Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ, นางสาว พูนศิริ คำพันธ์ …
บทที่ 5 ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
ปัญหาสุขภาพระบบกระดูกและฮอร์โมนในผู้สูงอายุ
ข้อเสื่อม Osteoarthritis: OA
โรคข้อเสื่อมสภาพ Degenerative Joint disease DJD เป็นภาวะเสื่อมของกระดูกอ่อนผิวข้อ แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค เข่น อายุมากขึ้น พันธุกรรม การได้รับบาดเจ็บของข้อ การมีโครงสร้างข้อเข่าที่ผิดปกติหรือผิดรูปร่าง ทำให้เพิ่มแรงกระทำต่อกระดูกอ่อนผิวข้อ เยื่อบุผิวข้อ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่กระดูกชั้นใต้กระดูกอ่อน
ชนิดของโรคข้อเสื่อม
ข้อเสื่อมชนิดปฐมภูมิ/ชนิดไม่ทราบสาเหตุ Primary osteoarthritis
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของอายุครอบครัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคข้อเสื่อมชนิดไม่ทราบสาเหตุ
ข้อเสื่อมชนิดทุติยภูมิ Secondary osteoarthritis
เป็นชนิดที่สามารถค้นหาสาเหตุของโรคได้ มักเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิง จากหลายสาเหตุได้แก่ การได้รับบาดเจ็บ การอักเสบจากการประกอบอาชีพ
พยาธิสรีรวิทยา
Pathophysiology
โดยกระดูกอ่อนมีลักษณะเรียบเงาสีขาวมีคุณสมบัติยืดหยุ่นช่วยกระจายแรงกด เซลล์กระดูดอ่อน (Chondrocytes) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของกระดูกอ่อนจะมีการปรับรูปร่างอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นทั้งที่กระดูกอ่อนผิวข้อ (articular cartilage) และกระดูกใต้กระดูกอ่อน (subchondral bone) เมื่อกระดูกอ่อนผิวข้อเสื่อม จัมีลักษณะสีเหลืองขุ่น ผิวขรุขระมีรอยแตก กระดูกอ่อนหลุดลุ่ย บางครั้งเศษกระดูกที่หลุดเข้าไปในน้ำไขข้อ (Synovial fluid) มีผลให้เยื่อบุข้อ อักเสบ ทำให้ขัดขวางการเคลื่อนไหวของข้อ และมีอาการปวดตามมา
การวินิจฉัย
อาการ/อาการแสดง
ได้แก่ ปวด และผิวข้อติด/ข้อยึด(stiffness) เกิดมากขึ้นเมื่อทำกิจกรรม และอาการจะลดลงเมื่อพัก มีเสียงดังภายในข้อกดเจ็บ เล็กน้อย การเคลื่อนไหวข้อลดลง
การรักษา
การรักษาที่ไม่ใช้ยา
การให้ความรู้เรื่องโรคและการดูแลรักษา การลดน้ำหนัด การออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อรอบข้อให้แข็งแรง โดยเฉพาะข้อเข่าเสื่อมการบริการกล้ามเนื้อต้นขา Quadriceps muscle ช่วยชะลอการดำเนินโรคได้
การรักษาที่ใช้ยา
ลดอาการปวดและการอักเสบของข้อ ได้แก่ พาราเซตามอล นยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช้สเตียรอยด์ ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ ยาทาฌฉพาะที่ ยาฉีดคอร์ติโคสเตียรอยด์
การผ่าตัด
จะทำในผู้ที่ให้การรักษาแบบประคับประคองไม่ได้ผล
กิจกรรมการพยาบาล
1,ให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุให้เข้าใจธรรมชาติของโรค
2.พักการใช้ข้อ โดยเฉพาะในระยะที่มีการอักเสบเฉียบพลัน ร่วมกับประคบเย็นใน 24 ชม.แรก ที่มีอาการปวดบวมเฉียบพลัน หลังจากนั้นสามารถประคบเย็นได้
3.การใช้ยาในการรักษาตามอาการ เน้นบรรเทาอาการปวดและลดการอักเสบ
4.ป้องกันอันตรายต่อข้อ โดยการหลีกเลี่ยงการใช้งานข้อมากเกิดมากไป
5.ลดน้ำหนัก หากน้ำหนักมากเกินไป
6.การผ่าตัด จะทำให้ผู้ป่วยที่รักษาโดยวิธี Conservative treatment ไม่ได้ผล
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
(Total knee Replacement, Total Knee Arthroplasty: TKR,TKA)
การผ่าตัดเอาผิวข้อทั้งส่วนปลายต้นขา และส่วนบนของกระดูกหน้าแข้ง และแทนที่ด้วยผิวโลหะโดยมีแผ่นพลาสติกกั้น ชนิดเปลี่ยนเพียงด้านเดียวของผิวข้อ (Unicompartmental Knee Replacement) โดยเปลี่ยนผิวทั้งด้านต้นขาและกระดูกหน้าแข้งเฉพาะด้านที่มีอาการเสื่อม
ข้อดีของการผ่าตัดแบบนี้ คือ แผลเล็ก ทำให้การเจ็บปวดน้อยลง
ข้อห้ามในการผ่าตัดข้อเข่าเทียม
1.มีภาวะติดเชื้ออักเสบรุนแรงบริเวณข้อเข่า
2.มีแหล่งที่ติดเชื้ออักเสบเฉียบพลันในบริเวณอวัยวะส่วนอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้
3.มีการขาดหายไปของ extensor mechanism
4.มีเข่างอแอ่นไปทางด้านหลัง (recurvatum knee)
5.ผู้ป่วยที่ได้รับการเชื่อมข้อเข่าแล้วจนเข่าเชื่อมติดดีและไม่มีอาการเจ็บปวดแต่ต้องการเคลื่อนไหว
ระยะก่อนผ่าตัด
3.การบริหารพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อเข่า
4.การเดินลงน้ำหนักขาข้างที่รับการผ่าตัดขึ้นกับขนิดของข้อเทียม
2.Exercise calf pumping (การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดขอขา)
5.การเดินด้วยอุปกรณ์พยุงเดิน
1.Quadricep strengthening
6.การฝึกขึ้น ลงบันได
7.การสอนผู้ป่วยในการฝึกหายใจอย่างถูกวิธี (Breathing exercise)
ระยะหลังผ่าตัด
ระยะ 2-8 สัปดาห์หลังผ่าตัด
เน้นเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการเดินโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องพยุงเดิน ให้เดินโดยใช้ไม้เท้าพยุงได้มากขึ้น ค่อยๆเพิ่ม ครั้งละ 50-100 เมตร ฝึกการทรงตัว ฝึกการขึ้นลงบันไดด้วยตนเอง
ระยะ 8สัปดาห์-6เดือน หลังผ่าตัด
เน้นเพิ่มสมรรถภาพของร่างกายสามารถประกอบกิจกรรมต่างๆโดยไม่ต้องพึ่งพาบุคคลอื่น หรือสามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติ
ระยะ 5-7 วันหลังผ่าตัด
เน้นการเคลื่อนไหวของข้อเข่าและการประกอบกิจวัตรประจำวันโดยต้องพึ่งความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นน้อยที่สุด
กระดูกพรุน Ostreoporosis
เป็นโรคที่มีความผิดปกติทางเมตาบอลิซึมของกระดูก ส่งผลให้เสี่ยงต่อการหักของกระดูกแม้ได้รับแรงกระแทกไม่มาก เนื่องจากความแข็งแรงของกระดูกลดลง
ประเภทของ
Osteoporosis
มวลกระดูกต่ำ (Ostreopenia) มีค่า BMD อยู่ระหว่าง 1-2.5 SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้สูงอายุตอนต้น
กระดูกพรุน (Ostreoporosis) มีค่า BMD มากกว่า 2.5 SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ใหญ่ตอนต้น
ปกติ ค่า Bone mass density ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ใหญ่ตอนต้น ไม่มากกว่า 1 SD มีลักษณะโครงสร้างของกระดูกปกติ
กระดูกพรุนระดับรุนแรง (Severe ostreoporosis) มีค่า BMD มากกว่า 2.5 SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ใหญ่ตอนต้นและมีกระดูกหักจากความเปราะบางเกิดขึ้นอย่างน้อยหนึ่งแห่ง
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
การลดลงของระดับฮอร์โมน
การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การดื่มกาแฟ
พันธุกรรม/เชื้อชาติ
กิจกรรมการพยาบาล
3.การใช้ยาในการรักษา เช่น การได้รับฮอร์โมนทดแทนในผู้หญิงก่อนหมดประจำเดือน
4.การใช้ยาในการรักษา
2.การออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Aerobic weight bearing exercise) เป็นการออกกำลังกายที่ทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกทำงานต้านแรงโน้มถ้วงของโลก เช่น การเดิน วิ่งเหยาะๆ รำไทเก๊ก โยคะ
5.การลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การงดดื่มกาแฟ การงดสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่ม alcohol และการได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ
1.การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดี ผู้ที่ไม่สามารถบริโภคอาหารที่มีแคลเซียมได้ ควรได้รับยาเม็ดแคลเซียมเสริม ซึ่งมีหลายชนิด
6.ระวังการเกิดอุบัติเหตุ เช่น หกล้ม
7.การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก THA,THR โดย THA เป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกโดยใส่ข้อเทียมเข้าไปแทนที่ หรือเรียกว่า THR การทำผ่าตัดเพื่อให้ข้อสามารถใช้งานได้ตามปกติ
โรคเบาหวาน
ในผู้สูงอายุ
เป็นโรคทางเมตาบอลิซึมที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอันเนื่องมาจากความบกพร่องของตับอ่อนที่ไม่สามารถหลั่งฮอร์โมนอินซูลินให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ทำให้การเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตผิดปกติ
ชนิดของโรคเบาหวาน
Type 1
Insulin Dependent Diabetes Mellitus-IDDM ส่วนใหญ่เกิดจากมีการทำลายเบต้าเซลล์ของตับอ่อนทำให้เกิดการขาดอินซูลินโดยสิ้นเชิง ชนิดนี้มีอาการทางคลินิกที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน รวดเร็ว ส่วนมากเป็นในเด็กแต่สามารถพบได้ในทุกช่วงวัย ผู้ป่วยจำเป็นต้องฉีกอินซูลินตลอดชีวิต
Type 2
Non- Insulin Dependent Diabetes Mellitus-IDDM ชนิดนี้เกิดจากการขาดอินซูลิน แต่ไม่รุนแรงเท่าชนิดที่ 1 ร่วมกับภาวะดื้อต่อการออกฤทธิ์ของอินซูลินและมีการสร้างกลูโคสจากตับเพิ่มมากขึ้น มักมีอาการเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป การรับประทานยาเม็ดลดระดับน้ำตาลจะได้ผลดีโดยไม่จำเป็นต้อใช้อินซูลิน
Type 3
เบาหวานชนิดที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆซึ่งมีโอกาสพบได้น้อย ได้แก่ เบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมของการทำงานของเบต้าเซลล์ เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมของการออกฤทธิ์ของอินซูลิน และเบาหวานที่พบขณะตั้งครรภ์
หลักเกณฑ์ในการวินิจฉัย
ค่า FPG มากกว่าหรือเท่ากับ 126 มก./ดล.
ค่า casual plasma glucose มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มก./ดล.ร่วมกับมีอาการของโรคเบาหวาน
Plasma glucose ที่2 ชั่วโมง หลังจากทำ OGTT มากกว่าหรือเท่ากับ 200 มก./ดล.
สาเกตุและปัจจัยการเกิดโรคเบาหวาน
ความผิดปกติของเซลล์เป้าหมาย
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ความผิดปกติของตับอ่อน
กรรมพันธ์ุ
การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
ยาและสารเคมีบางอย่าง
สิ่งแวดล้อม
ปัจจัยและสาเหตุอื่นๆ เช่น ความอ้วน ภาวะทุพโภชนาการ
อาการและอาการแสดง
คอแห้ง กระหายน้ำ และดื่มน้ำมาก Polydipsia
น้ำหนักลด ผอมลง Weight loss
ปัสสาวะบ่อย จำนวนมาก Polyuria
หิวบ่อย รับประทานอาหารจุ Polyphagia
โรคแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
โรคแทรกซ้อนชนิดเฉียบพลัน
ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง Hyperglycemia hyperosmolar nonketotic coma HHNC
ภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ Hypoglycemia
ภาวะกรดคีโตนคั่งในเลือด Diabetes ketoacidosis
การพยาบาลควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
2.การออกกำลังกาย
3.การใช้ยาลดน้ำตาล
1.การควบคุมอาหาร
4.การดูแลรักษาเท้า
ปัญหาความบกพร่องด้านการสื่อสารในผู้สูงอายุ
ปัญหาการได้ยิน
เกิดจากความผิดปกติของกลไก 2 ส่วน
1.ส่วนนำเสียงและขยายเสียง
หูชั้นนอก
ขี้หูอุดตัน เยื่อแก้วหูทะลุ หูชั้นนอกอักเสบ เนื้องอกของหูชั้นนอก
หูชั้นกลาง
หูชั้นกลางอักเสบ น้ำขังอยู่ในหูชั้นกลาง ท่อยูสเตเชียนทำงานผิดปกติ โรคหินปูนในชั้นกลาง
2.ส่วนประสาทรับเสี่ยง
หูชั้นใน
สาเหตุที่พบบ่อยสุด คือ ประสาทหูเสื่อมจากอายุ การได้รับเสียงดังมากๆในระยะเลวาสั้นๆ ทำให้เส้นประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน การได้รับเสียงระดับปานกลางเป็นระยะเวลานานๆ ทำให้ประสาทหูเสื่อมค่อยเป็นค่อยไป,การใช้ยาที่เป็นสารพิษต่อประสาทหูเป็นระยะเวลานาน, การบาดเจ็บของกะโหลกศีรษะแล้วมีผลกระทบกระเทือนต่อหูชั้นใน
สมอง
โรคของเส้นเลือด เช่น เส้นเลือดในสมองตีบ เลือดออกในสมอง จากไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เนื้องอกในสมอง
สาเหตุอื่นๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคเกร็ดเลือดสูงผิดปกติ โรคไต โรคเบาหวาน ความดันโลหิตต่ำหรือสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเหล่านี้ทำให้หูอื้อ หรือหูตึงได้
การพยาบาลผู้สูงอายุที่สูยเสียการได้ยิน
6.แนะนำให้มีการดูแลรักษาสุขอนามัยของหูอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการแคะหูหรือใช้ไม้พันสำลีเช็ดเข้าไปในรูหู เนื่องจาก อาจดันขี้หูอัดแน่นเข้าไปในช่องหูมากขึ้น
5.แนะนำให้ผู้ที่มีโรคเรื้อรังต่างๆที่มีผลกระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิต โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวานก่อนอายุ 40ปี ให้มีการควบคุมโรคให้ดี เพื่อป้องกันการสูญเสียการได้ยิน
7.ในรายที่มีการสูญเสียการได้ยินที่ไม่ใช่จากภาวะขี้หูอุดตัน ควรส่งต่อไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและช่วยเหลือให้มีการได้ยินที่ดี โดยการส่งเสริมให้ใช้เครื่องช่วยฟังที่เหมาะสม และควรให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใ้เครื่องช่วยฟังเพื่อให้ผู้สูงอายุสามารถปรับตัวกับการใช้
3.ในรายที่ตรวจพบภาวะขี้หูอุดตัน ควรส่งต่อพบแพทย์หรือพยาบาลผู้ชำนาญการ ทั้งนี้แพทย์อาจใช้สารที่ออกฤทธิ์ละลายขี้หู
2.ผู้สูงอายุที่มีการสูญเสียการได้ยินจะ พยาบาลควรให้คำแนะนำ แก่ผู้ดูแลและสมชิกในครอบครัวให้มี ทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้น การสนทนาด้วยการทำให้ผู้สูงอายุให้ความสนใจและพร้อมที่จะฟัง เลือกสถานที่ที่มีความเหมาะสม พยาบาลควรพูดคุยกับผู้สูงอายุเป็นรายบุคคล เน้นย้ำ ข้อความที่จำเป็นให้ชัดเจน รวมทั้ง อาจให้ผู้สูงอายุช่วยทบทวนประเด็นสำคัญ ที่ต้องการสื่อสาร เพื่อที่จะสามารถมั่นใจได้ว่าผู้สูงอายุเข้าใจ ในสิ่งที่ต้องการสื่อสารได้อย่างถูกต้อง
4.ควรแนะนำให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิคสูง
1.ควรมีการตรวจหูผู้สูงอายุและคัดกรอง ปัญหาการได้ยินในการตรวจสุขภาพประจำปี
ปัญหาการมองเห็น
สายตาผู้สูงอายุ
สาเหตุ
ความเสื่อมตามอายุในผู้สูงอายุมักทำให้เลนส์ตาขาดความยืดหยุ่น การปรับสายตามีน้อยลงจึงมีความลำบากในการมองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ ซึ่งต่างจากคนปกติที่มองดูวัตถุไกลๆได้สบายๆและกล้ามเนื้อสายตาจะปรับลดลงเพื่อให้แก้วตามีความโค้งและหนาตัวมาขึ้นทำให้แสงหักเหที่จอตาพอดี
อาการ
ผู้ป่วยมักจะมีอาการมองใกล้ได้ไม่ชัด มีอาการปวดเมื่อยตาและปวดศีรษะได้ถ้าเพ่งมองนานๆ ผู้ป่วยมักใช้วายตามองระยะใกล้ๆลำบาก
การรักษา
ตรวจวัดสายตาที่โรงพยาบาลหากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าจะเกิดโรค เพื่อช่วยให้มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ดีขึ้นด้วยการตัดแว่นชนิดเลนส์นูนใส่
ต้อกระจก Cataract
เป็นภาวะที่พบว่า เลนส์ตามีความขุ่น ทำให้ปริมาณแสงที่ผ่านไปสู่จอตามีปริมาณลดลง เป็นภาวะที่แก้วตาหรือเลนส์ตา ภานในลูกตามีลักษณะขุ่นขาวจากปกติ เมื่อขุ่นขาวก็จะมีลักษณะทึบแสงทำให้ที่รับภาพ ทำให้เกิดอาการสายตาฝ้าฟางและมองไม่เห็นในที่สุด
สาเหตุ
ร้อยละ 80 เกิดจากการเสื่อมสภาพตามวัย ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจะเป็นต้อกระจกแทบทุกราย แต่จะมากหรือน้อยต้างกันไป เรียกว่า ต้อกระจกในผู้สูงอายุ (Senile cataract)
อาการและอาการแสดง
2.มองเห็นภาพซ้อน
3.สายตาสั้นลงเพราะแก้วตาเริ่มขุ่นลงทำให้กำลังหักเหเปลี่ยนแสงไปจึงมองระยะใกล้ได้ชัด
1.ตามัวลงช้าๆโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
4.รูม่านตาจะเห็นขุ่นขาวเมื่อส่องดูด้วยไฟฉาย
5.ถ้าส่องตาผู้ป่วยด้วยเครื่องมือ เรียกว่า direct opthalmoscope รูม่านตาจะเป็นเงาดำตามขนาดและรูปร่างของแก้วตาที่ขุ่น
การรักษา
Intracapsular Cataract Extraction ICCE เป็นการผ่าตัดเอาแก้วตาออก โดยการใช้ Freezing probe และลอกเอาแก้วตาออกทั้ง capsule และเนื้อในแก้วตา
Extracapsular Cataract Extraction with Intraocular Lens (ECCE c IOL) เป็นการผ่าตัดเอาแก้วตาออกเหลือแต่เปลือกหุ้มแก้วตาด้านหลังร่วมกับใส่แก้วตาเทียม
Extracapsular Cataract Extraction ECCE เป็นการผ่าตัดเอาแก้วตาออกเหือแต่เปลือกหุ้มแก้วตาด้านหลัง ต้องสวมแว่นตาจึงมองเห็นชัดในภาวะที่ไม่มีแก้วตาหรือเลนส์นี้มีชื่อเฉพาะ เรียกว่า aphakia
Phacoemulsification with Intraocular Lens (PE c IOL) เป็นการผ่าตัดต้อกระจก โดนการใช้คลื่นเสียงหรืออัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูงเข้าไปสลายเนื้อ แก้วตาแล้วดูดออกมาทิ้งและจึงนำแก้วตาเทียมใส่เข้าไปแทน
การพยาบาลผู้ป่วย
ก่อนผ่าตัด
1.การพยาบาลเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
2.การพยาบาลเพื่อลดความวิตกกัลวลก่อนผ่าตัด
3.การพยาบาลเพื่อให้ผู้ป่วยมีความพร้อมทางด้านร่างกายก่อนผ่าตัด
หลังผ่าตัด
1.การพยาบาลเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนตา
2.การพยาบาลเพื่อช่วยลดอาการปวดตาและให้พักหลับได้
3.การพยาบาลเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ตาภายหลังผ่าตัด
4.การพยาบาลเพื่อลดความบกพร่องในการดูแลตนเองเมื่อถูกปิดตาข้างที่ผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดความดันลูกตาสูง แผลฝีเย็บฉีกขาด เลือดออกในช่องหน้าม่านตา
6.การพยาบาลเพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเองเมื่อกลับบ้าน
ต้อหิน Glaucoma
พยาธิสภาพ
ต้อหินชนิดมุมเปิด
เมื่อมีการตีบแคบของท่อตะแกรงที่เป็นทางระบายน้ำเหลืองภายในลูกตาทำให้การระบายน้ำเลี้ยงในลูกตาลดลง ในขณะที่ก่ีสร้างน้ำเลี้ยงภายในลูกตามีปริมาณเท่า ทำให้ความดันภายในลูกตาสูงขึ้นที่ละน้อย
ต้อหินชนิดมุมปิด
เมื่อมีการปิดกั้นทางออกของท่อน้ำเลี้ยงภายในลูกตาจากการที่ฐานม่านตาปิดด้านหน้า ทำให้น้ำเลี้ยงภายในลูกตาไม่สามารถระบายออกได้
ชนิดของต้อหิน
ต้อหินทุติยภูมิ Secondary Glaucoma หมายถึง ต้อหินที่เกิดตามหลังโรคตาบางโรค หรือโรคภายนอกลูกตา
ต้อหินโดยกำเนิด Congenital Glaucoma หมายถึงต่อหินที่พบได้ตั้งแต่แรกเกิด
ต้อหินปฐมภูมิ Primary Glaucoma หมายถึง ต้อหินที่เกิดจากความผิดปกติของทางเดินน้ำเลี้ยงในลูกตา
อาการของโรคต้อหิน
มักไม่มีอาการในช่วงแรกของโรค ต่อมาจะสูญเสียการมองเห็นจากด้านข้างเข้ามาตรงกลางเรื่อยๆ เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ มีอาการมาตอนเช้า ตาแดง ตามัวและตาบอดในที่สุด ซึ่งอาจมีต้อหินบางประเภท ที่อาจมีอาการปวดมาก คลื่นไส้ เห็นแสงรุ้งรอบดวงไฟ ตาแดง ภาพมัวและมองไม่เห็นในที่สุด ซึ่งเป็นอาการเร่งด่วนต้องรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว
โรคตาแห้ง Dry eye
มักเกิดในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เริ่มเมื่อวัยกลางคน สัมพันธ์กับภาวะเปลือกตาอักเสบและโรคทางกายบางชนิด เกิดจากการผลิตน้ำตาที่น้อยลง ผู้ป่วยจะมีอาการเคืองเหมือนมีฝุ่นผงเข้าตา มักเป็นมากขึ้นเมื่ออยู่ในห้องแอร์ อาจมีขี้ตาเหนียว การมองเห็นไม่ชัดต้องกระพริบตาบ่อยๆ ในผู้ป่วยบางรายอาจเคืองตาแล้วมีน้ำตาไหลมากขึ้นได้
การรักษา
ในระยะเริ่มแรกใช้น้ำตาเทียม เมื่ออาการเป็นมากขึ้นควรปรึกาาจักษุแพทย์ การดูแลตนเอง หลีกเลี่ยงลม ฝุ่น
โรคจุดรับภาพเสื่อมในผู้สูงอายุ AMD:
Age Related Macular Degeneration
สาเหตุ
อายุ แสง ภาวะเครียดจากออกซิเดชั่น การสะสมลิโปฟิวซิน การไหลเวียนที่เนื้อเยื่อคอรอยด์ลดลง การงอกผิดปกติของหลอดเลือดที่บริเวณใต้จอประสาทตาและการอักเสบของลูกตา
ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ
3.การสัมผัสแสงอาทิตย์และแสงUV ปริมาณมาก
4.ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ
2.การสูบบุหรี่
1.ผู้สูงอายุ พบในคนอายุ 75 ปี มากถึงร้อยละ 30
ชนิดของโรค
ชนิดแห้ง Dry AMD
เป็นชนิดที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุทั่วไป โดยจอประสาทตาจะเสื่องและเบาลง มีผลทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างช้าๆ โดยมากไม่จำเป็น ต้องได้รับการรักษา ซึ่งโรคเอเอ็มดี ชนิดแห้งนี้จะสามารถพัฒนาไปเป็นชนิดเปียกได้
ชนิดเปียก Wet AMD
เป็นชนิดที่มีความรุนแรงสามารถทำให้การมองเห็นแย่มากจนอยู่ในระดับเลือนรางหรือตาบอดได้ ซึ่งโรคเอเอ็มดีชนิดเปียกนี้ จะมีเส้นเลือดงอกผิดปกติที่ใต้จอประสาทตา ทำให้เกิดเลือดออกหรือมีแผลเป็นที่จอประสาทตา ส่งผลให้ผู้ป่วยเห็นเป็นเงาดำบริเวณกึ่งกลางของภาพที่มองเห็น
อาการ
ได้แก่ ภาพมัว บิดเบี้ยว สีจางลง มีปัญหาในการอ่าน เห็นจุดดำอยู่กลางภาพ
ปัญหาความผิดปกติ
ในการขับถ่ายในผู้สูงอายุ
ต่อมลูกหมากโต
Bening Prostatic Hyperplasia -BPH
ภาวะต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ ซึ่งชาวตะวันตกมักเปรียบเทียบขนาดปกติของต่อมลูกหมากว่าเท่ากับขนาดของผลวอลนัท
ปัจจัยเสี่ยง
ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่คาดว่าอาจเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อมีอายุมากขึ้น ผู้ชายมีการผลิตฮอร์โมน Testosterone และ Estrogen ตลอดชีวิตแต่ปริมาณการผลิตนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุ เมื่ออายุมากขึ้น ปริมาณของ testosterone ที่พร้อมทำงานในกระแสเลือดจะลดลงเมื่อเทียบกับระดับฮอรฺโมน estrogen ซึ่งอาจทำให้กระทบต่อสารบางชนิดที่กระตุ้นให้เซลล์ในต่อมลูกหมากมีการโตขึ้น
อาการของโรค
สายปัสสาวะไม่พุ่ง ไหลช้า หรือไหลๆหยุดๆ
เกิดความรู้สึกว่าการขับถ่ายปัสสาวะเป็นเรื่องวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
ลุกขึ้นถ่ายปัสสาวะกลางดึกมากกว่า 1-2 ครั้ง
ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ จะต้องรับเข้าห้องน้ำทันทีที่ปวด
ต้องเบ่งหรือรอนานกว่าจะสามารถถ่ายปัสสาวะออก
รู้สึกปัสสาวะไม่สุด
การรักษา
อาการระดับปานกลาง แพทย์ให้กินยา ซึ่งเป็นยาลดอาการหดเกร็งกล้ามเนื้อที่บีบรัดท่อปัสสาวะ ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก และยาสมุนไพรที่สกัดขึ้นเพื่อลดอาการบวด
อาการระดับรุนแรง คือ มีอาการเพิ่มมากขึ้นปัสสาวะไม่ออก มีอาการแทรกซ้อน แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัด
อาการเล็กน้อย แพทย์จะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คืองดดื่มของเหลว หรือแอลกอฮอลล์ในปริมาณที่มากเกิดนไป
ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
ชนิด
Urge incontinence เกิดจากกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวที่รุนแรงกว่าปกติและมีการบีบตัวทั้งๆที่ปริมาณปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะไม่มากพอที่จะทำให้คนทั่วไปรู้สึกปวดปัสสาวะ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก โรคระบบประสาทส่วนกลาง
3.Overflow incontinence เกิดจาก กล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะสูยเสียความสามารถในการบีบตัว
Stress incontinence เป็นผลมาจากการที่หูรูดท่อปัสสาวะหอรัดตัวได้ไม่ดี การเพิ่มความดันในช่องท้องอย่างกระทันหันทำให้ความดันในกระเพาะปัสสาวะสูงขึ้นจนหูรูดท่อปัสสาวะไม่สามารถควบคุมการไหลของปัสสาวะได้
4.functional incontinence เกิดจาก ความผิดปกติที่นอกเหนือจากสาเหตุที่เกิดจากการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ แต่เกิดจากมีปัญหาทางสมองหรืออยู่ในภาวะที่ไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้
การจัดการการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ
1.การจัดการโดยใช้พฤติกรรมบำบัด การดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ การทำ bladder retraining คือ การพยายามควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะโดยการฝึกให้กระเพาะปัสสาวะสามารถกักเก็บน้ำปัสสาวะในระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น นั่นคือ ผู้สูงอายุต้องบันทึกแลัประเมินตนเอง ก่อนว่า มีระยะเวลาที่ต้องการขับถ่ายแต่ละครั้งเฉลี่ยแล้วนานประมาณเท่าใด หลังจากนั้นตั้งเป้าหมายว่าจะยืดเวลา การขับถ่ายออกไปอีกจากเดิมประมาณ 5-10 นาที เมื่อรู้สึกปวดและต้องการขับถ่ายในช่วงเวลาที่ยืดออกไป
2.การจัดการโดยการใช้ยา urge incontinence เป็นสาเหตุหลังของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ในผู้สูงอายุ ยากลุ่ม anticholinergic หรือ antimuscarinic เป็นยา first line ในการรักษาผู้สูงอายุ ที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ชนิดนี้ เนื่องจากฤทธิ์ของยามีผลให้การบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะลดลง ลดการมีปัสสาวะเล็ดราด
3.การสวนปัสสาวะตามเวลาแบบสะอาด โดยธรรมชาติกระเพาะปัสสาวะจะทำหน้าที่กำจัด เชื้อโรคที่ผ่านการขับถ่ายปัสสาวะออกไป หากกลไกการขับถ่ายปัสสาวะบกพร่องทำให้ปัสสาวะตกค้างในกระเพาะปัสสาวะมากจะทำให้เกืดการติดเชื้อตามมา
4.ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะออก
5.ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเบี่ยงทางไหลของปัสสาวะทำเป็นท่อสวนออกทางหน้าท้อง
ปัญหาระบบประสาทในผู้สูงอายุ
ภาวะสมองเสื่อม Dementia
เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความผิดปกติของการทำงานของสมองในส่วนของเปลือกสมองหรือวิถีประสาทที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง ช้าๆ และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆเป็นระยะเวลาอย่างน้อยๆ 1-2 ปี ทำให้เกิดความผิดปกติทางด้านสติปัญญา (cognition) ความคิดและความจำบกพร่อง หลงลืมทั้งความจำระยะสั้นและระยะยาว การตัดสินใจผิดพลาด
สาเหตุ
3.โรคติเชื้อเรื้อรังบางขนิดในระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ซิฟิลิส เอดส์
4.การใช้สารพิษหรือยาเสพติด
2.โรคสมองเสื่อมจากปัญหาโรคหลอดเลือดสมอง ที่เกิดจากการตายของเซลล์สมองอย่างรวดเร็วจากสมองบางส่วนขาดเลือด
5.ภาวะพร่องฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์
1.โรคอัลไซเมอร์ Alzheimer's disease เป็นสาเหตุที่พบบ่อยมากที่สุด
6.โรคอื่นๆที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน
ระยะการดำเนินโรค
ระยะที่ 2 (Middle stage) ระยะนี้บุคคลใกล้ชิดจะสังเกตความผิดปกติได้ อาการต่างๆได้แก่ ความจำเสื่อมมากขึ้น จำได้เฉพาะเหตุการณ์ในอตีด ทักษะต่างๆลดลง พูดช้า คิดไม่ต่อเนือง อารมณ์ฉุนเฉียวมาก
ระยะที่ 3 (Later stage) เป็นระยะที่รุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยต้องมีคนคอยช่วยเหลือ ประกอบด้วยอาการ ต่อไปนี้ พฤติกรรมและบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง วิตกกังวล ตื่นเต้นซึมเศร้า พูดคำหยาบ ก้าวร้าว จำได้เฉพาะเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมานานมาก เดินหลงไปตามสถานที่ต่างๆ กลับบ้านไม่ถูก
ระยะที่ 1 (Early stage) อาการระยะแรกนี้ครอบครัวและเพื่อนของผู้ป่วยมักไม่ทราบ สังเกตไม่ได้ เนื่องจากผู้ป่วยพยายามปรับสภาพ อาการในระยะนี้ คือ ความจำเสื่อมเล็กน้อย ไม่มีสมาธิ อารมณ์แปรปรวนง่าย
ระยะที่ 4 (Final stage) เป็นระยะที่รุนแรง ผู้ดูแลไม่สามารถดูแลในบ้านได้ต้องนำผู้ป่วยเข้าพักในสถานพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยสมองเสื่อม จำเหตูการณ์ปัจจุบันและอดีตไม่ได้ จำไม่ได้ว่ารับประทานอาหารแล้วหรือยัง ไม่สามารถจำชื่อหรือจำหน้าคนในครอบครัวได้ พูดไม่เป็นภาษา
การรักษา
1.การรักษาโดยใช้ยา Pharmacological treatment
1.3 Galantamine
1.4 Mematine
1.2 Rivastigmine
1.5 Vitamin E
1.1 Donepezil
1.6 ยาที่ใช้รักษาปัญหาด้านพฤติกรรมและอาการทางจิต
Antipsychotics
Antiepileptic drugs
Antidepressant
2.การรักษาโดยไม่ใช้ยา Non Pharmacological treatment
พาร์กินสัน (Pakinson)
สาเหตุ
ยังไม่ทราบสาเหตุ พบว่าในผู้ป่วยโรคพาร์กินสันจะมีการเสื่อม ของเซลล์ประสาทบริเวณก้านสมอง จนส่งผลให้โดปามีน มีปริมาณลดลง
อาการ
อาการสั่น Rest Tremor
อาการเกร็ง Rigidity
อาการเคลื่อนไหวช้า Bradykinesia
การเสียการทรงตัว Postural Instability
ความหมาย
เป็นกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนและการพูด
การรักษา
1.การรักษาทางยา
2.การรักษาโดยการผ่าตัด
3.การรักษาทางกายภาพบำบัด
ภาวะซึมเศร้า Depression
ความหมาย
กลุ่มอาการซึ่งมีอาการแสดงจากการเปลี่ยนแปลงทางกาย อารมณ์และการคิดรู้ รวมทั้งความผิดปกติด้านอารมณ์จากสาเหตุต่างๆ โดยมีอารมณ์เศร้า รู้สึกหมดหวัง บกพร่องความจำระยะสั้น ขาดความสนใจ
สาเหตุ
ปัจจัยด้านชีวภาพ
ปัจจัยด้านจิตสังคมและสิ่งแวดล้อม
ปัจจัยส่วนบุคคล
อาการและอาการแสดง
อาการแสดงด้านร่างกาย
การนอนหลับผิดปกติ เช่น นอนมากเกินไป ตื่นกลางดึก
การเคลื่อนไหวผิดปกติ
อาการเจ็บป่วย เช่น ไม่สุขสบาย หายใจลำบาก ใจสั่น ท้องอืด
อาการแสดงด้านจิตสังคม
สมาธิและความตั้งใจสั้น ไม่กล้าตัดสินใจ ความรู้สึดมีคุณค่าและเชื่อมั่นในตนเองลดลง หลงผิด มองอนาคตในแง่ร้าย มีความกลัวและวิตกกังวลมาก
มีอารมณ์เศร้า ร้องไห้โดยไม่มีสิ่งกระตุ้น ขาดความสนใจในไม่ทำกิจกรรมในสิ่งที่เคยชอบ ไม่รู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลิน แยกตัวจากครอบครัว
การรักษา
1.การบำบัดรักษาทางชีววิทยาการแพทย์
2.การบำบัดทางจิตสังคม
การทำกลุ่มจิตบำบัด (Group psychotherapy)
การบำบัดทางความคิดและพฤติกรรม Cognitive behavior therapy
การให้คำปรึกษา (Counseling)
การบำบัดโดยการแก้ปัญหา (Problem Solving therapy)
การบำบัดสัมพันธภาพระหว่างบุคคล (Interpersonal psychotherapy)
นางสาว พูนศิริ คำพันธ์
621201141
นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ ชั้นปีที่3