Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออก - Coggle Diagram
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออก
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของจีน
พัฒนาการด้านการปกครอง
จีนก่อนสมัยจักรวรรดิ
การปกครองสมบูรณาญาสิทธิราชย์
จักรพรรดิมีอำนาจสูงสุดในฐานะโอรสสวรรค์
ขุนนางมี 3 ประเภทคือ ฝ่ายพลเรือน ฝ่ายทหาร ฝ่ายตรวจสอบ
ในช่วงสมัยราชวงศ์โจว ลักษณะการปกครองของจีนแบ่งออกเป็นรัฐหรือ “ก๊ก” ต่างๆ
จีนสมัยจักรวรรดิ
รัชสมัยของสื่อหวงตี้ ซึ่งแปลว่า “จักรพรรดิองค์แรก” จนกระทั่งสิ้นราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีน
จิ๋นซีฮ่องเต้ได้ยกเลิกการแต่งตั้งเจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆ และใช้ระบบจังหวัด
และอำเภอแทน
จิ๋นซีฮ่องเต้ก็โปรดให้ซ่อมแซมและเชื่อมต่อกำแพงเมืองจีนเจ็ดหมื่นลี้ ตั้งแต่ทะเลทรายทางตะวันตกสู่ริมฝั่งทะเลตะวันออก
การจัดระเบียบการปกครองที่เริ่มตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉินได้
กลายมาเป็นระบบการปกครองของราชวงศ์ต่างๆ ของจีนในเวลาต่อมา
จีนสมัยใหม่
นอกจากนั้นในราชส านักก็มีการขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจ กัน ซึ่งทำให้พระนางซูสีไทเฮาได้เข้ามามีบทบาทสูงสุดในราชสำนักในช่วง ค.ศ. 1861-1908
เกิดสงครามฝิ่น จีนพ่ายแพ้ กับอังกฤษ
จีนแพ้สงครามญี่่่ปุ่น ผลของสงครามทำให้จีนต้องสูญเสียอิทธิพลในเกาหลีและต้องเสียดินแดนที่รวมทั้งไต้หวันและแหลมเลียวตุงให้แก่ญี่ปุ่น
ความพ่ายแพ้ที่เป็นความอัปยศเหล่านี้ ทำให้การต่อต้านราชวงศ์ชิงในหมู่ชาวจีนขยายตัวกว้างขวาง จีนประสบความยุ่งเหยิงหนักมาก
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
ชาวจีนคิดว่าดินแดนตนคือศูนย์กลางโลกที่
เจริญ ไม่ต้องพึ่งสินค้าต่างชาติ จีนมีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติกว้างขวางสมัยราชวงศ์ฮั่นถึงราชวงศ์ชิง
และเมื่อสินค้าตะวันตกได้เข้ามามากขึ้น
จังทำให้สินค้าพื้นเมืองถูกท าลายตั งแต่ปลายราชวงศ์ชิงหรือกลางพุทธวรรษที่ 24 ถึงช่วงสงครามโลก
ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุด
มีการใช้นโยบาย 4 ทันสมัย
พัฒนาการด้านสังคม
ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แรงงานใน
โรงงานอุตสาหกรรม รับจ้างภาคบริการต่างๆ ประมาณร้อยละ 43 อยู่ในสังคมเมือง นอกนั้นกระจายตามชนบท
ยึดมั่นค าสอนลัทธิขงจื๊อเน้นเรื่องคุณธรรม เคารพผู้อาวุโส ยึดถือจารีตเดิม
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ทำให้สังคม
จีนรุ่งเรืองด้านการศึกษาและเทคโนโลย
จีนให้ความสำคัญกับการศึกษามาก
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
สมัยต่างๆ
ญี่ปุ่นสมัยโบราณ
เมื่อประมาณ 14,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีวัฒนธรรมโจมน (Jomon 14,000-300 B.C.)
ต่อมาประมาณ 300 ปีก่อนคริสตศักราชวัฒนธรรมยะโยะอิ
(Yaoi 300 ก่อนคริสต์ศักราช-ประมาณ
ค.ศ.250)
ญี่ปุ่นสมัยราชอาณาจักร
จักรพรรดิเป็นผู้น าปกครองโดยมีศูนย์อำนาจ
อยู่ที่ยามาโตะหรือจังหวัดนาราปัจจุบัน
พัฒนาการด้าน
การเกษตรและการรับวัฒนธรรมจีน ลัทธิขงจื๊อ พระพุทธศาสนา
และตัวอักษรแบบจีน
มีการย้ายเมืองหลวง
ในช่วงสุดท้ายของสมัย
ราชอาณาจักร มีการก่อตั้งเมืองหลวงแห่งใหม่ที่เฮอัน-เกียว หรือ เกียวโต
ญี่ปุ่นสมัยฟิวดัล
มีผู้ปกครองสูงสุดเป็นขุนศึกที่เรียกว่า “โชกุน”
“นายพล” เป็นผู้นำสูงสุดของบรรดาซามูไร
โตโยโตมิ ฮิเดโยชิ ขุนทหารผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของญี่ปุ่นสามารถนำความสงบเรียบร้อยกลับมาได้ใน ค.ศ.
1590
ในทางสังคมชนชั้นซามูไรได้รับการ
ยกฐานะให้เหนือคนกลุ่มอื่นๆ
เริ่มได้รับความกดดันจากตะวันตก
บังคับให้โชกุนลงนามในสนธิสัญญาคานางาวะ
ญี่ปุ่นสมัยเมอิจิ
ในทางการปกครอง
มีการประกาศคำปฏิญาณที่เรียกว่า “Charter Oath”
ระปกครองในแนวทาง ประชาธิปไตย
ในทางการเมือง
รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นและประกาศใช้ใน ค.ศ.1889
ปกครองของญี่ปุ่นให้เป็นระบอบกษัตริย์
ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จักรพรรดิทรงใช้อำนาจบริหาร
ในด้านเศรษฐกิจ
ญี่ปุ่นเริ่มครอบครองตลาดในเอเชีย โดยเฉพาะในด้าน
สินค้าอุตสาหกรรม
เป็นประเทศอุตสาหกรรมประเทศแรกในเอเชีย
รับเอารูปแบบของระบบทุนนิยมมาเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ในทางสังคม
มีการปรับเปลี่ยนขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นในหลายด้าน เช่น การให้ซามูไรเลิกเหน็บดาบ
ปฏิรูประบบการศึกษา
ชาวญี่ปุ่นสามารถสร้างสรรค์ประเทศให้เข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการ
พัฒนาทั้งในด้านอุตสาหกรรมสถาบันทางการเมือง และรูปแบบของสังคมแบบใหม
เมื่อพระจักรพรรดิเสด็จสวรรคต(และโดยเฉพาะภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งญี่ปุ่นเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร) ญี่ปุ่นก็ได้รับการ
ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศมหาอ านาจของโลก
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเกาหลี
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีเหนือ
ด้านการเมืองการปกครอง
ทดลองอาวุธนิวเคลียร
ประสบปัญหาสมาชิกระดับสูงแปรพักตร์และขอลี้ภัย
ไปอยู่เกาหลีใต
เป็นประเทศคอมมิวนิสต
ผู้น้าเกาหลีเหนือ
คิม จองอึน
ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน
คิม จองอิล
คิม อิลซุง
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
ภูมิอากาศหนาวเย็น ประสบภัยแล้ง ไม่สามารถผลิตอาหารเลี้ยงประชากร
ได้อย่างทั่วถึงได
อาวุธนิวเคลียร์ให้มีศักยภาพเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง
พัฒนาการด้านสังคม
ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของโลกภายนอก เพราะยังไม่มีการเปิดประเทศ
อุตสาหกรรมไม่ค่อยก้าวหน้า เพราะมีวัตถุดิบจ ากัดและขาดการส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย
ประชาชนส่วนใหญ่ขาดการพัฒนา
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้
พัฒนาการด้านการเมืองการปกครอง
ในช่วง 35 ปีแรก เกาหลีใต้ มีการปกครองแบบเผด็จการประชาธิปไตย
รัฐบาลมักมีการใช้ความรุนแรงในการปราบปรามการจลาจล และประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อ
ควบคุมประชาชนที่ต่อต้าน
ตั้งแต่กลางทศวรรษ 2530 การปกครองในระบอบเผด็จการเริ่มผ่อนคลายลง ชาวเกาหลีใต้มีอิสระและเสรีภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีนักต่อต้านเผด็จการคนส าคัญคือ คิม แดจุง
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
การเพาะปลูก : พืชส าคัญได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวบาร์เลย์แอปเปิล มันฝรั่ง ถั่วเหลือง ข้าวสาลี
การเลี้ยงสัตว์: สัตว์เลี้ยงส าคัญได้แก่ สุกร โค สัตว์ปีก และตัวไหม
การประมงเป็นอันดับ 10 ของโลก
การท าเหมืองแร่ : เกาหลีใต้ขาดแคลนถ่านหินและน้ำมันปิโตเลียม
อุตสาหกรรม : อุตสาหกรรมในเกาหลีใต้ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเบา
พัฒนาการด้านสังคม
เป็นสังคมเสรีประชาธิปไตย มีความก้าวหน้าทางวัตถุ และเทคโนโลยี มีมาตรฐานการครองชีพที่ดี
ภาษา
ส่วนใหญ่เรียกภาษาของตนว่า “ฮันกุกมัล” หรือ
“ฮันกุกอ” บางครั้ง อาจเรียกแบบภาษาชาวบ้านว่า “อูรีมัล”
แปลว่า ภาษาของเรา
ศาสนา
ชาวเกาหลีใต้มีศาสนาที่ตนนับถือกันอย่างหลากหลาย
ส่วนใหญ่ไม่นับถือศาสนา
ศิลปะเกาหลี
ยกย่องธรรมชาติ การใช้สีอ่อนและเรียบในภาพเขียนและเครื่องปั้นแบบเกาหลี
วัฒนธรรมงานหัตถกรรมพื้นบ้าน
ชาวเกาหลีมีชุดประจ าชาติตั้งแต่สมัยโบราณ เรียกว่า ฮันบก
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมองโกเลีย
ด้านการเมืองการปกครอง
ผู้นำชนเผ่ามองโกลได้สถาปนาจักรวรรดิมองโกล
ปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุขที่มาจากการเลือกตั้ง
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เลี้ยงสัตว์ และมีการท าเหมืองแร่
ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตชนบทและมีรายได้ต่า
พัฒนาการด้านสังคม
ชาวมองโกลส่วนใหญ่
นับถือ ศาสนาพุทธ-นิกายลามะ
และลัทธิชามาน(แตกแขนงออกมาจากศาสนาพุทธนิกายลามะในภายหลัง)
การนับถือศาสนา
สถิติล่าสุด (จาก Operation World –1 มกราคม 2003)
1) ผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายลามะและลัทธิชามาน 53.7 %
2) ผู้นับถือศาสนาอื่น ๆรวมไปถึงไม่เลือกนับถือศาสนาใด 41.6 %
3) ชาวมุสลิม(ส่วนใหญ่เป็นชาวคาซัค) 4 %
4) ชาวคริสต์(ส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย) 0.71 %