Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเกี่ยวกับการป้องกันเเละควบคุมการเเพร่กระจายเชื้อ - Coggle Diagram
การพยาบาลเกี่ยวกับการป้องกันเเละควบคุมการเเพร่กระจายเชื้อ
การติดเชื้อ:infection
โรคติดเชื้อ:infectious disease
โรคติดต่อ: Communicable disease
กลไกการป้องกันการติดเชื้อ
ผิวหนัง
ปาก
ระบบทางเดินหายใจ
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ระบบทางเดินอาหาร
ทางออกของเชื้อโรคในการเเพร่กระจาย
เชื้อโรคสามารถเเพร่กระจายไปยังบุคคลอื่นได้ต้องออกจากเเหล่งของมันก่อน
ทางเดินหายใจ
ทางเดินอาหาร
ทางเดินปัสสาวะ
อวัยวะเพศ
เลือด
ผิวหนัง
สิ่งนำเชื้อ
เชื้อโรคเเพร่กระจายได้จำเป็นต้องมีพาหะในการนำเชื้อ
อากาศ
อาหารเเละน้ำ
สัมผัสโดยตรงกับคนวัตถุต่างๆ
เเมลงสัตว์ บุคคลที่มีเชื้อโรค
วิธีการเเพร่กระจาย
Vectorborne transmission
เป็นการกระจายเชื้อโดยเเมลงหรือสัตว์นำโรค
Air bone transmission
เป็นการเเพร่กระจายเชื้อโดยการสูดหายใจเอาเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
Common Vehicle transmission
เป็นการเเพร่กระจายเชื้อจากการที่มีเชื้อจุลชีพปนเปื้อนอยู่ในเลือด ผลิตภัณฑ์ของเลือด อาหารน้ำ ยา สารนำที่ให้เเก่ผู้ป่วย
Contact transmission
1.Direct contact เป็นการเเพร่เชื้อกระจายเชื้อจากคนสู่คน (person-to-person spread)
2.indirect contact เป็นการสัมผัสสิ่งของหรืออุปกรณ์การเเพทย์ที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่เป็นการที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายโดยผ่านทางตัวกลาง
3.Droplet spread เกิดการสัมผัสกับฝอยละออง น้ำมูก น้ำลาย
ทางเข้าของเชื้อที่ทำให้เกิดโรค
-เมื่อหเชื้อโรคออกจากเเหล่งของเชื้อโรคเเล้วจะทำให้เกิดโรคได้โดยการหาทางเข้าไปในร่างกายมนุษย์ใหม่
ดวงตา ไม่ขยี้ตาหรือเเคะขี้ตาเพราะดวงตามีเนื้อเยื่อเเละท่อระบายน้ำตาที่มีเชื้อโรคสามารถผ่านเข้าไปได้
จมูก ไม่เเคะหรือใช้นิ้วเเหย่จมูกเชื้อโรคสามารถเข้าทางโพรงจมูกสู่ทางเดินหายใจได้
ปาก ไม่จับปาก ล้วงปากไม่ใช้มือเเคะฟันหรือเเม้เเต่การช้อร่วมกับผู้อื่นเพราะปากเป็นช่องทางที่เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ทางเดินหายใจได้
ความไวของเเต่ละบุคคลในการรับการติดเชื้อ
ความเครียด
ภาวะโภชนาการ
อ่อนเพลีย ภูมิเเพ้
โรคติดเชื้อในโรงพยาบาล Nosocomial infection
การติดเชื้อที่เกิดจากการได้รับเชื้อขณะที่ผู้ป่วยได้รับการตรวจ/หรือได้รับการพยาบาลเเละการติดเชื้อจากบุคลากรจากการปฎิบัติงาน(โดยปกติมักเกิดขึ้นภายใน 48-72ชั่วโมงเมื่อรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล)
ภาวะปลอดเชื้อเเละเทคนิคปลอดเชื้อ
ภาวะปลอดเชื้อหรือการกีดกั้นเชื้อ(Asepsis)หมายถึงการปฎิบัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องมือเครื่องใช้เเละสิ่งเเวดล้อม เป็นการวางกลยุทธ์ในการควบคุมการติดเชื้อลดเเหล่งของเชื้อโรคเเละการเเพร่กระจายของเชื้อ
เทคนิคปลอดเชื้อ (Aseptic technique)
การกีดกั้นเชื้อชนิดไม่เคร่งครัด(Medical asepsis)
เทคนิคการทำให้สะอาด(Clean technique)
การเเยกผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อด้วยวิธีการเเยกเฉพาะ (Isolation technique)
การกีดกั้นเชื้อชนิดเคร่งครัด(Surgical asepsis)
เทคนิคการทำให้สะอาด (การใส่ถุงมือ(gloves) เสื้อคลุม (gown)ที่นึ่งเเล้ว
การใช้ปากคีบที่ทำให้ไร้เชื้อหยิบเครื่องมือเครื่องใช้ที่สะอาดปราศจากเชื้อ
เทคนิคปราศจากเชื้อ (Sterile technique)
เครื่องมือเครื่องใช้ปราศจากเชื้อ (Sterile)
ความหมายของคำศัพท์
Sterilization
ขบวนการทำลายเชื้อโรคทุกชนิด รวมทั้งพวกที่มีสปอร์ให้หมดสิ้นไป
Sterile สิ่งของหรือเครื่องมือที่ปราศจากเชื้อโรค รวมทั้งชนิดที่มีสปอร์
Contamination การสัมผัส ปนเปื้อนเชื้อโรค
Disinfection ขบวนการทำลายเชื้อโรคเเต่ไม่สามารถทำลายชนิดที่มีสปอร์ วิธีทำลายเชื้อโรคเเบบนี้เช่น การต้ม การเเช่น้ำยา
Disinfectant สารเคมีหรือน้ำลายที่ใช้ทำลายจุลินทรีย์ เเต่ไม่สามารถทำลายชนิดที่มีสอร์ น้ายานี้จะทำลายเนื้อเยื่อด้วยฉะนั้นใช้กับผิวหนังไม่ได้
Antiseptics สารเคมีที่ยับยั้งการเจริยเติบโตของจุลินทรีย์
การฆ่าเชื้อเเละปราศจากเชื้อ
critical items เครื่องมือเครื่องใช้ที่สัมผัสกับเยื่อบุก่อนใช้ต้องทำให้ปราศจากเชื้อ
semi-critical or intermediate items เครื่องมือเครื่องใช้ที่สัมผัสเยื่อบุก่อนใช้ต้องสะอาดไม่มีโรคยกเว้นสปอร์ของเเบคทีเรีย
การทำความสะอาดเครื่องมือเครื่องใช้
การล้าง (Cleansing) การล้างเป็นขั้นตอนเเรกที่สำคัญที่สุดสำหรับการทำลายเชื้อโรคขั้นต่อไปสิ่งของที่ปนเปื้อนมากๆน้ำยาไม่สามารถทำลายเชื้อได้หากไม่มีการล้างเพราะสิ่งที่เปื้อนนั้นจะทำปฎิกิริยากับน้ำยาหรือเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรคไม่ให้สัมผพพัสกับน้ำยาดังนั้นจึงควรเน้นการล้างให้มากที่สุดการล้างอาจจะใช้สารเคมีที่ใช้ชำระ (detergent)ช่วยหรือการใช้เครื่องล้างพิเศษเเบบ ultrasonic Cleanser การล้างที่ถูกต้องสามรถขจัดจุลชีพออกจากวัสดุเกือบทั้งหมดเเละเพียงพอสำหรับการทำลายเชื้อสำหรับเครื่องใช้โดยทั่วไป
วัตถุประสงค์ของการล้างเครื่องมือก่อนนำไปทำลายเชื้อ
1.เพื่อลดจำนวนเชื้อโรคบนเครื่องมือให้เหลือปริมาณน้อยที่สุด จะช่วยให้น้ำยามีประสิทธิภาพ ทำลายเชื้อที่เหลือได้เร็วขึ้น
2.เพื่อเป็นการลดสิ่งปนเปื้อนที่ติดอยู่บนผิวของเครื่องมือ
3.ความสกปกที่ติดเเน่นบางอย่างไม่สามารถจะหลุดได้ จากวิธีการทำลายเชื้อฉะนั้นการทำความสะอาดก่อรจะเป็นการช่วยให้คราบสกปกที่ติดตามซอกมุมต่างๆของเครื่องมือโดยเฉพาะคราบที่ติดเเน่นหลุดออกไปได้
4.ช่วยลดอันตรายในการหยิบจับอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่เป็นเบื้องต้นก่อนจะนำไปทำลายเชื้อต่อไปเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการปฎิบัติงาน
ข้อควรคำนึงในการล้าง
1.กำจัด เลือด หนองเมือก สารคัดหลั่งเเละอื่นๆออกก่อนทำความสะอาดเสมอ
2.ไม่ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้ชำรุดเสียหายจากวิธีการทำความสะอาด
3.ไม่ทำให้อุปกรณ์เครื่องใช้สกปรกมากกว่าเดิม เช่นก่รใช้น้ำสกปรกล้่ง
4.สารจากสบู่มีฤทธิ์เป็นด่าง หากล้างออกไม่หมดจะช่วยเคลือบเชื้อจุลชีพไว้ดังนั้นหลังจากทำความสะอาดเเล้วไม่ควรมีสารตกค้างหลงเหลืออยู๋
เครื่องใช้
1.อุปกรณ์ช่วยในการขัดถู มีขนาดเเละรูปร่างต่างๆกันควรเป็นวัสดุที่มีความหยาบเเต่ต้องไม่มีความคมจนเกิดรอยขีดข่วดเมือขัดถู
สารซักฟอกหรือสบู่
3.อุปกรณืสวมใส่เพื่อป้องกันความสกปรกกระเด็นถูกร่างกาย เช่นถุงมือยาง เอี๊ยมพลาสติก ผ้าปิดจมูกเเว่นตา(goggle)
วิธีทำ
1.สวมใส่อุกรณืป้องกันความสกปรกตามความเหมาะสม ระมัดระวังไม่ให้เปื้อนบริเวณใกล้เคียง
-สำรวจคราบลาสเตอร์ หากมีให้เช็ดด้วยเบนซินเเล้วตามด้วยเเอลกอฮออล์
-คราบเลือดหรือสารคัดหลั่งติดเเน่นควรเช็ดหรือล้างด้วยน้ำเกลือหรือน้ำร้อนหากยังไม่หลุดให้ล้างด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H202) อีกครั้ง
2.ล้างคราบสกปรก เเละคราบผงซักฝอกออกให้หมดโดยใช้น้ำก๊อกที่ไหลชะผ่าน
3.เช็ดให้เเห้งด้วยผ้าสะอาดหรือวางผึ่งลมก่อนเก็บเข้าที่ หรือเเยกไปทำให้ปราศจากเชื้อ
4.ทำความสะอาดอุกรณืขัดล้างให้สะอาด ทำให้เเห้ง รวมทั้งถุงมือเเละอ่างน้ำ
การต้ม (Boiling)
การต้มเป็นวิธีการทำลายเชื้อที่ดี ง่าย ประหยัดเเละมีประสิทธิภาพดีการต้มเดือดนาน 10นาทีจพสามารถทำลายเชื้อได้ยกเว้นสปอร์เเต่สำหรับเชื้อโรคที่อันตราย เช่น ไวรัส HIVองค์การอนามัยโลกเเนะนำให้ต้มเดือดนาน 20นาทีเพื่อให้มั่นใจ ดังนั้นการต้มเดือดที่มีประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ควรจะต้มเดือดนาน 20 นาทีเเละน้ำต้องท่วมของที่ต้องการต้มเครื่องใช้ที่นิยมทำลายเชื้อการต้มได้เเก่เครื่องใช้ที่เป็นโลหะเเละเครื่องเเก้วทุกชนิดเครื่องเคลือบเครื่องใช้ที่ไม่ควรต้มได้เเก่เครื่องใช้ที่ทำมาจากยางเเละของมีคมเพราะจะทำให้เสื่อมคุณภาพเเละเสียคม
การเตรียมอุปกรณ์การต้ม
-หม้อต้มที่สะอาดมีฝาปิด เพื่อให้อุณหภูมิสม่ำเสมอในการต้ม
-ใส่น้ำสำหรับการต้มให้มีปริมาณมากพอการใช้น้ำปะปาจะทำให้เกิดตะกันในหม้อต้มซึ่งอาจจะทำให้เกิดคราบบนผิววัสดุที่ต้มหรือต้องใช้เวลาต้มนาน ความร้อนจึงจะผ่านตะกรันเข้าไปได้
การเตรียมสิ่งของที่จะต้ม
-สิ่งของที่ต้มควรได้รับการทำความสะอาดดีเเล้ว
-เเยกชนิดสิ่งของที่จะต้ม เครื่องมือกับเครื่องเเก้วไม่ต้มด้วยกันเพราะเครื่องเเก้วอาจจะเเตกได้
-เครืองใช้มีคมไม่ควรต้ม เพราะจะทำให้เสียความคม
-ของที่ใช้กับอวัยวะสะอาดไม่ควรต้มปนกับของที่ใช้กับอวัยวะสกปรกถ้าเป็นไปได้อาจจะเเยกหม้อต้ม
-ของที่ต้มครบเวลาเเล้วต้องเก็บไว้ในภาชนะที่ปราศจากเชื้อหรือสะอาดมีฝาปิดมิดชิดถ้าไม่มีของต้มภาชนะเเละฝาปิดพร้อมของที่ต้มด้วย
หลักสำคัญในการต้ม
-น้ำต้องท่วมของทุกชิ้นอย่างน้อง 1นิ้ว
-เครื่องมือเครื่องใช้ที่มีน้ำหนักเบาควรใช้ของที่มีน้ำหนักทับเพื่อให้จมอยู่ใต้น้ำเช่นท่อพลาสติกเเข็ง
-ปิดฝาหม้อต้ม เริ่มนับเวลาเมื่อน้ำเดือดเต็มที่
-ในขณะที่ต้มต้องไม่เปิดฝาหม้อ
การใช้สารเคม (Chemical method)
Disinfectant สารเคมีหรือนำยาทีใช้สารจุลินทรีย์เเต่ไม่สามารถทำลายชนิดที่มีสปอร์น้ำยานี้จะมีเนื้อเยื่อด้วยฉะนั้นจะใช้กับผิวหนังไม่ได้
Antiseptics สารเคมีที่ยับยั้งการเจริญเติบโตจุลินทรีย์สามารถใช้กับสิ่งมีชีวิตได้ปลอดๆภัย
น้ำยาที่ใช้ในการทำลายเชื้อ
เเอลกอฮอล์ (Alcohols)
-ทำลายเชื้อได้ดีเเต่ไม่ทำลายสปอร์
-อาจทำให้เครื่องมือโหลหะเกิดสนิท
ไดกัวไนด์ (Diguanide)
-สารที่ใช้คือ chlorhexidine ถ้าความเข้มข้นต่ำกว่า0.2ไม่สามารถทำลายเชื้อเเบคทีเรียเเกรมบวก เชื้อไวรัส เชื้อรา เเละสปอร์ของเเบคทีเรีย
ฮาโลเจน (Halogens) สามารถทำลายเชื้อโรคได้ต่างกันตามความเข้มข้นของน้ำยา Hypochlorite เเละ lodine เช่นไอโอดีน ไฮเตอร์เเต่ไม่สามารถทำลายสปอร์เเบคทีเรียได้
ขกลิ่น โลหะสนิม ระเเหยง่ายต้องเก็บในภาชนะทึบเเสง ห้ามผสมกับกรดเเละฟอร์มาลิน
ฮัยโดเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) สามารถทำลายเชื้อโรครวมทั้งไวรัสโดยใช้ Hydrogen peroxide 6%นาน 30นาที
น้ำยาที่ฟีนอล (Phenols) สามารถทำลายเชื้อเเบคทีเรีย เชื้อวัณโรค เชื้อรา ยกเว้นเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เเละสปอร์ของเเบคทีเรีย ไม่ควรใช้กับทารกเเรกเกิด บริเวฯที่เตรียมอาหารกลิ่นเเรงระคายเคืองผิวหนังกัดกร่อนยางธรรมชาติเเละพลาสติก
Quartemary Ammonium Compounds (QACs) มีฤทธิ์ทำลายเชื้อน้อย Benzalkonium chloride เป็นส่วนประกอบใน savlon
การทำให้ปราศจากเชื้อ
วิธีทางกายภาพ
Radiation
เป็นการใช้เเสงอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นเเสงสีม่วงสามารถฆ่าเชื้อเเบคทีเรียเเละไวรัสบางชนิดเเละไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสตับอักเสบบี เเละไวรัสเอดส์ในเเสงเเดงมีเเสงอัลตราไวโอเลตอยู่ดังนั้นในกรณีเชื้อวัณโรคเมื่อถูกเเสงเเดดจะถูกทำลายภายใน 1-2ชั่วโมง เเต่ถ้าอยู่ในที่มีไม่มีเเสงเเดดมีชีวิตอยู่ได้นานเป็นเดือนเป็นปีได้นิยมใช้ลดจำนวนจุลชีพในอากาศ เช่นในห้องผ่าตัด ห้องปฎิบัติการ ห้องเด็ก ในการทำลายเชื้อจะใช้เวลาปริมาณ 6-8ชั่วโมง
Dry heat or hot air sterilization
การใช้ Hot Air oven ลักษณะคล้ายเตาอบขนมปัง สามารถทำลายเชื้อโดยใช้ความร้อนเเห้งที่อุณหภูมิ 165-170 องศาเซลเซียล ระยะเวลาอย่างน้อย 3ชั่วโมง การใช้ความร้อนเเห้งนี้เหมาะสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นของมีคมไม่ทำให้ของคมเสียใช้สำหรับเครื่องเเก้วที่ใช้สำหรับในห้องปฎิบัติการ กระบอกฉีดยาชนิดนำกลับมาใช้อีกนอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดสนืมในเครื่องมือเครื่องใช้ที่ไม่ได้ทำมาจากสเเตนเลสได้เเต่ไม่เหมาะที่จะให้เครื่องผ้าเเละยาง
Steam under prwssure
เป็นวิธีการที่มีคุณภาพมากที่สุดเชื่อถือได้เเละประหยัดค่าใช้จ่ายในการฆ่าเชื้อเเละสปอร์ของเชื้อเตรื่องมือเครื่องใช้ที่ทำให้ปราศจากเชื้อด้วยวิธีนี้ได้เเก่เครื่องมือเครื่องใช้ ที่ทนความร้อนเเละความชื้นมีผิวเรียบเเข็งเช่น เครื่องมือผ่าตัด ภาชนะที่ทำด้วยสเเตนเลสวิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทนความสูงไม่ได้อุณหภูมิที่ทำใช้การปราศจากเชื้ออยู่ระหว่าง 121-123องศาเซลเซียล ภายใต้ความดัน 15-17ปอนด์ต่อตารางนิ้ว โดยใช้เวลานาน 15-45นาที เช่นการทำลายเชื้อโดย Autoclave เป็นการอบไอน้ำภายใต้ความดัน ส่วนใหญ่นิยมใช้ในทางการเเพทย์ประสิทธิภาพของการทำให้ปราศจากเชื้อด้วยวิธีขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการประเภทอุปกรณืที่นำมาทำให้ปราศจากเชื้อ
วิธีทางเคมี
การใช้ก๊าซ Ethylene oxide
เป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติทำลายเชื้อสูงสามารถทำลายได้ทั้งไวรัส เเบคทีเรียรวมทั้งสปอร์ของเเบคทีเรียนิยมใช้ทำให้ปราศจากเชื้อในเครื่องมือเครื่องใช้ที่ไม่สามารถทนความร้อนเเละความชื้อนได้เช่นพลาสติกโพลีเเอทธีลินประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเครื่องมือเครื่องใช้ อบก๊าซที่อุณหภูมิ 30องศาเซลเซียลนาน 3ชั่วโมงเเละเครื่องมือเครื่องใช้ที่ปลอดเชื้อจากการอบก๊าซนี้จะต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา5วัน หรือใช้เวลา 8ชั่วโมงภายใต้อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียล เพื่อให้ก๊าซระเหยออกก่อนนำไปใช้มิฉะนั้นอาจทำให้ผิวหนังไหม้ดมื่อสัมผัสก๊าซที่หลงเหลืออยู่บนเครื่องมือเครื่องใช้
การใช้ 2% Glutaradehyde
Glutaradehyde เช่น Cidex เป็นสารเคมีที่ใช้มากที่สุดในการทำให้ปราศจากเชื้อมีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อเเละสปร์ของเเบคทีเรียเป็นสารที่ไม่ทำลายยางเเละพลาสติกเเละไม่ทำให้เกิดสนิมใช้เเช่เครื่องมือเครื่องใช้นาน 3-10ชั่วโมง เพื่อให้ปราศจากเชื้อ เช่น เครื่องมือที่มีเลนส์ เคืร่องมือทางทันตกรรมเครื่องมือช่วยหายใจเเละเครื่องมือที่ทีคมทั้งนี้ต้องล้างน้ำยาให้หมดก่อนนำไปใช้
กาใช้ Peracetic acid
เป็นส่วนผสมระหว่าง acetic acid กับhydrogen Peroxide มีคุรสมบัติในการกัดกร่อนสูงเเต่ต้องละลายในน้ำอุ่นเครื่องมือเครื่องใช้ที่เเช่ใน Peracetic acid เพื่อทำให้ปลอดเชื้อจะต้องใช้เวลารวดเร็วคือ 35-40 นาทีที่อุณหภูมิ 50-55องศาเซลเซียส โดยจะต้องล้างน้ำยาออกให้หมดเเละทำให้เเห้งด้วยความระมัดระวังเพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้นั้นเกิดการปนเปื้อนใช้ในการทำให้ปราศจากเชื้อท่อส่ง ระบบน้ำทำไตเทียม เเละกล้องส่องตรวจต่างๆ
การหยิบจับของปราศจากเชื้อ
ของที่ปราศจากเชื้อจะอยู่ในภาชนะที่มีฝาปิดหรือในห่อ เช่น หม้อนึ่งสำลีก๊อสหรือถาดเเช่เครื่องมือที่มีฝาปิด เมื่อจะหยิบจับเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้จะต้องรักษาของที่หยิบเเละของที่เหลือให้ปราศจากเชื้อโดยใช้ปากคีบที่มีลักษณะยาวเเละเเช่ไว้ในกระปุกที่เเช่น้ำยา (Transfer forceps) หยิบ
-เมื่อหยิบปากคีบออกจากภาชนะที่เเช่ต้องระวังไม่ให้ปากคีบเเยกออกจากกันเเละป้องกันมิให้ปลายปากคีบถูกกับปากภาชนะเเละรอให้น้ำยาหยดออกให้หมดสักครู่
-ขณะที่ถือให้ปลายปากคีบอยู่ต่ำเพื่อมิให้น้ำไหลไปสู่บริเวณที่ไม่ปราศจากเชื้อทำให้ปลายปากคีบสกปรก
-ระวังมิให้ปลายปากคีบถูกกับภาชนะใดๆ
-เมื่อใช้ปลายปากคีบเาร็จเเล้วให้จับตรงกลางด้ามให้ปลายชิดกันเเล้วใส่ลงในกระปุกตรงๆ
-เมื่อปิดฝาถ้าต้องการจะวา่งกับโต๊ะให้หงายฝาขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ขอบฝาสัมผัสกับโต๊ะถ้าถือไว้ให้คว่ำฝาลงเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคจากอากาศตกลงไปที่ฝานั้น
-ห้ามเอื้อมของข้าม sterile ที่เปิดฝาไว้เเละห้ามจับด้านในฝา
-ของที่หยิบออกไปเเล้วเเม้ว่าจะยังไม่ได้ใช้ก้ไม่ควรนำเข้าไปเก็บในหม้อนั้นอัก
หลักพื้นฐานของภาวะปราศจากเชื้อ
1.ดูเเลให้ของปลอดเชื้อนั้นคงความปลอดเชื้อ
1.1 ปากคีบปลอดเชื้อ (Transfer forceps) ใช้สำหรับหยิบจับ เคลื่อนย้ายของปลอดเชื้อต้องสะอาดเเละคงความปลอดเชื้อตลอดเวลา การถือปากคีบปลอดเชื้อควรถือให้สูงกว่าระดับเอวเเละปลายปากคีบชี้ลงเสมอเพราะปากคีบปลอดเชื้อเเช่ในน้ำยาหากถือให้ปลายปากชี้คีบขึ้นน้ำยาจะไหลจากมือมาบริเวณที่ปลอดเชื้อทำให้เกิดการปนเปื้อนขณะที่ทำงานได้
1.2 การเทน้ำยาปลอดเชื้อ เช่นเเอลกอฮอล์70%ให้ถือขวดน้ำยาสูงกว่าภาชนะปลอดเชื้อประมาณ6นิ้วปากขวดจะต้องไม่สัมผัสกับของใช้หรือภาชนะรองรับระวังน้ำยากระเด็นทำให้ภาชนะปนเปื้อนเเละน้ำยาต้องไหลจากปากขวดลงภาชนะโดยไม่ไหลเปื้อนข้างขวดก่อนลงภาชนะ
1.3หลีกเลี่ยงการทำน้ำยาหกเปื้อนผ้าห่อของปลอดเชื้อจะทำให้อุกรณ์ที่อยู่ในผ้าห่อเกิดการปนเปื้อน
1.4หลีกเลี่ยงการพูดคุย ไอ จาม หรือข้ามกรายของปลอดเชื้อ เพราะเชื้อโรคมีโอกาศเเพร่กระจายไปตามละอองอากาศ
1.5 อุปกรณ์ทางการเเพทย์ทุกชนิดที่จะสอดใส่ผ่านผิวหนังเข้าไปในร่างกายผู้ป่วยจะต้องปลอดเชื้อ เช่นอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดยา ผ้าผิดแผล สายสวนปัสสาวะ
1.6การเทน้ำยาหรือวางของปลอดเชื้อไม่ควรชิดขอบด้านของภาชนะหรือผ้าห่อของปลอดเชื้อให้วางห่างจากขอบนอกของภาชนะหรือผ้าห่อของปลอดเชื้อถัดเข้ามาประมาณ 1นิ้ว
1.7การเปิดผ้าห่อของปลอดเชื้อให้จับมุมบนสุดของผ้าเปิดไปทางด้านตรงกันข้ามกับผู้ทำต่อมาเปิด2มุมผ้าด้านข้างซ้าย-ขวาก่อนสุดท้ายจึงจับมุมผ้าด้านในสุดของห่อผ้าเปิดออกโดยไม่ข้ามกรายของปลอดเชื้อหากเป็นห่อสำเร็จรูปใช้มือทั้งสองข้างฉีกห่อสำเร็จรูปเเยกออกจากกันโดยไม่สัมผัสด้านในของห่อปลอดเชื้อ
2.หากของปลอดเชื้อสัมผัสกับสิ่งที่ไม่ปลอดเชื้อให้ถือว่าของนั้นไม่ปลอดเชื้อหรือเกิดการปนเปื้อนขึ้น เรียกว่า contamination
2.4ขแงปลอดเชื้อที่มีรอยฉีกขาดรอยเปิดสัมผัสกับภายนอก ถือว่าไม่ปลอดเชื้อ
2.5ดูเเลให้ของปลอดเชื้อสัมผัสกับอากาศน้อยที่สุดหากเปิดใช้ต้องรีบปิดทันที
2.6ห่อของปลอดเชื้อที่เปิดใช้เเล้วเเสดงว่าเกิดการปนเปื้อนไม่นำไปร่วมกับของปลอดเชื้อ
3.ของปลอดเชื้อต้องอยู่สูงกว่าระดับเอวเเละต้องอยู่ในสายตา
3.1การถือของปลอดเชื้อหรือบริเวณที่วางของปลอดเชื้อจะต้องอยู่สูงกว่าระดับเอวเพื่อให้เเน่ใจว่าของปลอดเชื้อนั้นอยู่ในสายตาลดโอกาส้กิดการปนเปื้อน
3.2เมื่อเปิดของปลอดเชื้อเเล้วไม่ละทิ้งหรือหันหลังให้ของปลอดเชื้อเพื่อให้เเน่ใจว่้าไม่มีการปนเปื้อนเกิดขึ้นจากการวาง
ของนั้นนอกสายตา
3.3หากผู้ปฎิบัติเกิดการสงสัยไม่มั่นใจกับการปลอดเชื้อกับของใช้นั้นต้องเปลี่ยนของใหม่นั้นทันที
วิธีห่อของส่วนึ่ง
-คลี่ผ้าห่อของบนโต๊ะ สูงระดับเอวให้มุมใดมุมหนึ่งอยู่ด้านผู้ห่อ
-วางของไว้ที่ศูนย์กลางของผ้าห่อ
-จับมุมผ้าด้านผู้หอวางพาดบนของเเละพับมุมกลับเล็กน้อย
-ดึงผ้าให้เรียบตึงห่อด้านซ้านให้มิดของดึงให้ตึงเเละพับมุมเล็กน้อย
-ห่อด้านขวาให้มิดของดึงให้ตึงพับมุมเช่นกันเข้าเล็กน้อย
-จับผ้าเหลือมุมสุดท้ายดึงให้ตึงพับมุมเข้าเล็กน้อยจัดห่อให้มิดชิดไม่หลุด
-ตรึงห่อของให้เเน่นด้วยเทปกาวเเละระบุหอผู้ป่วยชื่อส่งของวันที่ส่งนึ่งเเละชื่อผู้ห่อของ
-ติด Autoclave tape
การเปิดห่อของที่ปราศจากเชื้อ
วัตถุประสงค์
-เพิ่อคงความปลอดเชื้อของสิ่งของภายในห่อเเละผ้าห่อด้านใน
เครื่องใช้
-ห่อของที่ปลอดเชื้อ
วิธีทำ
-สำรวจป้ายชื่อห่อของให้ตรงกับวัตถุประสงค์การใช้ เเละตรวจสอบความปราศจากเชื้อจาก Autoclave tape
-วางห่อของบนโต๊ะที่สะอาดสูงระดับเอว โดยใช้มุมนอกสุดของห่อของอยู่ไกลตัว
-เเกะเทปกาว ป้ายชื่อห่อของที่ระบุวันหนึ่งเเละAutoclave tape ออก
-จับมุมผ้าด้านนอกห่างออกประมาณ 1นิ้วเปิดมุมเเรกออกไปทางด้านตรงข้ามกับผู้เปิด
-เปิดมุมผ้าด้านข้างออกทีละด้านเเล้วเปิดมุมผ้าด้านในสุด
การล้างมือ (Hand washing)
การล้างมือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดการติดเชื้อที่เกิดจากการสัมผัสโดยตรงสามารถทำได้ง่ายเเละสิ้นเปลืองน้อยที่สุดการล้างมือควรกระทำก่อนที่จะปฎิบัติการพยาบาลเเละหลังการพยาบาลผู้ป่วยหลังสัมผัสอุกรณ์เครื่องใช้ที่สกปรกก่อนจับต้องอาหาร
การล้างมือเเบธรรมดา (Normal หรือ Social hand washing)
เป็นการล้างมือเพื่อสุขภาพอนามัยทั่วไป เช่นเมื่อมือเปื้อนหรือก่อนสัมผัสผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันต่ำ ก่อนเเละหลังการเเจกยาก่อนเเละหลังการับประทานอาหารภายหลังมการทำเตียงภายหลังการเข้าห้องน้ำให้ล้างมือตามขั้นตอนด้วยสบู่ก้อนหรือสบู่เหลวฟอกมืออย่างน้อย 15วินาที ซับให้เเห้งด้วยกระดาษเช็ดมือ
การล้างมือด้วยเเอลกอฮอล์เจล
(Alcohol hand rub)
ในกรณีรีบด่วนไม่สะดวกในการล้างมือด้วยน้ำเเละมือไม่ปนเปื้อนสิ่งสกปีกหรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยให้ทำความสะอาดมือด้วย เเอลกอฮออล์ วึ่งมีน้ำยา alcohol 70% หรือ alcohol70%ผสม chlorhexidine 0.5% ซึ่งมีลักษณะเป็นเจล (gel)สามารถกำจัดเชื้อโรคออกจากมือทั้งเเบคทีเรียเเกรมบวกเเกรมลบ เชื้อรา เชื้อที่ดื้อยาหลายชนิดเเละไวรัส
การล้างมือก่อนปฎิบัติการพยาบาลที่ใช้เทคนิคปราศจากเชื้อเเละภายหลัง (Hygienic hand washing)
การล้างมือภายหลังการสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อหรือสิ่งปนเปื้อนเชื้อ เช่น กระโถน ถ่าย หรือสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนก่อนเเละหลังทำกิจกรมมที่ต้องใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ เช่นการสวนปัสสาวะให้ล้างมือด้วยสบู่เหลวผสมยาทำลายเชื้อเช่น คลอเฮ็กวิดีน กลูโคเนต 4%(chlorhexidine gluconate 4%)ไอโอโดฟอร์ 7.5% iodophor 7.5% ฟอกอย่างทั่วถึงตามขั้นตอนเหมือนการล้างมือ
การล้างมือก่อนทำหัตถการ surgical hand washing
เป้นการล้างมือเพื่อหัตถการ การทำคลอดที่ต้องป้องกันการติดเชื้อให้ล้างมือด้วยสบู่เหลวทำลายเชื้อ เช่น chlorhexidine 4% เเละใช้เเปรงที่ปราศจากเชื้อเเปีงมือเเลัเล็บครั้งเเรกของวันนั้นๆเเล้วฟอกมือถึงข้อศอกให้ทั่วนานอย่างน้อย 5 นาที
การใส่ถุงมือ(Glove)
ถุงมือจะช่วยป้องกันการติดต่อของเชื้อโรคทั้งหลายทั้งทางตรงเเละทางอ้อม
1.ป้องกันเเละควบคุมเชื้อโรคจากตัวเราไปสู่ตัวผู้ป่วยจากผู้ป่วยไปสู่บุคคลอื่น
2.ป้องกันเเละควบคุมเชื้อโรคจากผู้อื่นไปสู่ผู้ป่วย
3.ป้องกันเเละควบคุมผู้สัมผัสเชื้อเป็นภาหะนำเชื้อไปสู่ผู้อื่น
ถุงมือปลอดเชื้อ sterile gloves
1.หยิบจับของปลอดเชื้อ
2.ทำหัตถการต่างๆเช่น ผ่าตัด
3.ป้องกันการติดเชื้อไปยังผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ถงมือสะอาดหรือใช้ครั้งเดียวทิ้ง Clean,Disposable gloves
1.ป้องกันสิ่งสกปรกสัมผัสมือ เช่นเมื่อมีโอกาสสัมผัสเลือด สารน้ำ สารคัดหลั่งเเละปัสสาวะของผู้ป่วย
2.เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเครื่องใช้ของผู้ป่วยที่ผ่านการใช้งานเเล้วหรือระหว่างให้การพยาบาลผู้ป่วย
การใช้ผ้าปิดจมูก-ปาก Mask
การใช้ผ้าปิดปาก-จมูกจะช่วยป้องกันการได้รับเชื้อโรคจากผู้ป่วยเข้าสู่ทางเดินหายใจเเละเป็นการป้องกันผู้ป่วยได้รับเชื้อจากผู้อื่นเข้าสู้ทางเดินหายใจ
หลักสำคัญ
1.ล้างมือให้สะอาดก่อนเเละหลังใช้
2.หากเป็นชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้งให้หันขอบที่มีลวดใว้ด้านบนควรสวมให้กระชับใบ้หน้าไม่ควรหลวมหรือคับจนเกินไป
3.หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสผ้าปิดปากเเละจมูกขณะที่สวมใส่
4.ระยะเวลาที่ใช้ผ้าปิดปากเเละจมูกจะต้องถอดทันที่ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมการพยาบาลเเละเมื่อเกิดการสกปรกหรือชิ้น
การใส่เสื้อกาวน์ Goen
การใส่เสื้อกาวน์จะช่วยป้องกันการเเพร่กระจายเชื้อโรคได้ เสื้อกาวน์ทั่วไปจะเปิดด้านหลังเเละมีเชือกสำหรับผูกที่คอเเละเอวเสื้อควรจะใหญ่เเละยาวเล็กน้อยเพียงพอที่จะคลุมชุดเครื่องเเบบได้มิดชิดเเขนยาวควรเปลี่ยนเสื้อกาวน์ทุกเวร
การป้องกันการติดเชื้อเเบบมาตฐาน standard precaution
เป็นการระมัดระวังการเเพร่กระจายเชื้อโรคที่ใช้กับผู้ป่วยทุกคนโดยไม่คำนึงถึงการวินิจฉัยโรคเเละชนิดของชิ้นเนื้อทั้งผู้ป่วยที่ทราบเเละไม่ทราบว่าติดเชื้อหรือไม่
1.การมีสุขาภิบาลเเละสุขอนามัยที่ดี sanitation and Hygiene
2.เครื่องป้องกัน Protection Barriers
3.หลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ Avoid Accidents
การปฎิบัติที่ปลอดภัยจากของมีคม
1.ไม่ส่งของมีคมด้วยมือต่อมือ
2.เข็มที่ใช้เจาะเลือดผู้ป่วยให้เก็บทิ้งคนเดียว
3.การเย็บเเผลให้ใช้ forceps หยั่งเเผลเวลาเย็บ
4.การปลดหลอดเเก้วออกจากสายยางให้ใช้ forceps ปลด
5.ไม่ควรสวมปลอกเข็มคืนเเต่ถ้าจำเป็นต้องสวมควรสวมปลอกเข็มโดยใช้มือเดียว one hand technique
contact precaution การติดเชื้อที่เเพร่กระจายได้จากการสัมผัส
1.เเยกผู้ป่วยใว้ในห้องเเยกเเละปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรืออกจาห้องผู้ป่วย
2.สวมถุงมือทุกครั้งเมื่อสัมผัสผู้ป่วยทั้งบุคลากรเเละญาติ
3.ล้างมือเเบบ Hygienic hand washing หลังถอดถุงมือเเละก่อนออกจากห้องเเยก
Drople tprecaution การติดเชื้อที่เเพร่กระจายได้ทางละอองในอากาศ
1.เเยกผู้ป่วยไว้ในห้องเเยกเเละปิดประตูทุกครั้งหลังเข้าหรือออกจากห้องผู้ป่วย
2.ผู้ที่จะเข้าไปในห้องผู้ป่วยหรือดูเเลผู้ป่วยต้องใส่ ผ้าปิดปาก -จมูกชนิด N95
3.ล้างมือเเบบHygienic hand washingหลังถอดถุงมือเเละก่อนออกจากห้องเเยก
5.ให้ผู้ป่วยใช้ผ้าหรือกระดาษปิดปาก-จมูกเวลาไอจาม
เทคนิคการเเยก Isolation Technique
solation Technique คือวิธีในการเเยกผู้ป่วยเพื่อกำจัดการเเพร่กระจายของเชื้อโรคจากผู้ป่วยไปสู่บุคคลอื่น หรือจากบุคคลอื่นไปสู่ผู้ป่วย
จุดประสงค์ในการเเยกผู้ป่วย
1.ป้องกันการกระเเพร่กระจายโรคติดต่อ
2.ป้องกันการติดโรคจากผู้ป่วย
3.ป้องกันการซ้ำเติมโรคในผู้ป่วยที่มีความต้านทานต่ำ
การเเยกผู้ป่วยอาจจำเเนกออกเป็น 7เเบบ คือ
การเเยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ
การเเยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร
การเเยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางบาดเเผลเเละผิวหนัง
การเเยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อร้ายเเรงเเละติดต่อง่าย
การเเยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางเลือดเเละน้ำเหลือง
การเเยกผู้ป่วยในรายที่สงสัยว่าจะเป็นโรคติดต่อ
การเเยกผู้ป่วยในรายที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูง