Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อระบบขับถ่ายปัสสาวะระหว่างตั้งครรภ์ - Coggle Diagram
การติดเชื้อระบบขับถ่ายปัสสาวะระหว่างตั้งครรภ์
การเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินปัสสาวะในขณะตั้งครรภ์ ดังนี้
1.มีการเปลี่ยนแปลงทางกายวิภาคที่สำคัญของระบบปัสสาวะ ตั้งแต่ภายในกรวยไตจนถึงท่อไต โดยจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากโดยเฉพาะด้านขาว ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ร่วมกับการถูกกดทับของมดลูกที่มีขนาดใหญ่ขึ้นขณะตั้งครรภ์ ทำให้มีการคั่งของน้ำปัสสาวะในไต ท่อไต ค้างอยู่นาน เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะ
2.มีการเปลี่ยนแปลงทางหน้าที่ของไต ในไตมีระบบการหมุนเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 70-85 ทำให้ไตต้องปรับตัว และเพิ่มหน้าที่การกรองของไตขึ้นประมาณร้อยละ 45 ทำให้ระดับ creatinine และ BUN ในเลือดลดต่ำลง ส่วนหน้าที่ tubule ในการดูดซึมกลับของโซเดียม กรดอมิโนส่วนใหญ่ วิตามินหลายชนิดที่ละลายน้ำได้ และกลูโกสสูงขึ้น เพื่อเป็นการรักษาสมดุลของภาวะกรด-ด่าง ทำให้ความเข้มข้นของสารต่าง ๆ เหล่านี้ในปัสสาวะลดลง
ชนิดของการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและระบบขับถ่ายปัสสาวะขณะตั้งครรภ์
1.การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะแต่ไม่แสดงอาการ (Asymptomatic bacteriuria:ASB)
เป็นการตรวจพบแบคทีเรียนในปัสสาวะมากกว่า 150 cfu/ml
2.การติดเชื้อเฉียบพลันที่กระเพาะปัสสาวะ (Acute cystitis)
เป็นการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ ร่วมกับมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ แสบขัด มีสีขุ่นหรือสีแดง
3.การติดเชื้อเฉียบพลันที่กรวยไต (Acute pyelonephritis)
เป็นการตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะ มากกว่า 105 cfu/ml ร่วมกับปัสสาวะเป็นหนอง มีไข้ หนาวสั่น ปวดบริเวณบั้นเอว
4.กลุ่มอาการโรคไตรั่ว หรือโปรตีนรั่วในปัสสาวะ (Nephrotic syndrome)
พบโปรตีนในปัสสาวะมากประมาณ 5 กรัม/วัน โปรตีนในเลืดต่ำ ไขมันในเลือดสูง บวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
5.ภาวะไตวาย
แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ
5.1
ไตวายเรื้อรัง (chronic renal failure)
มีสาเหตุมาจากโรคหลายอย่าง เช่น DM, SLE, glomerulonephritis
5.2
ไตวายเฉียบพลัน (acute renal failure)
มีสาเหตุจากการแท้งติดเชื้อ
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ (E.Coli) ที่อยู่รอบท่อปัสสาวะ โดยมีปัจจัยส่งเสริม คือ การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนขณะตั้งครรภ์ ทำให้ท่อไตตึงตัว ทำให้การเคลื่อนไว้และการหดรัดตัวของท่อไตลดลง ประสิทธิภาพในการดูดซึมกลับลดล ทำให้ปัสสาวะค้างอยู่ในทางเดินปัสสาวะมากขึ้น และจากการที่มดลูกมีการขยายขนาดใหญ่ขึ้นและกดเบียดกระเพาะปัสสาวะทำให้รูเปิดของหลอดไตที่กระเพาะปัสสาวะเกิดการบิดงอ ปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะและกรายไตอักเสบเฉียบพลันตามมา
อาการและอาการแสดง
1.ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่าง (Lower UTI)
สตรีตั้งครรภ์จะมีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด กระปิดกระปรอย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ อาจพบปัสสาวเป็นเลือดหรือสีน้ำล้างเนื้อ
2.ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน (Upper UTI)
ได้แก่ กรวยไตอักเสบ จะพบปัสสาวะสีขุ่น เจ็บบริเวณชายโครง ปวดหลังบริเวณตำแหน่งของไต มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้อาเจียน หากอาการรุนแรงอาจมีการติดเชื้อในกระแสเลือด
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครภ์และทารก
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
-การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะจะกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว ทำให้เกิดการแท้ง การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด และถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
ผลกระทบต่อทารก
-ทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย ทารกเจริญเติบโตช้า และทารกตายคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
1.ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินของโรค ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับสตรีตั้งครรภ์และทารก และแผนการรักษาพยาบาล
2.เน้นความสำคัญของการมาตรวจครรภ์ตามนัดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อประเมินภาวะสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์
3.แนะนำการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
4.กรณีที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะและได้รับการรักษา ติดตามการเปลี่นแปลงของโรค รวมทั้งสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไตวาย
-
ระยะคลอด
ให้การพยาบาลเช่นเดียวกับผู้คลอดทั่วไป และเน้นเรื่องการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกทุกครั้งหลังการขับถ่าย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ การสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ และในกรณีที่คลอดก่อนกำหนดเตรียมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือทารกแรกเกิดให้พร้อม
ระยะหลังคลอด
1.การป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และการป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
2.ให้คำแนะนำเช่นเดียวกับคำแนะนำเพื่อป้องกันการติดเชื้อในขณะตั้งครรภ์ โดยเน้นการคุมกำเนิด ในรายที่มีบุตรเพียงพอแล้ว