Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมการเเพร่กระจายเชื้อ, นางสาวกัญญารัตน์…

- - - - 1.ฝ่ามือถูกัน
      - 2.ฝ่ามือถูหลังมือและนิ้วถูซอกนิ้ว
      - 3.ฝ่ามือถูฝ่ามือและนิ้วถูซอกนิ้ว
      - 4.หลังนิ้วถูฝ่ามือ
      - 5.ถูนิ้วหัวแม่มือโดยรอบด้วยฝ่ามือ
      - 6.ปลายนิ้วถูขวางฝ่ามือ
      - 7.ถูรอบข้อมือ
    - - ใช้เวลา ประมาณ 15-25 วินาที แต่หากต้องการให้เกิดประสิทธิภาพในการฆ่าเชอไวรัสต้องใช้เวลาในการฟอกนาน 30 วินาที
    - - ฟอกอย่างทั่วถึงตามการล้างมิือแบบธรรมดา เวลาไม่น้อยกว่า 30 วินาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาดและซับให้แห้ง
    - - ล้างมือด้วยสบู่เหลวทำลายเชื้อและใช้แปรงที่ปราศจากเชื้อแปรงมือและเล็บ แล้วฟอกมือและเเขนถึงศอก 5นาที ครั้งต่อไป 3-5 นาที่ ล้างน้ำสะอาดและซับด้วยผ้าแห้งปราศจากเชื้อ
  - - - ป้องกันและควบคุมเชื้อโรค
      - ป้องกันเชื้อโรคจากผู้อื่นไปสู่ผผู้ป่วย
      - ป้องกันเชื้อจากผู้เป็นพาหะไปสู่ผู้อื่น
    - - หยิบจับของปลอดเชื้อ
      - ทำหัตถการ การผ่าตัด
      - ป้องกันการติดเชื้อไปยังผู้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  - - - ล้างมือให้สะอาดก่อน หลังใช้
      - สวมใส่ให้กระชับใบหน้า ไม่ระคายเคืองบริเวณตา
      - หลีกเลี่ยงใช้มือสัมผัสผ้าปิดปากแลละจมูกขณะสวมใส่
      - ระยะเวลาในการใช้้ไม่ควรเกิน 20-30 นาที
  - - - Direct Contact การสัมผัสโดยตรงระหว่างคนกับคน
      - Indirect Contact สัมผัสทางอ้อม โดยผ่านจากสิ่งแวดล้อมและเครื่องมือที่ไม่ปราศจากเชื้อ
      - Droplet Contact การสัมผัสผ่านละอองเสมหะ ระยะไม่เกิน 3 ฟุต
      - แยกผู้ป่วยไว้ในห้องและปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรืออกจากห้องผู้ป่วย
      - สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อสัมผัสผู้ป่วยทั้งบุคลากรและญาติ
      - ล้างมือแบบ hygienic handwashing
    - - แยกผู้ป่วยไว้ในห้องและปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรืออกจากห้องผู้ป่วย
      - ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยต้องใส่ผ้าปิดปาก จมูก ชนิด N95
      - สวมถุงมือชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทุกครั้งที่สัมผัสผู้ป่วย
      - ล้างมือแบบ hygienic handwashing
      - ให้ผู้ป่วยผ้าปิดปาก จมูก เวลาไอจาม
      - ถ้ามีความจำป็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องใส่้าปิดปาก จมูก
    - - แยกผู้ป่วยไว้ในห้องแยกพิเศษ ปิดห้องผู้ป่วยทุกครั้งหลังเข้าหรือออก
      - ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยจะต้องใส่ผ้าปิดปาก จมูก ชนิด N95
      - สวมถุงมือชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง ทุกครั้งที่สัมผัสผู้ป่วย
      - ล้างมือแบบ hygienic handwashing
      - ถ้ามีความจำป็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ต้องใส่้าปิดปาก จมูก
      - ให้ผู้ป่วยผ้าปิดปาก จมูก เวลาไอจาม
  - - - ป้องกันการเเพร่กระจายโรคติดต่อ
      - ป้องกันการติดต่อโรคจากผู้ป่วย
      - ป้องกันการซ้ำเติมโรคผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ
      - เพื่อทำลายเชื้อโรค ที่เป็นตัวทำให้เกิดโรค
    - - การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ
      - การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร
      - การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางบาดแผลและผิวหนัง
      - การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงและติดต่อง่าย
      - การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางเลือดและน้ำเหลือง
      - การแยกผู้ป่วยในรายที่สงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อ
      - การแยกผู้ป่วยในรายที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง
- - - - ทำลายเชื้อได้ดีแต่ไม่ทำลายสปอร์
      - อาจทำให้เครื่องมือโลหะเกิดสนิม
    - - ทำลายเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส รา ในเวลา 10 นาที
      - ทำลายสปอร์แบคทีเรียได้ใน 10 ชั่วโมง
      - ข้อเสีย
        
        ระคายเคืองผิวหนัง ทางเดินหายใจ ตา
        
        ราคาแพง
    - - สารที่ใช้คือ chlorhexidine
      - ความเข้มข้นต่ำกว่า 0.2% ไม่สามารถทำลายแบคทีเรียแกรมบวก เชื้อไวรัส เชื้อรา และสปอร์ของแบคทีเรียได้
    - - ทำลายเชื้อโรคได้ต่างกันตามความเข้มข้นของน้ำยา
        Hypochlorite และ Iodine
      - เช่น : ไอโอดีน ไฮเตอร์
      - ข้อเสีย : กลิ่นเหม็น โลหะเป็นสนิม ระเหยง่าย
      - เก็บในภาชนะทึบแสง ห้ามผสมกับกรด และฟอร์มาลิน
    - - ทำลายเชื้อโรครวมทั้งไวรัสโดยใช้ Hydrogen peroxide 6%นาน 30 นาที
    - - ทำลายเชื้อแบคทีเรีย เชื้อวัณโรคเชื้อรา
        **ยกเว้น เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และสปอร์ของแบคทีเรีย**
      - ไม่ควรใช้กับทารกแรกเกิด
    - - มีฤทธิ์ทำลายเชื้อน้อย
      - savlon ใช้กับเครื่องมือต่าง ๆ ที่ต้องสัมผัสกับร่างกาย
- - - - แสงอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นแสงสีม่วง สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสบางชนิด แต่ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสเอดส์
      - เชื้อวัณโรคเมื่อถูกแสงแดดจะถูกทำลายภายใน 1-2 ชั่วโมง
      - ในการทำลายเชื้อจะใช้เวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง
    - - เหมาะกับของมีคม แต่ไม่เหมาะที่จะให้กับเครื่องผ้าและยาง
      - ใช้ Hot air oven
      - ทำลายเชื้อโดยใช้ความร้อนแห้งที่อุณหภูมิ 165-170 องศาเซลเซียส
        ระยะเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง
    - - เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
      - เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทนความร้อนและความชื้น มีผิวเรียบแข็ง เช่น เครื่องมือผ่าตัด ภาชนะที่ทำด้วยสแตนเลส
      - ไม่เหมาะสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทนความร้อนสูงไม่ได้
  - - - สามารถทำลายได้ทั้งไวรัส แบคทีเรียรวมทั้งสปอร์ของแบคทีเรีย
      - ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเครื่องมือเครื่องใช้อบก๊าซไว้ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมง
      - จะต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 5 วัน หรือใช้เวลา 8 ชั่วโมงภายใต้อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส เพื่อให้ก๊าซระเหยออกก่อนนำไปใช้มิฉะนั้น อาจทำให้ผิวหนังไหม้ได้
    - - Glutaraldehyde เช่น Cidex เป็นสารเคมีที่ใช้มากที่สุดในการทำให้ปราศจากเชื้อมีประสิทธิภาพในการ
      - ทำลายเชื้อและสปอร์ของแบคทีเรีย เป็นสารที่ไม่ทำลายยางหรือพลาสติก
    - - Peracetic Acid เพื่อทำให้ปลอดเชื้อจะต้องใช้เวลารวดเร็วคือ 35-40 นาที ที่อุณหภูมิ 50-55 องศาเซลเซียส โดยจะต้องล้างน้ำยาออกให้หมดและทำให้แห้งด้วย
      - เช่น กล้องส่องตรวจต่างๆ
  - - - เมื่อหยิบปากคีบออกจากภาชนะที่แช่ ต้องระวังไม่ให้ปากคีบแยกออกจากกัน และป้องกันมิให้ปลายปากคีบถูกกับปากภาชนะ และรอให้น้ำยาหยดออกให้หมดสักครู่
      - 2.ถือให้ปลายปากคีบอยู่ต่ำ เพื่อมิให้น้ำไหลไปสู่บริเวณที่ไม่ปราศจากเชื้อ
      - 3.ระวังมิให้ปากคีบถูกต้องกับภาชนะอื่น ๆ
      - 4.เมื่อใช้ปากคีบเสร็จแล้วให้จับตรงกลางด้ามให้ปลายชิดกัน แล้วใส่ลงในกระปุกตรง ๆ
    - - 1.เมื่อเปิดฝา ถ้าต้องการจะวางกับโต๊ะให้หงายฝาขึ้น ไม่ให้ขอบฝาสัมผัสกับโต๊ะ ถ้าถือไว้ให้คว่ำฝาลง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากอากาศตกลงไป
      - 2.ห้ามเอื้อมข้ามของ sterileที่เปิดฝาไว้และห้ามจับด้านในของฝา
      - 3.ของที่หยิบออกไปแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้ ก็ไม่ควรนำเข้าไปเก็บในหม้อนั้นอีก
  - - - 1.ปากคีบปลอดเชื้อ การถือปากคีบปลอดเชื้อควรถือให้สูงกว่าระดับเอวและปลายปากคีบชี้ลงเสมอ
      - 2. การเทน้ำยาปลอดเชื้อ แอลกอฮอล์ 70% ให้ถือขวดน้ำยาสูงกว่าภาชนะปลอดเชื้อประมาณ 6 นิ้ว ปากขวดต้องไม่สัมผัสกับของใช้หรือภาชนะรองรับ
      - 3.หลีกเลี่ยงการทำน้ำยาหกเปื้อนผ้า ห่อของปลอดเชื้อ จะทำให้อุปกรณ์ที่อยู่ในผ้าห่อเกิดการปนเปื้อน
      - หลีกเลี่ยงการพูดคุย ไอ จาม หรือข้ามกรายของปลอดเชื้อ
      - 5 .อุปกรณ์ทางการแพทย์ทุกชนิดที่จะสอด/ ใส่ผ่านผิวหนังเข้าไปในร่างกายผู้ป่วยจะต้องปลอดเชื้อ
      - 6 .การเทน้ำยาหรือวางของปลอดเชื้อไม่ควรชิดขอบด้านนอกของภาชนะ
      - 7 การเปิดห่อผ้าของปลอดเชื้อ ให้จับมุมบนสุดของผ้าเปิดไปทางด้านตรงกันข้ามกับผู้ทำ ต่อมาเปิด 2 มุมผ้าด้านข้าง ซ้าย-ขวาก่อน สุดท้ายจึงจับมุมผ้าด้านในสุดของห่อผ้าเปิดออกโดยไม่ข้ามกรายของปลอดเชื้อ
  - - - สำรวจป้ายชื่อห่อของให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้
      - วางห่อของบนโต๊ะที่สะอาดสูงระดับเอว โดยให้มุมนอกสุดของห่อของอยู่ไกลตัว
      - แกะเทปกาว ป้ายชื่อห่อของที่ระบุวันนึ่ง และ Autocave tape ออก
      - จับมุมผ้าด้านนอก ห่างขอบประมาณ1 นิ้ว เปิดมุมแรกออกไปทางด้านตรงข้ามกับผู้เปิด
- - - - เช่น Staphylococcus aureus
    - - เป็นแหล่งที่ทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและมีการขยายตัว
    - - ทางเดินอาหาร
      - ทางเดินปัสสาวะ
      - อวัยวะสืบพันธุ์
      - ทางเดินหายใจ
      - เลือด
      - ผิวหนัง
    - - อากาศ
      - อาหารและน้ำ
      - สัมผัสโดยตรงกับคน
      - วัตถุต่างๆ
      - แมลงและสัตว์
      - บุคคลที่มีเชื้อโรค
    - - ความเครียด
      - ภาวะโภชนาการ
      - อ่อนเพลีย
      - ภูมิแพ้
    - - เมื่อเชื้อโรคออกจากแหล่งของเชื้อโรคแล้วจะทำให้เกิดโรคได้ โดยการหาทางเข้าไปในร่างกายมนุษย์ใหม่