Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สรุปความรู้ เรื่อง การจัดการระบบความปลอดภัยด้านยาของผู้ป่วย (Medication…
สรุปความรู้ เรื่อง การจัดการระบบความปลอดภัยด้านยาของผู้ป่วย (Medication Safety Management)
การนำไปใช้
ป้องกันการแพ้ยาซ้ำจากยากลุ่มเดียวกัน
ป้องกันการหยิบมาใช้ยาผิดชื่อ ในกรณีที่ชื่อคล้ายกันหรือออกเสียงคล้ายกัน
ป้องกันอันตรายจากยาเสี่ยงสูง (High alert drugs)
ลดค่าใช้จ่ายในเรื่องยาของู้ป่วยและญาติและได้รับยาที่มีค่าใช้จ่ายต่ำแต่มีประโยชน์จริงต่อผู้ป่วย
ไม่เกิดการฟ้องร้องเมื่อเกิดเหตุไม่พึงประสงค์
ลดการใช้ยาฟุ่มเฟื่อยและยังไม่ตรงกับอาการหรือโรคที่ป่วยเป็นอยู่
ป้องกันการดื้อยาของเชื้อโรค
หลัก 2P Safety Goal
มาตรการความปลอดภัยด้านยาตาม SIMPLE 2018
M2:Safe from Medication error
เป้าหมาย :
เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยาในกลุ่มยาที่มีชื่อยา เขียนคล้ายกันหรืออกเสียงคล้ายกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้ยาในทุกขั้นตอน ได้แก่ การสั่งยา การจัด-จ่ายยา การให้ยา และการติดตามผลการใช้ยา
ตัวอย่างของยาที่คล้ายกัน
:check:ลักษณะคล้าย เช่น Spironolactone 25 mg กับ methimazole 5 mg
:check:เสียงคล้ายกัน เช่น Co-trimoxazole /Clotrimazole Lanoxin/Loranox Hyoscine/Hydralazine
การป้องกันความคลาดเคลื่อนทางยา
:warning:
แพทย์
เขียนใบสั่งยาครบถ้วน ลายมือชัด รณีสั่งยาทางโทรศัพท์ เน้นการทวนสอบซ้ำ
:warning:
เภสัชกร
ส่งยาถูกต้องครบถ้วน ฉลากยาชัดเจน มีใบเตือนการบริหารยาที่ต้องระวัง
:warning:
พยาบาล
มีมาตรการชัดเจนในการบริหารยา รับทราบโดยทั่วกันการติดตามประเมินผลการปฏิบัติผ่านทางการนิเทศทางการพยาบาล
:check: ใช้หลัก 6R 7R 10R เมื่อต้องมีการให้ยาแก่ผู้ป่วย มีการตรวจสอบซ้ำยาที่เตรียมให้ผู้ป่วยเมื่อให้ยาผู้ป่วยแล้วให้เซนต์ในใบ MAR ทันที พร้อมทั้งบันทึกเวลาที่ให้ยาตามจริง
:check: มีการสื่อสารที่ดีระหว่างสหวิชาชีพ เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน
มีการตรวจสอบซ้ ายาที่เตรียมให้ผู้ป่วย
:check:ต้องรู้ว่ายาแต่ละชนิดใช้อย่างไร เช่น รับประทาน IV IM SC เป็นต้น
:check: ต้องบริหารถูกวิธี อัตราเร็วถูก เตรียมยาถูก ชนิดยา/สารน้ำ และต้องมีการติดตามเสมอหลังให้ยา
การให้ยาที่ปลอดภัย
-มีการ identify ผู้ป้วยก่อนให้ยา
-มีการตรวจสอบยา ทั้งชื่อ ขนาดยา ทางที่ให้ยา
-มีการเจือจางที่ถูกต้องด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง
-ให้ยาในเวลาที่เหมาะสม
-มีการตรวจสอบกับ order แพทย์
-มีการติดตามยาหลังให้ยา
ตัวอย่างการให้ยา
:check: คุณสมบัติของยากลุ่มที่ให้หลัง STAT ไม่ได้ตาม Schedule ได้แก่ ยาที่มีmaximum dose/ครั้ง เท่ากับ recommended dose/ครั้ง ยาที่มีอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง และสัมพันธ์กับระดับยาในเลือด ยาให้วันละ 1-2 ครั้ง เป็นต้น
:check: คุณสมบัติของยากลุ่มที่ให้หลัง STAT ได้ตาม Schedule ได้แก่ ยาที่มีmaximum dose/ครั้ง สูงกว่า recommended dose/ครั้ง Ampicillin 1 g IV q 6 hr ยาที่พิษหรืออาการพึงประสงค์ไม่รุนแรง หรืออาการไม่พึงประสงค์ไม่สัมพันธ์กับระดับยา ยาที่ให้วันละหลายๆ ครั้ง (แสดงว่ามีค่าครึ่งชีวิตสั้น) เป็นต้น
:check: ยาเม็ดที่ไม่ควรเคี้ยวหรือบด เช่น ยารักษาโรคกระเพาะ กลุ่ม Proton Pump Inhibitor: Omeprazole 20 mg enteric coated Cap/Tab เพราะจะทำให้เสียคุณสมบัติการเป็น enteric coated ยาถูกทำลายง่ายในสภาวะเป็นกรด
:check: ห้ามบดยาเม็ดหรือแคปซูลที่มีคำต่อไปนี้อยู่ท้ายชื่อ SR CR MR XR XL PL Retard EC EN
M4: Rational Drug Use (RDU)
เป้าหมาย :
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งสู่การใช้ยาอย่างปลอดภัย เกิดประโยชน์จริงต่อผู้ป่วยด้วยค่าใช้จ่ายที่ต่ำที่สุด ต่อบุคคลและสังคม
เป้าหมายของการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุผล
ใช้ยาปฏิชีวนะน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
อัตราการใช้ยาปฏิชีวนะไม่มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
ลดโอกาสเสี่ยงต่อพิษและผลข้างเคียงของยาปฏิชีวนะ
ชะลอการดื้อยาปฏิชีวนะของเชื้อแบคทีเรีย
ลดค่าใช้จ่ายยาปฏิชีวนะ
สร้างวัฒนธรรมใหม่ของการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างรับผิดชอบ
:warning: จึงต้องสร้างความตระหนักรู้ของบุคลากรทางการแพทย์และผู้รับบริการ ต่อการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
:red_flag:การดูแลด้านยาเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยกลุ่มพิเศษ 6 กลุ่ม ได้แก่
1) ผู้สูงอายุ ควรหลีกเลี่ยงยาจิตเวช ยาบรรเทาปวด ยาระบบหัวใจและหลดเลือด เป็นต้น
2) สตรีตั้งครรภ์ ห้าใช้ยา wafarin Ergots ACE inhibitor เป็นต้น
3) สตรีให้นมบุตร หลีกเลี่ยงยา Ergots Amiodarone เป็นต้น
4) ผู้ป่วยเด็ก หลีกเลี่ยงยา NSAIDs Antidiarrheal เป็นต้น
5) ผู้ป่วยโรคตับ ควรมีการลดขนาดยาลง
6) ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง หลีกเลี่ยงยาที่ค่าชีวิตยาว ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ลดขนาดยาลดความดัน ยาปฏิชีวนะ ยาลดไขมัน เป็นต้น
:warning:เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนจากยาในผู้ป่วยกลุ่มพิเศษ
:red_flag:การส่งเสริมจริยธรรมและจรรยาบรรณทางการแพทย์ในการสั่งใช้ยา
M1:Safe from Adverse Drug Events(ADEs)
เป้าหมาย :
ลดความคลาดเคลื่อนของยา และลดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาที่มีความเสี่ยงสูง
หลักในการให้ยาความเสี่ยงสูง
1.มี Independent double check 2.ตรวจสอบใบ MAR กับคำสั่งปัจจุบันทุกวัน 3.สังเกตอาการผู้ป่วยหรือดูค่า Parameter ที่สำคัญก่อนให้ยาทุกครั้ง 4.ลงบันทึกทันทีที่ให้ยาเสร็จ 5.บันทึกการเปลี่ยนแปลงหลังให้ยาในแฟ้มผู้ป่วย 6.แจ้งแพทย์ทันทีเมื่อพบความผิดปกติหรือความผิดพลาด 7.รายงานอุบัติการณ์ทันทีเมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงหรือความผิดพลาดถึงตัวผู้ป่วย
:check: การสั่งจ่ายที่ควรระบุตัวยาที่ต้องการ ในสารละลายอะไร ให้ในอัตราเร็วเท่าไร และต้องติดตามอะไร
:check: แนบเอกสารกับยา หรือแขวนป้ายใบเตือนให้ญาติช่วยระวัง
ตัวอย่างยาความเสี่่ยงสูง
Adrenaline,Dopamine,Dobutamine,,Isoproterenol, 50% MgSO4 inj, Calc. gluconate inj, 3%NaCL, MO,Pethidine, Fentanyl,Codeine, Methadone,Digoxin,กลุ่ม Antineoplastic,Streptokinase เป็นต้น
แนวทางป้องกัน ADR
1.ประเมิน ADR แย่างเป็นระบบ
2.วินิจฉัย ADR แม่นยำ
บันทึกข้อมูลที่สามารถตรวจสอบกลับได้ แก้ไข้ข้อมูลกรณีเปลี่ยนแปลง
4.ส่งต่อข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ได้แก่ ออกบัตรแพ้ยาให้ผู้ป่วยและมีรายละเอียดมากพอพร้อมคำแนะนำ
5.มีประวัติแพ้ยาในเวชระเบียนในการดูแลผู้ป่วย
มีระบบป้องกันการแพ้ยาซ้ำ
อาการไม่พึงประสงค์จากยา
ยามีผลต่อทุกระบบในร่างกาย เช่น Urticaria ผื่นลมพิษ Angioedema Fixed drug eruption ผื่นชนิดฟิกส์ดรักส์ Maculo-papular rash,MP rash Exfoliative dermatitis หรือผื่นผิวหนังอักเสบ ลอกเป็นขุย Photosensitive Drug Eruption ผื่นแพ้แสง Erythema multiforme ผื่นเหมือนเป้ายิงธนู เป็นต้น
M3: Medication Reconciliation
เป้าหมาย :
ผู้ป่วยได้รับการซักประวัติและสืบค้นให้ได้รายการยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่ทั้งรายการยาจากสถานพยาบาลต่างๆ ยาซื้อใช้เอง รวมทั้งสมุนไพร อาหารเสริมทั้งชื่อยา ขนาดยา ความถี่ วิธีใช้ และเวลาที่ผู้ป่วยใช้ยามาครั้งสุดท้าย โดยต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และแพทย์ต้องมาทบทวนรายการยาทั้งหมดเพื่อรับทราบข้อมูลก่อนสั่งใช้ยา
แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการทำ Medication Reconciliation
•ยาเดิมที่ผู้ป่วยถือมา
•สมุดประจำตัวผู้ป่วย
•ข้อมูลในเวชระเบียน
•สอบถามจากแหล่งที่ผู้ป่วยได้รับยามา
•ใบส่งต่อจากรพ.อื่น
:warning: ต้องมีการ Medication Reconciliation ระบุยาเดิมที่ผู้ป่วยได้รับ
:warning: ต้องมีการประสานรายการยาเดิมตอนแรกรับนอนรพ.และส่งต่อประวัติรับยาล่าสุดตอน D/C หรือ Refer ในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง