Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติข…
การใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ใหญ่ที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับความผิดปกติของสมอง และไขสันหลัง
โรคติดเชื้อทางระบบประสาท
เยื้อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
สาเหตุ
ติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ Meningococci (Neisseria meningitis), Pneumococci (Strepococcus pneumonia), และ Haemophilus influenzae
การบาดเจ็บของสมอง
การติดเชื้อในร่างกาย
การติดเชื้อหลังผ่าตัดสมอง
การติดเชื้อในเยื้อหุ้มสมอง
การฉีดยาเข้าทางไขสันหลัง
อาการ
คอแข็ง (Stiff neck)
Brudzinski’s sign
Kernig’s sign
มีไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น N/V
การวินิจฉัย
ตรวจ CSF
น้ำไขสันหลังสีขุ่น
Gram stain พบ 70 – 80 %
ความดันของ CSF สูงขึ้นปานกลาง
ค่าโปรตีนใน CSF สูงขึ้น
ค่ากลูโคสใน CSF ลดลง
WBC มากขึ้น และมี Polymorphonuclear lukocyte เด่นชัด
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะช็อคจากการติดเชื้อ (Septic shock)
ความดันในกะโหลกศีรษะสูง (IICP)
สมองบวมน้ำ (Brain swelling)
Hydrocephalus
การรักษา
1.ให้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ได้แก่ Cephalosporins, Rifampicin และ Vancomycin โดยให้อย่างน้อย 10 วัน
2.รักษาสมดุลของสารน้ำ และอิเล็กโทรไลด์
3.ประเมินอาการทางระบบประสาท
4.เฝ้าระวังอาการชัก
ฝีในสมอง (Brain Abscess)
สาเหตุ
การลุกลามของการอักเสบบริเวณใกล้เคียง เช่น หู Nasal sinus, Mastiod sinus, หัวใจ, ปอด และอวัยวะอื่นๆ
เกิดหลังได้รับการผ่าตัดภายในกะโหลกศีรษะ
Streptococci, Enterobacteriaceae, Staphylococci และ Toxoplasma (ในผู้ป่วย HIV)
อาการ
มีไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ง่วงซึม สับสน
ความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ผิดปกติของระบบประสาทชั่วคราว เช่น อ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง พูดไม่ได้
การวินิจฉัย
CT
MRI
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะ ที่นิยมให้ คือ Penicillin
ให้ยาปฏิชีวนะร่วมกับการผ่าตัด
stereotactic
ไขสันหลังอักเสบ (Myelitis)
สาเหตุ
เป็นปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองที่พบในโรคติดเชื้อ โรคภูมิต้าน ตนเอง มะเร็ง และฉีดวัคซีน นอกจากนี้ยังอาจเกี่ยว ข้องกับการขาดเลือดไปเลี้ยงประสาทไขสันหลัง
อาการ
แรกเริ่มมีอาการชาและอ่อนแรงที่ปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง
ปวดหลังแบบเฉียบพลัน
หลังจากนั้นขาจะอ่อนแรงลงเรื้อยๆ จนกระทั่งเป็นอัมพาต
การวินิจฉัย
เอกซเรย์ LP MRI
การรักษา
รักษาตามอาการร่วมกับการทำกายภาพบำบัด
บางรายแพทย์อาจพิจารณาให้สตีรอยด์ เช่น เพร็ดนิโซโลน ขนาดสูงภายใน 2-3 สัปดาห์แรก เพื่อลดการอักเสบ
เนื้องอกสมอง (Brain Tumors)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
พันธุกรรม (Genetic)
สิ่งแวดล้อม (Environment) เช่น สารเคมี
บาดเจ็บที่ศีรษะ (Head trauma)
การฉายรังสี (Radiation)
เชื้อไวรัส (Virus)
เคมีบำบัด (Immunosuppressant)
อาการ
อาการสูญเสียหน้าที่ของสมองบางส่วน (Focal Neurological Deficit)
ปวดศีรษะ การเพิ่มความดันในกะโหลกศีรษะ
ความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ชัก
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนผิดปกติ เมื่อมีเนื้องอกต่อมใต้สมอง(Pituitary)
อาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง (Tumor TIA, Stroke like)
การวินิจฉัย
การซักประวัติและตรวจร่างกาย
การตรวจพิเศษ
CT-scan
MRI
การรักษา
ผ่าตัดรักษา
รังสีรักษา
เคมีบำบัด
ยา:Steroid ลดภาวะบวมของสมองได้ดี
โรคไม่ติดเชื้อทางระบบประสาท
ปวดศีรษะ (Headache)
Tension Headache
อาการ
รู้สึกเหมือนมีเชือกมารัด โดยไม่ผ่อนคลายเลย
กล้ามเนื้อของคอด้านหลังแข็งตึง
ความรุนแรงไม่สม่ำเสมอ ปวดนานมากกว่า 15 วันใน 1เดือน
Cluster Headache
อาการ
ปวดรอบกระบอกตา เป็นๆหายๆ ติดต่อกันนานตั้งแต่ 15 นาที ถึง 3 ชั่วโมง
อาจมี Honner’s sysdrome คือ รูม่านตามเล็ก เยื่อตาขาวสีแดง น้ำมูก น้ำตาไหล
อาการจะมากขึ้น เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ หรืออากาศเปลี่ยนแปลงกระทันหัน พบในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง
การรักษา
ให้ยา Prednisone, Lithium methysergide, Ergotamine และ Verapamil
ให้ออกซิเจน mask 9 liter/min หรือสูดดมออกซิเจน 100% นาน 15 นาที
หยอด Lidocaine ชนิด 4% topical หรือ 2% viscous ทางจมูก
Migraine Headache
สาเหตุ
หลอดเลือดหดตัวทำให้ขาดเลือดขึ้นไปสมอง
ยาลดความเครียด การอดอาหารหรือกินอาหารที่มีสาร Tyramine
อาการ
ปวดศีรษะข้างเดียว ซึ่งเป็นด้านตรงข้ามกับข้างที่มีพยาธิสภาพ
ปวดแบบตุ๊บๆ และเห็นเส้นเลือดเต้น
กลัวแสง/เสียง เบื่ออาหาร N/V
มีอาการเตือนทางตามาก่อนปวดศีรษะ 20 นาที เช่น เห็นแสงวูบวาบ
อาการอื่นที่อาจพบร่วมด้วย 12 – 24 ชั่วโมง ก่อนมีอาการ เช่น สบายมากเกินปกติ เคลิบเคลิ้ม อ่อนล้า หาว อยากกินของหวาน
อาการปวดจะหายภายใน 4 – 72 ชั่วโมง
การรักษา
จัดสิ่งแวดล้อมที่สงบ ไม่มีแสงมาก
ให้ยา Aspirin หรือ Paracetamol
หากไม่ได้ผล พิจารณาให้ยา Butalibital, Caffeine, Ibuprofen, Naproxan, Isometheptene compound ทางปาก
โรคลมชัก (Epilepsy)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
เกิดจากการขัดขวาง Neuron cell membrane
บาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง
มีการทิ่มแทงเข้าไปในเนื้อสมอง (50%)
พิการของสมองตั้งแต่เกิด
การเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาท
ชนิดของการชัก
ชักเฉพาะที่ (Partial seizure)
ไม่หมดสติ (Partial seizure with on loss of consciousness)
อาการผิดปกติของการเคลื่อนไหว (Motor manifestation) : กระตุกที่ใดที่หนึ่ง
อาการผิดปกติของการรับรู้ (Somatosensory manifestation) : ชา เจ็บ เห็นแสงวูบวาบ
อาการผิดปกติของการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ (Autonomic manifestation) : แน่นท้อง ใจสั่น เหงื่อออก
อาการผิดปกติของจิตใจ
แบบซับซ้อน (Complex partial seizure)
การเคลื่อนไหวที่ไม่รู้สึกตัว (Complex partial seizure with Automatisms) : เม้มปาก เคี้ยว
นำไปสู่การชักทั้งตัว (Partial seizure evolving to secondary generalized seizure) : อาการชัดเริ่มจุดใดจุดหนึ่งและลามไปทั้งตัว
ชักทั้งตัว (Generalized seizure)
Absence seizure : เกิดในวัยเด็กและวันรุ่นตอนต้น มีอาการหมดสติไปชั่วครู่ จ้อง เหม่อ นิ่ง
. Myoclonic seizure : เป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อ กลุ่มเดียวหรือหลายกลุ่ม
Clonic seizure : เป็นการชักที่มีการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อเป็นจังหวะ
Tonic seizure : เป็นการชักแบบเกร็งทั้งตัว
Tonic – Clonic seizure (Grand mal)
การวินิจฉัย
ซักประวัติ-ตรวจร่างกาย
การตรวจพิเศษ
CT Scan
Electroencephalography (EEG)
MRI
การรักษา
การป้องกันอันตรายระหว่างชัก
ทำทางเดินหายใจให้โล่ง
ป้องกันอันตรายจากการบาดเจ็บ
สังเกตลักษณะการชัก
ให้ยากันชักตามแผนการรักษา เช่น Phenytoin, Barbiturates, Valpoate sodium
การผ่าตัด (25%) จะพิจารณาทำในกรณีที่รักษาด้วยยาไม่ดีขึ้น เช่น Corpus callosotomy, Temporal lobectomy, Hemispherectomy
โรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease)
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
ร่างกายขาดสารโดปามีนในสมอง
การเสื่อมและตายไปของเซลล์สมอง
อาการ
อาการสั่น(tremor)
กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง (rigidity)
เคลื่อนไหวช้า (brady kinesia)
อาการทรงตัวลำบาก (postural instability)
อาการอื่น ๆ เช่น เสียงพูดเครือ ๆ เขียนตัวหนังสือยากขึ้น การกลอกตากระตุก น้ำลายไหล
การรักษา
การใช้ยา
ยาที่ช่วยชะลออาการ (neuroprotective therapy) เช่น ยา elegiline (Deprenyl) จะใช้บ่อยมักใช้ควบคู่ไปกับยา Levodopa
รักษาตามอาการ ได้แก่ anticholinergic , Levodopa
การทำกายภาพบำบัด
การผ่าตัดสมอง
การรักษาโดยการฝังเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในสมอง เรียกว่า deep brain stimulation (DBS)
Alzheimer's
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
อายุ พบส่วนมาก 65 ปีขึ้นไป
พันธุกรรม
ป่วยด้วยโรคดาวน์ซินโดรมหรือพากินสัน (Down's syndrome/ Parkinson's disease)
พยาธิสรีรวิทยา
สมองเหี่ยวและมีน้ำหนักลดลง ร่องสมอง(succus) และ ventricle กว้างขึ้นและยังพบว่า acetylcholine ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทในสมองที่ทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้น มีปริมาณลดลง
อาการและอาการแสดง
อาการทางเชาวน์ปัญญา (cognitive aspect)
พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงร่วมกับอาการทางจิต (behavioural and psychological symptom of dementia)
การวินิจฉัยโรค
ซักประวัติจากญาติที่ดูแล
ตรวจร่างกาย
ตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ตรวจเลือด
ตรวจพิเศษ เช่น เอ็กซเรย์สมองด้วยคอมพิวเตอร์, คลื่นแม่เหล็ก (MRI)
กาารักษา
การทำกายภาพบำบัด การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม
ให้ยาสามารถช่วยลดความกังวล ได้แก่ tacrine (Cognex),donepezil hydrochloride (Aricept)
โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง
Myasthenia Gravis (MG)
พยาธิสรีรวิทยา
ความผิดปกติที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับต่อมไทมัส สร้างแอนติบอดี้มาทำลายตำแหน่งรับสารสื่อประสาท (acetylcholine receptor: AchR) ตรงรอยต่อระหว่างเส้นใยประสาทและกล้ามเนื้อ (neuromuscular junction) ทำให้มีระดับสารสื่อประสาท acetylcholine ลดลง
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง
เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของกล้ามเนื้อ
Autoimmune หรือ ภูมิต้านทานที่เกิดกับอวัยวะของตัวเอง
คนที่มีต่อมไทมัส (thymus gland) โต
อาการและอาการแสดง
หนังตาตก (ptosis) ,พูดอ้อแอ้ กลืนลำบาก พูดเสียงขึ้นจมูก หรืออาจมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ร่วมด้วย ถ้าเป็นรุนแรงก็อาจทำให้กล้ามเนื้อช่วยหายใจเป็นอัมพาต หยุดหายใจตายได้
การวินิจฉัยโรค
ประวัติการเจ็บป่วย
ตรวจร่างกาย อาการและอาการแสดง
ทดสอบโดยการฉีดนีโอสติกมีน(Neostigmine) 1.5 มิลลิกรัม เข้าใต้หนัง หรือฉีดเทนซิลอน(Tensilon) 10 มิลลิกรัม เข้าหลอด เลือดดำ ซึ่งจะทำให้อาการดีขึ้นถ้าเป็นโรคนี้
ตรวจพิเศษอื่นๆ ได้แก่ CT-scan หรือ MRI
การรักษา
การให้Anticholinesterase ได้แก่ เมสตินอล (Mestinon) หรือ พรอสติกมิน (Prostigmin)
คอร์ติโคสตีรอยด์
รายที่ตรวจพบว่ามีต่อมไทมัสโตร่วมด้วย อาจต้องผ่าตัดเอาต่อมไทมัสออก (thymectomy
การเปลี่ยนพลาสม่า (plasmapheresis)
Guillain- Barré syndrome (GBS)
สาเหตุ
การติดเชื้อโดยเฉพาะเชื้อไวรัส
การติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ
การติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร
คางทูม หัด อีสุกอีใส
ภายหลังการได้รับวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่
พยาธิสรีรวิทยา
เกิดจากปฏิกิริยาการตอบสนองทางภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นภายหลังมีการติดเชื้อ โดยเฉพาะการติดเชื้อไวรัส จะกระตุ้นปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันแบบเฉพาะเจาะจง ทำลายเชื้อโรคแล้วยังมีผลทำลายปลอกหรือเยื่อหุ้มมัยอีลิน (myelin sheath) ที่อยู่รอบๆ เส้นประสาท ทำให้ความสามารถในการส่งผ่านสัญญาณประสาทบกพร่องหรือไม่สามารถส่งผ่านสัญญาณประสาทไปยังกล้ามเนื้อที่ใช้ในการเคลื่อนไหวได้ ส่งผลทำให้เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
อาการและอาการแสดง
อาการทางด้านประสาทรับความรู้สึก เริ่มมีอาการชาเหน็บ (Tingling) และเจ็บโดยเฉพาะปลายแขนขา หลังจากนั้น 1-4 วัน จะมีอาการปวด และกดเจ็บของกล้ามเนื้อ แล้วจึงมีอาการอ่อนแรงตามมา
อาการของกล้ามเนื้ออ่อนแรง เริ่มด้วยขา อ่อนแรง เดินลำบาก อาการอ่อนแรงจะลุกลามอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการลุกลามไปยังกล้ามเนื้อที่ช่วยในการหายใจ มักจะทำให้เกิดปัญหาการหายใจล้มเหลว
อาการลุกลามของประสาทสมอง ทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการกลืน พูด หายใจ มีอัมพาตของหน้า
อาการลุกลามของประสาทอัตโนมัติ
การวินิจฉัยโรค
ซักประวัติ
ตรวจร่างกาย
ตรวจทางห้องปฏิบัติการและอื่นๆ
เจาะหลัง
กาารตรวจนำไฟฟ้าของกล้ามเนื้อ
การตรวจการนำไฟฟ้าของเส้นประสาท
การรักษา
เน้นการรักษาตามอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ภาวะการหายใจล้มเหลว การติดเชื้อ
การช่วยหายใจในผู้ป่วยที่มีภาวะการหายใจล้มเหลว
การให้ยากลุ่มสตีรอยด์
การเปลี่ยนถ่ายพลาสม่า (plasmapheresis)
Multiple sclerosis (MS)
พยาธิสรีรวิทยา
โรคนี้จะกระจัดกระจายอยู่ใน CNS มีการทำลายของ Myelin nerve axon sheaths และบางครั้ง axon ก็ถูกทำลายด้วย ทำให้การส่งกระแสประสาทขาดช่วงเป็นระยะๆ บริเวณที่เกิดการเปลี่ยนแปลงกระจายเป็นหย่อมๆ จะเกิดตำแหน่งไหนไม่แน่นอน ทำให้อาการแสดงไม่แน่นอนด้วย
สาเหตุ
1.ภูมิคุ้มกัน
2.การอักเสบติดเชื้อจากไวรัสอย่างช้า ๆ
3.กรรมพันธุ์
4.สภาพแวดล้อมยังม่ทราบปัจจัยที่แน่นอน
อาการและอาการแสดง
แขนขาอ่อนแรง พูดตะกุกตะกัก (dysarthria) ลูกตากระตุก (nystagmus) อาการสั่นเมื่อตั้งใจ (intention termor) การรับความรู้สึกผิดปกติรวมถึงอาการชาและอาการเสียวแปลบของแขนขา ลำตัวหรือใบหน้า
การวินิจฉัยโรค
จากอาการเฉพาะที่ทางคลินิคที่ปรากฎให้ชัดเจน
การเจาะหลังพบ ระดับ grammar globulin ในน้ำไขสันหลังมีค่าสูง รวมทั้งโปรตีนและเม็ดเลือด
CT scan จะพบการเปลี่ยนแปลง ฝ่อลีบ หรือเหี่ยว
การตรวจคลื่นสมอง อาจพบความผิดปกติได้
การรักษา
การให้ ACTH(adrenocorticotrophic hormone), Prednisolone, Dexamethasone เพื่อลดภาวะบวมของมัยอิลิน
การรักษาทางยา ส่วนใหญ่แพทย์จะให้ยาลดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
ให้ยาลดสภาพของอารมณ์ที่ไม่มั่นคง เช่น Diazepam
การทำกายภาพบำบัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เดินออกกำลังกายปกติ และการเดินออกกำลังกายในสระน้ำเพื่อการบำบัด
ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง (Increased intracranial pressure)
ผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพที่สมอง เช่น เนื้องอกสมอง หรือภายหลังได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ มีแนวโน้มที่จะเกิด ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูงภายใน 24-72 ชั่วโมงแรก และมีโอกาสเกิดได้สูงสุดใน 6 ชั่วโมงแรก หลังผ่าตัด
ปัจจัยส่งเสริมให้เกิด IICP
cerebral autoregulation สูญเสียไป
ภาวะคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูง (>45); vasodilatation - เนื้อเยื่อสมองมีเลือดไปเลี้ยงลดลง; ท่านอนไม่เหมาะสม - ภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ (<60)
ภาวะการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อสมอง
Clinical Manifestations IICP
ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
Cushing's triad
ความสามารถในการเคลื่อนไหวลดลง มี decorticate, decerebrate
อาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะมาก อาเจียนพุ่ง* รูม่านตาบวม (papilledema)
อาการระยะท้าย; coma หยุดหายใจหรือหายใจแบบ Cheyne- strokes
Assessment
1.ซักประวัติ
2.ตรวจร่างกาย : ประเมินระดับความรู้สึกตัว (LOC) , Glasgow Coma Scale (GCS),Vital signs ,pupil reaction, size, conjugate
การบาดเจ็บไขสันหลัง (Spinal cord injuries)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
การบาดเจ็บ (Trauma)
ความผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากการบาดเจ็บ (Non-traumatic disorders)
กลไกการบาดเจ็บไขสันหลัง
การบาดเจ็บแบบงอ (Flexion injury)
การบาดเจ็บท่าแหงนคอมากกว่าปกติ (Hyperextension injury)
การบาดเจ็บท่างอ และหมุน (Flexion with rotation injury)
การบาดเจ็บแบบยุบจากแรงอัด (Compression injury)
การบาดเจ็บแบบ Penetrating injury
ประเภทของการบาดเจ็บไขสันหลัง
บาดเจ็บไขสันหลังชนิดสมบูรณ์ (Complete cord injury) ไขสันหลังสูญเสียหน้าที่ทั้งหมด ควบคุมกล้ามเนื้อหูรูดรอบทวารหนักไม่ได้ อัมพาตอย่างถาวร
บาดเจ็บไขสันหลังชนิดไม่สมบูรณ์ (Incomplete spinal cord injury) สามารถขมิบรอบๆ ทวารหนักได้
การประเมินการบาดเจ็บไขสันหลัง
1.การซักประวัติ
การตรวจร่างกาย ใช้หลัก ABCDE
การตรวจทางรังสีวิทยา
3.1 Plain film เป็นการตรวจคัดกรองที่สำคัญ 3.2 Computed tomography scan (CT)
3.3 Magnetic resonance imagine (MRI)
การดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลังระยะเฉียบพลัน
Breathing
Circulation (keep MAP ≥ 85 mmHg)
ให้สารน้ำเริ่มต้นเป็น 0.9% NSS
ให้ยา Vasopressin
3.การให้ยา
High-dose Methyprednisolone
กลุ่ม H2 antagonist และ Proton Pump Inhibitor (PPI) - ยาบรรเทาอาการปวด
การดูแลระบบทางเดินหายใจ
การดูแลระบบทางเดินอาหาร และการขับถ่ายอุจาระ
การดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความอบอุ่นเพียงพอ จัดหาเตียงที่เหมาะสม
Spinal shock
ภาวะที่ไขสันหลังหยุดทำงานชั่วคราวภายหลังได้รับบาดเจ็บ เนื่องจาก ไขสันหลังที่ได้รับบาดเจ็บใหม่ ๆ จะบวมมาก ใยประสาทจึงหยุดทำงานชั่วคราว เมื่อยุบบวมใยประสาท จึงกลับมาทำงานได้ปกติ
อาการสำคัญ
อวัยวะที่อยู่ต่ำกว่าระดับไขสันหลังได้รับบาดเจ็บจะเป็นอัมพาตแบบอ่อนปวกเปียก (flaccid paralysis)
ความดันโลหิตต่ำ (hypotension)
ไม่มีรีเฟล็กซ์ (areflexia) โดยเฉพาะรีเฟล็กซ์ที่สำคัญ คือ bulbocarvernous reflex
ผิวหนังเย็นและแห้ง
อวัยวะเพศชายขยายตัว (priaprism)
คัดจมูกเนื่องจากหลอดเลือดในโพรงจมูกขยายตัว (Guttmann’s sign)