Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้ออื่นๆขณะตั้งครรภ์, image, image, image - Coggle Diagram
การติดเชื้ออื่นๆขณะตั้งครรภ์
hepatitis A virus: HAV
ความหมาย
เกิดจากเชื้อ hepatitis A virus
ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคตับอักเสบเอ
เชื้อไวรัสจะผ่านกระเพาะไปยังลำไส้ จากนั้นประมาณ 15-50 วัน เชื้อจะกระจายเข้าสู่ตับทำให้ตับเกิดการอักเสบเฉียบพลัน
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ปวดศีรษะ
หากตรวจพบน้ำดีในปัสสาวะแสดงว่าตับมีการทำงานผิดปกติ
มีอาการตับเหลือง ตาเหลือง
ไม่มีอาการดีซ่าน
ตรวจพบ alkaline phosphatase เพิ่มขึ้น
ผลกระทบ
เชื้อ HAV สามารถผ่านไปยังทารกในครรภ์ได้
หากสตรีตั้งครรภ์มีการติดเชื้อในระยะใกล้คลอด อาจมีการแพร่กระจายเชื้อไปยังทารก
แนวทางการรักษา
หากอารกมีโอกาสติดเชื้อ อาจพิจารณาให้ immune serum globulin (ISG) ในรายที่สัมผัสเชื้อ เพื่อป้องกันและความรุนแรงของตับอักเสบไวรัสเอ
ส่วนใหญ่ให้การรักษาแบบประคับประคองอาการจลตามที่ปรากฏ
การพยาบาล
อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับโรค เพื่อลดความวิตกกังวล
ดูแลการให้ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ
แนะนำให้รับประทานอาหารที่สุก สะอาด ย่อยง่าย และดื่มน้ำให้เพียงพอ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีผลต่อตับ เช่น acetaminophen
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
เน้นให้มาตรวจตามนัด เพื่อประเมินสภาวะของสตรีตั้งครรภ์และทารก
Hepatitis B virus
ความหมาย
เกิดจากการติดเชื้อ Hepatitis B virus ผ่านทางเลือด น้ำลาย อสุจิ สิ่งคัดหลั่งทางช่องคลอด น้ำนม และผ่านทางรก
เมื่อเซลล์ไวรัสเข้าสู่เซลล์ตับจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
อาจทำให้กลายเป็นตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในอนาคต
พยาธิสรีรภาพ
ระยะที่สาม
anti-HBe ทำลาย HBeAg จนเหลือ < 105 copies/mL (20,000 IU/mL)
อาการตับอักเสบจะค่อย ๆ ดีขึ้น ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกัน
หากตรวจเลือดจะพบ HBeAg ให้ผลลบ anti-HBe ให้ผลบวก และค่าเอนไซม์ ตับปกติ
ระยะที่สี่
เชื้อกลับมามีการแบ่งตัวขึ้นมาใหม่ ทำให้เกิดการอักเสบของตับขึ้นมาอีก
ตรวจเลือดเลือดจะพบ HBeAg ให้ผลลบ และ anti-HBe ให้ผลบวก
anti-HBe ไม่สามารถทำลาย HBeAg ได้จนเหลือน้อยกว่า 105 copies/mL
ตับอักเสบเรื้อรังจนเนื้อตับเสียหาย มีพังผืดแทรกจนเป็นตับแข็งและกลายเป็นมะเร็งตับ
ระยะที่สอง
มีอาการอ่อนเพลีย เป็นหวัด คลื่นไส้ อาเจียน จุกแน่นใต้ชายโครงจากตับโต ปัสสาวะเข้ม ตัวเหลือง ตาเหลือง
ตับเริ่มมีการอักเสบ ตรวจพบเอมไซม์มากขึ้น
ตรวจเลือดพบ anti-HBe ให้ผลบวกและจำนวน Hepatitis B virus DNA ลดลง
ระยะแรก
ไม่มีอาการแสดงของการได้รับเชื้อ
เอนไซม์ตับปกติซึ่งแสดงถึงไม่มีการอักเสบของตับ
ตรวจเลือดพบ HBeAg ให้ผลบวก และพบ Hepatitis B virus DNA (viral load) จำนวนมาก
อาการและอาการแสดง
มีไข้ต่ำ ๆ
เบื่ออาหาร อาเจียน
ปวดท้อง อาจปวดทั่วไปหรือปวดบริเวณชายโครงขวา
ปัสสาวะมีสีเข้มขึ้นเป็นสีชาแก่
คลำพบตับโต กดเจ็บ
ปลายสัปดาห์แรกจะเริ่มมีตาเหลืองตัวเหลือง
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
หากติดเชื้อ Hepatitis B virus ในไตรมาสที่ 3เสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนด
พาหะของ Hepatitis B virus ที่ไม่มีอาการแสดงของตับอักเสบ ไม่เสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน
ทารกในครรภ์
ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
ทารกตายในครรภ์ หรือเสียชีวิตแรกเกิด
ทารกมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้
สามารถพัฒนาเป็นโรคตับแข็งและมะเร็งตับในอนาคต
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ตรวจคัดกรองสตรีตั้งครรภ์ทุกคนว่าเป็นพาหะของโรคหรือไม่
แนะนำให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ รับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำ ย่อยง่าย ให้พลังงานสูง
แนะนำการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ การป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน
ระยะคลอด
ให้พักบนเตียง ประเมินการเต้นของหัวใจทารกในครรภ์ ติดตามความก้าวหน้าของการคลอด และสังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ
หลีกเลี่ยงการเจาะถุงน้ำคร่ำ และการตรวจทางช่องคลอดเพื่อป้องกันถุงน้ำคร่ำแตกก่อน
เมื่อศีรษะทารกคลอด ดูดมูก เลือดและสิ่งคัดหลั่งต่าง ๆ ออกจากปากและจมูกของทารกให้มากที่สุด
ฉีด Hepatitis B immunoglobulin (HBIG) ให้เร็วที่สุดหลังเกิด
Hepatitis B vaccine (HBV) 3 ครั้ง ครั้งแรกภายใน 1 สัปดาห์แรกหลังคลอด หรืออาจให้พร้อม HBIG และให้ครั้งที่ 2 และ 3 เมื่ออายุครบ 1 และ 6 เดือน
ระยะหลังคลอด
หากมารดาหลังคลอดมีหัวนมแตกและมีการอักเสบติดเชื้อของหัวนม แนะนำให้งดให้บุตรดูดนมเพราะอาจแพร่กระจายเชื้อสู่ทารกได้
เน้นการรักษาความสะอาดของร่างกาย การป้องกันการปนเปื้อนของเลือดหรือน้ำคาวปลา
การล้างมือให้สะอาดก่อนการดูแลทารกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
แนะนำให้นำทารกมารับวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสตับอักเสบบี
Rubella/German measles
พยาธิสรีรภาพ
กลุ่มไม่มีอาการทางคลินิก
ตรวจพบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหัดเยอรมันอย่างเดียว
กลายเป็นพาหะของโรค
กลุ่มที่มีอาการทางคลินิก
มีผื่นที่ใบหน้า ลามไปที่ลำตัวและแขนขา
อาจมีอาการปวดข้อ ปวดเข้า พบต่อมน้ำเหลืองโต
เนื้อรกและหลอดเลือดกลายเป็นเนื้อตาย
อาการและอาการแสดง
มีไข้ต่ำ ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว
เบื่ออาหาร
ตาแดง ไอ เจ็บคอ
ต่อน้ำเหลืองบริเวณหลังหูโต
อาจมีอาการปวดข้อ
มีผื่นขึ้นเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดง (maculopapular)
ผลกระทบต่อทารก
แท้ง ตายคลอด หรือพิการแต่กำเนิด
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นชั่วคราว เช่น ตับม้ามโต ตัวเหลือง โลหิตจาง เกล็ดเลือดต่ำ ปอดบวม กระดูกบาง
ความผิดปกติถาวร ได้แก่ หูหนวก หัวใจพิการ ตาบอด (ต้อกระจก, ต้อหิน) สมองพิการ และปัญญาอ่อน
ความผิดปกติปรากฏภายหลัง เช่น ภาวะเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ สูญเสียการได้ยิน ลิ้นหัวใจผิดปกติ ความดันโลหิตสูง สมองอักเสบ
การพยาบาล
ให้วัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อเยอรมันแก่สตรีวัยเจริญพันธุ์ ก่อนฉีดวัคซีนจะต้องแน่ใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์และต้องคุมกำเนิดต่อไปอีกอย่างน้อย 3 เดือน
หลีกเลี่ยงการเข้าชุมชนในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อหัดเยอรมันโดยเฉพาะในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
แนะนำให้มาฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ
สตรีที่ไม่มีภูมิคุ้มกันหรือไม่เคยฉีดวัคซีน ควรได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันหัดเยอรมันหลังคลอดทุกราย
Varicella-zoster virus: VZV
พยาธิสรีรภาพ
congenital varicella syndrome เกิดจากการติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์
เชื้อโรคมีระยะฟักตัวนาน 10-20 วัน
มารดาติดเชื้อไวรัสสุกใสขณะตั้งครรภ์ จะมีผลต่อความพิการของทารกในครรภ์
อาการและอาการแสดง
มีไข้ต่ำ ๆ นำมาก่อนประมาณ 1-2 วันแล้วค่อยมีผื่นขึ้น
ผื่นและตุ่ม มักจะขึ้นตามไรผมหรือหลัง เป็นตุ่มน้ำใสๆ บนฐานสีแดง เหมือนหยาดน้ำค้างบนกลีบกุหลาบ (dewdrops on a rose petal)ลามไปบริเวณหน้าลำตัว และแผ่นหลัง
มีอาการปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย คล้ายอาการของไข้หวัดใหญ่
อาจมีต่อมน้ำเหลืองที่คอ และหลังหูโตขึ้น จนคลำได้ก้อนกดเจ็บ
มีอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ตุ่มน้ำจะรู้สึกคันมาก หลังจากนั้นจะพัฒนาไปเป็นตุ่มหนอง และแห้งลงจนตกสะเก็ด
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
มีภาวะภูมิคุ้มกันที่ลดลงจากการตั้งครรภ์
มีภาวะปอดอักเสบ
ให้ระบบหายใจล้มเหลว
อาการทางสมอง ทำให้ซึมลงและมีอาการชัก
เสียชีวิตได้ทั้งแม่และทารกในครรภ์
ทารก
การติดเชื้อในครรภ์
ทารกเกิดความพิการก่อนกำเนิด เช่น ความผิดปกติของตา สมอง
congenital varicella syndrome
คลอดก่อนกำหนด
การติดเชื้อปริกำเนิด
ทารกยังไม่มีภูมิคุ้มกัน (antibody) หากได้รับเชื้ออาจเสียชีวิต
อาจติดเชื้อผ่านทางมดลูกและช่องทางคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
เน้นหลัก Universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ขณะคลอดควรดูดเมือกออกจากปากและจมูกทารกโดยเร็ว ทำความสะอาดร่างกายทันทีหลังคลอด
ระยะคลอด
ใช้หลัก universal precaution ในการสัมผัสน้ำคาวปลา แนะนำให้แยกของใช้สำหรับมารดาและทารก
แนะนำการรับประทานอาหารโปรตีนและวิตามินซีสูง พักผ่อนเพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ดูแลให้ทารกรับวัคซีน VariZIG แก่ทารกแรกเกิดทันที
รวมทั้งประเมินภาวะการติดเชื้อของทารก
ระยะก่อนตั้งครรภ์
แนะนำให้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ทานอาหารที่มีโปรตีนสูง วิตามินซีสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
Cytomegalovirus: CMV
พยาธิสรีรภาพ
ทารกได้รับเชื้อจากมารดาในครรภ์ ในระยะคลอด ในระยะให้นม การถ่ายเลือด การปลูกถ่ายอวัยวะ เพศสัมพันธ์ ทางหายใจ ทางการสัมผัส
บางกลุ่มที่อาจเป็นโรค Mononucleosis ซึ่งมีอาการไข้สูงเป็นเวลานาน มีตับอักเสบเล็กน้อย
การติดเชื้อ CMV ไม่ก่อให้เกิด โรคร้ายแรง
การติดเชื้อ CMV ก่อให้เกิดอาการโรคที่รุนแรงในกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ได้แก่ การติดเชื้อในทารกในครรภ์
อาการและอาการแสดง
ไข้สูงนาน ปวดกล้ามเนื้อ
มีอาการ ปอดบวม ตับอักเสบ และอาการทางสมอง
อาการในเด็กทารกมีตั้งแต่อาการอย่างอ่อน ถึงอาการที่รุนแรงทางสมองและระบบประสาท ได้แก่ hepatosplenomegaly, thrombocytopenia, petechiae, microcephaly, chorioretinitis, hepatitis และ sensorineural hearing loss
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
หากไวรัส CMV ที่แฝงตัวอยู่ มีการติดเชื้อซ้ำ หรือติดเชื้อใหม่ในขณะตั้งครรภ์
เสี่ยงต่อการแท้ง
คลอดก่อนกำหนด รกลอกตัวก่อนกำหนด
มีการติดเชื้อของถุงน้ำคร่ำ
ทารกในครรภ์
เสี่ยงต่อภาวะ IUGR แท้ง fetal distress คลอดก่อนกำหนด
น้ำหนักแรกเกิดน้อย
ทารกเสียชีวิตในครรภ์ และตายคลอด
hepatosplenomegaly, thrombocytopenia, petechiae, microcephaly, chorioretinitis, hepatitis และ sensorineural hearing loss
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
การงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
อธิบายสตรีตั้งครรภ์และครอบครัวทราบเกี่ยวกับโรคเพื่อให้เกิดความเข้าใจ คลายความวิตกกังวลและให้ความร่วมมือในการรักษา
ระยะคลอด
เน้นหลัก Universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ขณะคลอดควรดูดเมือกออกจากปากและจมูกทารกโดยเร็ว ทำความสะอาดร่างกายทันทีหลังคลอด
ระยะหลังคลอด
เน้นหลัก Universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
งดให้นมมารดา หากมารดาหลังคลอดมีการติดเชื้อ
เน้นย้ำเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดและความสำคัญของการมาตรวจตามนัดหลังคลอด
แนะนำให้สังเกตอาการผิดปกติของทารกที่ต้องรีบพามาพบแพทย์
Toxoplasmosis
อาการและอาการแสดง
อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ
อาจมีกลุ่มอาการของ Mononucleosis
Chorioretinitis
รายที่รุนแรงจะมีพยาธิที่สมอง
ปอดบวม
กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
การแท้ง
คลอดก่อนกำเนิด
ถุงน้ำคร่ำและเยื่อหุ้มทารกอักเสบ
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
รกลอกตัวก่อนกำหนด
ทารก
ไข้ ชัก
ทารกหัวบาตร microcephaly, chorioretinitis
หินปูนจับในสมอง (Cerebral calcification)
ตับและม้ามโต
ตาและตัวเหลือง
ทารกมักเสียชีวิตหลังคลอด
การพยาบาล
ระยะคลอด
เน้นหลัก Universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ภายหลังทารกคลอดเช็ดตาด้วย 0.9%NSS เช็ดตาทันที
ป้ายตาด้วย 1% tetracycline ointment หรือ 0.5% erythromycin ointment หรือ 1% Silver nitrate (AgNO3) หยอดตาตาทารก
ระยะหลังคลอด
เฝ้าระวังการตกเลือดและการติดเชื้อหลังคลอด
เน้นเรื่องการรักษาความสะอาด การมาตรวจตามนัด การสังเกตอาการผิดปกติของทารก ต้องรีบพามาพบแพทย์
ระยะตั้งครรภ์
ติดตามผลการตรวจเลือด
เน้นการรักษาอย่างต่อเนื่อง การรับประทานยา และการสังเกตอาการข้างเคียงของยา
Zika
อาการและอาการแสดง
มีอาการไข้ ผื่นแดง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง
พบอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างน้อย
ในสตรีตั้งครรภ์อาจส่งผลให้ทารกที่คลอดมีศีรษะเล็กกว่าปกติ โดยเฉพาะการติดเชื้อนี้ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
มีผื่นขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์
อาการไข้ หนาวสั่นรู้สึกไม่สุขสบาย
ปวดข้อ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อตึงตัว อาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ตัวเหลืองตาเหลือง
ชา อัมพาตครึ่งซีก ปวดศีรษะ
ตาแดงและเยื่อบุตาอักเสบ ต่อมน้ำเหลืองโต
ซีด บวม ตามปลายมือปลายเท้า
คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกตามผิวหนัง
อาการทางระบบทางเดินหายใจ
ทารก
ความผิดปกติเกี่ยวกับระบบประสาท ตาและการมองเห็น
ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า
ทารกตายในครรภ์ และตายหลังคลอด
ภาวะศีรษะเล็กในทารก
การพยาบาล
แนะนำในการป้องกันสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อไวรัสซิกา
หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรค
หากมีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ หรืออาการที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์
ประเมินสัญญาณชีพโดยเฉพาะอุณหภูมิ หากมีไข้
ดูแลให้ได้รับยาลดไข้ตามแผนการรักษา และไม่ควรรับประทานยากลุ่ม NSAID เนื่องจากจะทำให้เกิดภาวะเลือดออกในอวัยวะภายในได้
ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ โดยการฟังเสียงหัวใจทารก การวัดระดับยอดมดลูก การส่งตรวจและติดตามผลการทำ NST การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง และประเมินการดิ้นของทารกในครรภ์
เมื่อทารกคลอด ให้รีบดูดน้ำคร่ำและสารคัดหลั่งที่อยู่ในคอ ช่องปาก และจมูกของทารกออกมาให้สะอาด
เน้นย้ำการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและวิตามินสูง
COVID-19 during Pregnancy
อาการและอาการแสดง
มีไข้ ร่วมกับมีอาการของระบบทางเดินหายใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
ระบบทางเดินหายใจ คือ ไอ น้ามูก เจ็บคอ หายใจติดขัด หรือหายใจลำบาก
ผลกระทบ
สตรีตั้งครรภ์
ภูมิต้านของร่างกายขณะตั้งครรภ์ลดต่ำลง
สตรีตั้งครรภ์เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
มีการติดเชื้อของเยื่อหุ้มเด็ก
ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
รกเสื่อมและรกลอกตัวก่อนกำหนด
ทารก
ทารกในครรภ์พัฒนาการล่าช้า
คลอดน้ำหนักตัวน้อย
คลอดก่อนกำหนด
ทารกแรกเกิดอาจตรวจพบการติดเชื้อได้ในทันทีหลังคลอด หรือตรวจพบภายใน 7 วันหลังคลอดได้
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ตรวจเลือดจะพบเม็ดเลือดขาวต่ำ โดยเฉพาะ lymphocyte ค่า C-reactive protein สูงขึ้น เกล็ดเลือดต่ำ ค่าเอนไซม์ตับและ creatine phosphokinase สูง
การยืนยันการติดเชื้อไวรัส โดยตรวจหา viralnucleic acid ด้วยวิธี real-time polymerase chain reaction (RT-PCR)
แนวทางการรักษา
เน้นให้บุคลากรใส่ชุด PPE
ถ้ามีไข้ ห้ามใช้ยากลุ่ม NSAIDs
สตรีตั้งครรภ์ที่มีอาการรุนแรง
หายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น เจ็บหน้าอก หรือมี hypoxia เป็นต้น ควรคิดถึงภาวะ pulmonary embolism
ควรให้เป็น cannula แทนทาง face mask เนื่องจากจะเกิดการแพร่กระจายของละอองฝอยได้
On EFM ถ้าอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป
ให้ยาต้านไวรัสและ/หรือยาอื่น ๆ เช่น Lopinavir/Ritonavir
การพยาบาล
หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอาการ
social distancing
รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่เสมอ
หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะรับประทานอาหารและของใช้ส่วนตัว ร่วมกับผู้อื่น
เน้นย้ำให้สตรีตั้งครรภ์มาฝากครรภ์ตามนัดได้ตามปกติ