นต้น
2. การป้องกันการเจ็บป่วยทางจิตระดับที่สอง ( Secondary prevention )
เป็นการป้องกันเพื่อลดความรุนแรงของผู้มีปัญหาทางจิตในระยะเริ่มแรก พยาบาลจะต้องมีทักษะสูงในด้านการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการประเมินปัญหา ค้นหาความผิดปกติ สามารถวินิจฉัยเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงทีกิจกรรมการพยาบาลในระดับนี้ ได้แก่
การตรวจเพื่อค้นหาผู้มีปัญหาทางจิตและผู้ป่วยในชุมชน
การเข้ามามีส่วนร่วมในการให้การตรวจประเมินภาวะสุขภาพจิต
การเยี่ยมบ้านและให้ความช่วยเหลือผู้มีปัญหาทางจิตหรือผู้ป่วยก่อนเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
การบริการจิตเวชฉุกเฉินในโรงพยาบาลหรือสถานบริการทางสุขภาพจิต
ให้การบริการเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย หรือการทำร้ายตัวเอง
การบริการให้คำปรึกษา
การทำจิตบำบัดเป็นรายบุคคล การทำจิตบำบัดกลุ่มและการทำจิตบำบัดครอบครัว
การให้บริการสุขภาพจิตชุมชนและการให้บริการทางสุขภาพจิตแก่องค์กร ต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาผู้ใช้บริการ
การป้องกันการเกิดความรุนแรงหรือาภาวะวิกฤตและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ป่วยสามารถเผชิญปัญหาทางจิตในครอบครัวและชุมชน
การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
3. การป้องกันการเจ็บป่วยทางจิตในระยะที่สาม ( Tertiary preventions )
การป้องกันระยะนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัญหาระยะยาวและป้องกันความเสื่อมสภาพหรือความพิการอันเป็นผลจากความเจ็บป่วยที่มีอยู่ รวมถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยซ้ำ ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถช่วยเหลือตนเองได้และไม่เป็นภาระต่อสังคม กิจกรรมการพยาบาลนี้ต้องการความร่วมมือของทีมสุขภาพจิต ครอบครัว และองค์กรในสังคมร่วมกันแก้ไขปัญหา กิจกรรมการพยาบาลในระดับนี้ได้แก่
การดูแลผู้ป่วยภายหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่ในสังคม
การจัดหากิจกรรมพิเศษให้แก่ผู้ป่วยในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล เพื่อฝึกอาชีพและช่วยให้ผู้ป่วยเตรียมพร้อมในการดำรงชีวิตในสังคม
การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชนได้แก่ การจัดคลินิกบำบัดทางจิตในชุมชน เป็นต้น
การบำบัดรักษา
หน้าที่และความรับผิดชอบของพยาบาลจิตเวชในการบำบัดรักษาผู้ป่วยทางจิต เป็นกิจกรรมการช่วยเหลือผู้มีปัญหาทางสุขภาพจิตที่อาจมีความผิดปกติทางด้านอารมณ์ การรับรู้ และพฤติกรรมที่ผิดปกติ ให้สามารถเผชิญกับสภาพความเป็นจริงและดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข โดยมีพฤติกรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม
การฟื้นฟูสภาพจิต
การฟื้นฟูสภาพจิต เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อการฟื้นฟูบุคลิกภาพและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยจิตเวชให้มีสุขภาพจิตที่ดีและดำรงภาวะปกติสุขหลังจากการเจ็บป่วย กิจกรรมที่จัดมี 3 ลักษณะ คือ
กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ใหม่ (re education) เป็นการฟื้นฟูความเข้าใจในความจริงเกี่ยวกับตนเองและสังคมให้สามารถดำรงชีวิตตามปกติ สนองความต้องการของตนเองด้านร่างกาย จิตใจได้ และมีพฤติกรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม ถือเป็นการฟื้นฟูวุฒิภาวะในผู้ป่วย
กิจกรรมเพื่อการฝึกหัดการอยู่ร่วมกันในสังคมใหม่ (re-socialization) เป็นการฟื้นฟูสมรรถภาพในการติดต่อสังสรรค์และอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นในสังคม โดยการจัดกิจกรรมให้ผู้ป่วยเข้าร่วมในกลุ่ม ฝึกความรับผิดชอบต่อหมู่คณะและต่อกันและกัน และเรียนรู้ถึงการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในสังคม และอาจจัดในรูปกิจกรรมเพื่อความสนุกสนานซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชีวิตจริง
กิจกรรมเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าให้กับตนเองใหม่ (re establishment) เป็นการสร้างสมรรถภาพในการควบคุมความคิด อารมณ์ ความรู้สึกของตน โดยการจัดกิจกรรมฝึกอาชีพ การหางานให้ทำ การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อลดการคิดฟุ้งซ่าน ทำตนให้เป็นประโยชน์เกิดความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง รวมทั้งการพูดคุยให้ผู้ป่วยคลายความเครียด
บทบาทของพยาบาลจิตเวช
กำหนดได้เป็น 2 ระดับคือ
บทบาทหน้าที่ระดับพื้นฐาน พยาบาลจิตเวชระดับ บทบาทหน้าที่ระดับพื้นฐานหรือระดับรอง มีดังนี้
เป็นผู้จัดสรรสิ่งแวดล้อมเพื่อการรักษา คือ สิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับบุคคล เช่น บุคลากรในทีมพยาบาลทุกคนต้องมีเจตคติที่ดีต่อผู้รับบริการ พยาบาลมีหน้าที่จัดสภาพหอผู้รับบริการให้คล้ายกับบ้าน โดยคำนึงถึงความสะดวกสบาย ความเป็นสัดส่วน ความสวยงาม สุขภาพอนามัย
เป็นเสมือนตัวแทนของแม่ เช่น หน้าที่ในการเลี้ยงดูหรือบำรุงเลี้ยงใช้ผู้รับบริการมีความสุขสบายได้รับอาหารเพียงพอ คอยประคับประคองจิตใจในระยะต้น ๆ ให้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ดีต่าง ๆ ให้แสดงออก ทางอารมณ์ที่เหมาะสม
เป็นตัวแทนสังคม มีหน้าที่ช่วยให้ผู้รับบริการอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ จัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้ผู้รับบริการได้แสดงออกซึ่งความสามารถกล้ามแสดงตัวอย่างเหมาะสมในสังคม ได้เคลื่อนไหว ออกกำลังกายและเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
เป็นผู้ให้คำปรึกษาแนะนำ มีหน้าที่รับฟังผู้รับบริการ ให้คำแนะนำช่วยเหลือตามความเหมาะสม
เป็นเสมือนครู มีหน้าที่สอนกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันแก่ผู้รับบริการที่ขาดความสนใจตนเอง พยาบาลบอกกล่าวกิจกรรมที่ผู้รับบริการกระทำขณะที่อยู่โรงพยาบาล แนะนำการอยู่ร่วมกันในหอผู้รับบริการ สอนการเล่นเกมส์ต่าง ๆ ตลอดจนกิจกรรมต่าง ๆ
ทางการรักษาพยาบาลที่ใช้เทคนิคเฉพาะทางการพยาบาล มีหน้าที่ในการพยาบาลพื้นฐานทุกประเภท ช่วยแพทย์ทำการรักษาทางร่างกาย รวมทั้งการสังเกตพฤติกรรมและบันทึกเพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่ทีมการรักษาพยาบาล เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการรักษาพยาบาลถูกต้อง
บทบาทหน้าที่ในระดับสูง / ขั้นสูงหรือระดับผู้เชี่ยวชาญ
เป็นที่ปรึกษาหรือให้คำปรึกษาแก่ผู้รับบริการบุคคลที่มีปัญหายุ่งยากซับซ้อน เป็นบุคคลที่อยู่ในภาวะวิกฤต บุคคลที่พยายามฆ่าตัวตายเป็นต้น
เป็นผู้ติดต่อให้ความร่วมมือ การให้การพยาบาลทั่วไป การให้การช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิต ในแผนกต่าง ๆ ของโรงพยาบาล โดยประเมินพฤติกรรมให้การวินิจฉัยและวางแผนการพยาบาลแก่ผู้รับบริการ
เป็นผู้บำบัดรักษาเบื้องต้น พยาบาลจิตเวชเป็นผู้ชำนาญการเฉพาะทาง มีหน้าที่คัดกรองผู้รับบริการและให้การบำบัดรักษาเบื้องต้นในชุมชนโรงพยาบาลทั่วไปโรงพยาบาลจิตเวช
มีทักษะการประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ทั้งภายในวิชาชีพ เจ้าหน้าที่อื่นๆทั้งในและนอกทีมสุขภาพและในระบบต่างๆ
มีทักษะในการริเริ่มให้มีการเปลี่ยนแปลงในงาน
มีความสามารถในการใช้งานวิจัย และการทำวิจัยเพื่อปรับปรุงคุณภาพการพยาบาลและบริการสุขภาพ
มีความสามารถในการตัดสินใจเชิงจริยธรรมในการพยาบาล
มีความสามารถในการประเมินผลลัพธ์ทางการพยาบาล
มีความสามารถในเรื่องการประกันคุณภาพทางการพยาบาล
มีทักษะการสอน ชี้แนะแก่บุคคล ครอบครัว หรือกลุ่มอย่างเหมาะสม
เครื่องมือในการคัดกรองทางสุขภาพจิต
1. แบบประเมินภาวะสุขภาพจิต
แบบประเมินภาวะสุขภาพจิตที่นิยมใช้กันคือ แบบประเมิน General Health Questionnaire (GHQ) มีทั้ง GHQ – 12, GHQ – 30, GHQ – 60 เพื่อคัดกรองปัญหาสุขภาพจิต ใช้ในการคัดกรองผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตในชุมชน เพื่อให้สามารถวางแผนการช่วยเหลือผู้รับบริการได้อย่างเหมาะสม
2. แบบคัดกรองปัญหาอาการวิตกกังวลและอาการซึมเศร้า
แบบสอบถาม Hospital Anxiety and Depression scales (HADS) ใช้เพื่อคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้นในบุคคลนี้มีอาการวิตกกังวลและอาการซึมเศร้า ประกอบด้วยแบบคัดกรองภาวะซึมเศร้า แบบคัดกรองความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายและแบบประเมินและวิเคราะห์ความเครียดด้วยตนเอง
3. แบบคัดกรงภาวะซึมเศร้าและแบบคัดกรองความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
โดยเริ่ม
การคัดกรองด้วย 2 คำถาม (Two Question Screening )ถ้าผู้ถูกคัดกรองตอบว่า ใช่อย่างน้อย 1 ข้อ แสดงว่าผู้ถูกคัดกรองมีอาการของภาวะซึมเศร้า ต้องได้รับการวินิจฉัย
แบบคัดกรองภาวะซึมเศร้า ตอบมี ตั้งแต่ 6 ข้อ ขึ้นไป หมายถึง มีภาวะซึมเศร้า ควรได้รับบริการการปรึกษา หรือส่งพบแพทย์และ
คัดกรองความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายควบคู่กันด้วย แบบคัดกรองความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายตอบ มี ตั้งแต่ 2 ข้อขึ้นไป หมายถึง มีความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
4. แบบคัดกรองภาวะซึมเศร้าในวัยรุ่น ที่มีภาวะซึมเศร้า CES-D (Center for Epidemiologic Studies-Depression scale)
ใช้คัดกรองวัยรุ่นที่มีภาวะซึมเศร้า
5. แบบวัดความเครียดสวนปรุง (Suanprung stress test-20, SPST-20)
แบบวัดนี้เหมาะที่จะนำมาใช้เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับความเครียดของผู้ที่จะมารับบริการทราบที่มาของความเครียด การใช้ชีวิตประจำวันที่มีผลต่อการเกิดความเครียด หรือการปรับตัวรับความเครียด และอาการของความเครียดที่เกิดขึ้นได้
6. แบบคัดกรองพัฒนาการเด็ก
7. แบบคัดกรองภาวะซึมเศร้าในเด็ก
8. แบบคัดกรองโรคในกลุ่มพัฒนาการผิดปกติอย่างรอบด้านสำหรับเด็ก อายุ 1-18 ปี
นางสาวพิมพ์ลภัส ภูมิดอนเนาว์ รหัสนักศึกษา 62113301055 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3 รุ่นที่ 37