Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กายวิภาคสรีรวิทยาระบบประสาท และเซลล์ประสาท ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก -…
กายวิภาคสรีรวิทยาระบบประสาท และเซลล์ประสาท ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก
เรื่องสมอง
สมองเป็นอวัยวะหลักของระบบประสาทมนุษย์โดยจัดเป็นระบบประสาทกลางเมื่อรวมกับไขสันหลังสมองประกอบด้วยสมองใหญ่ก้านสมองและสมองน้อยเป็นศูนย์ควบคุมการทำงานของร่างกาย การแปลผล รวบรวม และประสานข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสและการตัดสินใจว่าจะสั่งให้ร่างกายทำการเช่นไรสมองอยู่ในกระดูกหุ้มสมองภายในศีรษะ ลอยอยู่ในน้ำาหล่อสมองไขสันหลังและแยกจากกระแสเลือดด้วยตัวกันระหว่างเลือดกับสมองซึ่งช่วยป้องกันมันจาก
การทำงานของสมอง
ระบบประสาทอัตโนมัติประกอบด้วยประสาท 2 ส่วนที่เรียกว่าซิมพาเทติก (Sympathetic) และพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทํางานของกล้ามเนื้อเรียบกล้ามเนื้อหัวใจและต่อมต่าง ๆ ของร่างกายควบคุมการทำงานของส้นเลือดความดันโลหิตการเต้นของหัวใจม่านตาการใหลของเหงื่อ น้ำตา และน้ำลาย การเคลื่อนไหวของลำไส้การควบคุมกระเพาะปัสสาวะและความผิดปกติทางเพศการทำงานต่าง ๆ ที่กล่าวมาแก้เบื้องต้นจะต้องอาศัยการทำงานสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติทั้งสองระบบระบบประสาทอัตโนมัติทำงานโดยผ่านการหลั่งสารเคมีที่สำคัญคือ อะเซทิลโคลิน และนอเอพิเนฟริน สมองส่วนที่ควบคุมการทำงานของประสาทอัตโนมัตินี้จะยูที่สมองด้านหลังหรือส่วนที่เป็นแกนกลางของสมองซึ่งจะมีกลุ่มของเซลล์ประสาท ที่อยู่นอก
หน้าที่ของสมอง
สมองมีหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว พฤติกรรม และภาวะธำรงดุล(homeostasis) เช่น การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังมีเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหวและความสามารถอื่นๆที่เกี่ยวกับการเรียนรู้
สมองเป็นอวัยวะที่สมบูรณ์ถ้าขาดออกซิเจน สัก 2-3 นาที สมองจะทำงานไม่ได้สมองต้องการออกซิเจนมากที่สุดและน้ำตาลด้วยแต่ละต้องใช้ช่องทางพิเศษเซลล์ประสาทเบาะบางมาก
ถ้าหากหิวน้ำหรือร่างกายเริ่มการขาดน้ำ
สมองส่วนไฮโปทาลามัสจะทำหน้าที่ควบคุมปริมาณสารในร่างกายสั่งให้ร่างกายต้องดื่มน้ำ
เรื่องโครงกระดูก
กระดูกคืออวัยวะที่แข็งที่สุดของร่างกายมนุษย์มีทั้งหมด206ชิ้น กระดูกมีทั้งในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังและมนุษย์ มนุษย์ที่เกิดใหม่ยังเป็นเด็กทารกจะมีกระดูกเป็นกระดูกอ่อนและจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นกระดูกเเข็งเมื่อเริ่มมีการเจริญเติบโต
หน้าที่ของกระดูก
ช่วยในการค้ำจุนและรักษารูปร่างให้ทรงตัวอยู่ได้ ช้วยป้องกันอวัยวะภายในร่างกาย เช่น กระโหลกศีรษะช่วยป้องกันสมอง กระดูกซี่โครงช่วยป้องกันหัวใจ ปอด และกระดูกยังมีหน้าที่สร้างเม็ดเลือดเเดงและเม็ดเลือดขาว
เซลล์สร้างกระดูก
Endochondral ossification เป็นการกลายเป็นประดูกโดยทดแทนโครงเดิมของกระดูกอ่อนโดยที่กลุ่มเซลล์มิเซนไคม์(mesenchyme)จะเข้าไปแทนที่เซลล์กระดูกอ่อนผ่านทางหลอดเลือด เริ่มจากส่วนกลางของกระดูกซึ่งเป็นจุดการสร้างกระดูกปฐมภูมิ เมื่อเซลล์มิเซนไคม์มีการพัฒนาไปเป็นเซลล์ต้นกำเนิดเซลล์กระดูก จึงมีการสะสมของเนื้อกระดูกมากขึ้น
กระดูกวิวัฒนาการมาเป็นโครงสร้างในสัตว์มีกระดูกสันหลังกระดูกวิวัฒนาการมาจากเนื้อเยื่อชิงวิวัฒนาการเพื่อเก็บสะสมแร่ธาตจากแบบจำลองดังกล่าว แต่ธาตุเช่นแคลเซียมถูกสะสมไว้ในกระดูกอ่อนและกระตุกเป็นการปรับตัวโดยกระบวนการสร้างเนื้อกระดูกของกระดูกอ่อน อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้อื่นกล่าวว่าเนื้อเยื่อกระดูกวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อเป็นตัวก็นออสโมติกหรือเพื่อเป็นโครงสร้างที่ใช้ป้องกัน
เป็นกระบวนการสร้างเนื้อกระดูกโดยที่เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เช่น กระดูกอ่อนเปลี่ยนไปเป็นกระดูกแข็งหรือเนื้อเยื่อที่กลายเป็นกระดูกจะมีหลอดเลือดยื่นเข้าไปข้างในเซลล์กระดูกอ่อนไม่ยอมเปลี่ยนเป็นกระดูกหลัก
จะมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสมาเปลี่ยนกระดูกอ่อนเป็นกระดูกแข็งและมีวิตามินที่ช่วยจับฟอสฟอรัสและแคลเซียม
เมื่อเกิดการหักหรือร้าวของกระดูก
เชลล์สร้างเส้นใยและเชลล์กระดูกอ่อนเข้าสู่บริเวณที่กระดูกหักและมีการสร้างแคลลัส
ออสติโอเจนิกเซลล์แบ่งตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็วและมีการสร้างทราบีคิวอแคลลัสที่เป็นกระดูก (bony callus) ของกระดูกใหม่เพื่อประสานกระดูกที่หักเข้าด้วยกันและมีการสร้างกระดูกอ่อนมามาปกคลุมขึ้นนอกนอก (outer collar) ของรอยหัก
กระดูกอ่อนจะถูกทดแทนด้วยกระดูกฟองน้ำและรอยหักจะมีการซ่อมแซมโดยการสร้างกระดูกคอมแพ็กต์และมีเซลล์สลายกระดูกมาช่วยสลายกระดูกส่วนเกินออกไปให้กระดูกรูปร่างคงเดิม
เมื่อกระดูกหักมีเลือดไหลออกมาบริเวณของเนื้อเยื่อกระดูกที่ถูกทำลายและใช้เวลาหลายชั่วโมงในกระบวนการแข็งตัวเพื่อหยุดการไหลของเลือด
เรื่องเซลล์ประสาท
์
เซลล์ประสาทสั่งการ(motor neuron)มักมีใยประสาทแอกซอนยาวกว่าเดนไดรต์ อาจยาวถึง1เมตร เพราะเซลล์ประสาทสั่งการที่อยู่ในไขสันหลังต้องส่งกระแสประสาทออกจากไขสันหลัง เพื่อนำกระแสประสาทไปยังหน่วยปฏิบัติงาน เช่น กล้ามเนื้อแขนขา ซึ่งอยู่ห่างไกลจากไขสันหลังมาก
เซลล์ประสาทประสานงาน เซลล์ประสาทชนิดนี้อยู่ในสมองและไขสันหลัง จะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ประสาทรับความรู้สึกกับเซลล์ประสาทสั่งการ ใยประสาทของเซลล์ประสาทประสานงาน
หน้าที่ชองเซลล์ประสาท
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับรู้และการตอบสนอง แต่ละเซลล์อาจมีการเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเซลล์ประสาทอื่นเป็นพันๆเซลล์ เซลล์จำนวนมากทำงานเกี่ยงกับการรับส่งสัญญาณระหว่างสิ่งเร้าภายนอกกับสิ่งเร้าภายใจร่างกายได้อย่างมีระบบ เซลล์ประสาทเป็นตัวทำหน้าที่เกี่ยวกับการรับรู้และการตอบสนอง แต่ละเซลล์อาจมีการเชื่อมโยงเกี่ยวพันกับเซลล์ประสาทอื่นเป็นพันๆเซลล์ เซลล์จำนวนมากทำงานเกี่ยงกับการรับส่งสัญญาณระหว่างสิ่งเร้าภายนอกกับสิ่งเร้าภายใจร่างกายได้อย่างมีระบบ เซลลเป็นตัวควบคุมและเป็นศูนย์กลางข้างเป็นตัวส่งส่งสัญญาณระบบต่างๆ
ร่างกายต้องการที่จะไอหรือจาม
เซลล์ประสาทจะส่งข้อมูลด้วยความเร็วไปที่sympathetic nervous และไปที่ห้วใจและไอออกมาเป็นการตอบสนองกลับใช้เป็นปฏิกิริยาสนองกลับ ต้องมีการทำงานอย่างเป็นระบบ
ถ้ามีเหตุหรือความผิดปกติต้องมีการทำลายและแลกเปลี่ยนใหม่ มีการส่งสัญญาณย้อนกลับและส่งไปที่ไขสันหลังและสั่งให้ไอและส่งสารไปกระตุ้นไปที่ไขสันหลังรับแต่เป็นเอ็นติบอดี้ไม่รับอย่างอื่น ปฏิกิริยาไปที่ซี่โครงและมีการไอออกมา
เรื่องกล้ามเนื้อและไขมัน
เมื่อมีการยกแขน
เมื่อมีการยกแขนขึ้นเซลล์ประสาทจะส่งสัญญาเปาคำสั่งไปที่เส้นใยกล้ามเนื้อด้วยสาสื่อประสาทกระแสประสาทส่งสัญญาณไปที่กลำทเนื้อมัดที่ต้องเคลื่อนไหวคำสั่งจากประสาทส่วนหลังให้กล้ามเนื้อเพื่อยกแขนขึ้นส่งประสาทไปที่กล้ามเนื้อเวลาต้องงานหรือต้องการออกกำลังกาย
หน้าที่ของกล้ามเนื้อ
กล้ามเนื้อถูกทำให้เคลื่อนที่โดยระบบประสาท กล้ามเนื้อทำหน้าที่ยึดและหดตัวเพื่อดึงรั้งกระดูกจนทำให้เกิดการเคลื่อนไหวขึ้นกล้ามเนื้อหัวใจทำงานภายใต้ระบบประสาทอัตโนมัติ กล้ามเนื้อทำหน้าที่หดตัวเพื่อให้เกิดแรงและทำให้เกิดการเคลื่อนที่ (motion) รวมถึงการเคลื่อนที่และการหดตัวของอวัยวะภายในกล้ามเนื้อจำนวนมากหดตัวได้นอกอำนาจจิตใจและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น การบีบตัวของหัวใจหรือการบีบรูด (peristalsis) ทำให้เกิดการผลักดันอาหารเข้าไปภายในทางเดินอาหารการหดตัวของกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้อำนาจใจมีประโยชน์ในการเคลื่อนที่ของร่างกายและสามารถควบคุมการหดตัวได้
ไขมันในร่างกาย
การวิ่ง
น้ำตาลในร่างกายจะถูกเผาไหม้ใช้ในการที่ร่างกายขาดพลังงานหรือน้ำตาลและต้องนำไขมันที่อยู่ออกมาใช้เผาพลาญไขมัน เอาไปใช้ทดแทน
คนเรานั้นจะเก็บสะสมพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน จากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป โดยคาร์โบไฮเครตจะถูกสะสมไว้ในรูปของไกลโคเจนอยู่ในตับและกล้ามเนื้อ โปรตีนเก็บไว้ในรูปแบบของกล้ามเนื้อ
ในขณะวิ่งจะมีการนำไขมันมาใช้
จากการเผาผลายไกลโคเจน การเผาผลาญกลูโคสในเลือดมาใช้ แหล่งพลังงานส่วนที่สองนี้แม้จะมีมากกว่าส่วนแรกแต่ก็เริ่มหมดลงในช่วง2นาทีเป็นต้น
กล้ามเนื้อนั้นต้องอาศัยพลังงานซึ่งอยู่ในรูปของกลูโคส ที่ได้จากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่เราใบประทานเข้าไปโดยอาจเป็นกลูโคสที่จะสะสมอยู่ในกล่ามเนื้อเองหรืออาจส่งมาจากส่วนอื่นของร่างกายที่ผ่านมาทางกระแสเลือดก็ได้และในขั้นตอนการเปลี่ยนกลูโคสเป็นพลังงานนั้นต้องอาศัยออกซิเจนจากเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ผ่านมาตามระแสเลือดด้วย