Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
แผนพัฒนาสุขภาพ, สีแดงคือความแตกต่างกันระหว่างธรรมนูญสุขภาพ 2 ฉบับบ,…
แผนพัฒนาสุขภาพ
ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพ พ.ศ. 2552
ข้อ 1 ธรรมนูญนี้เรียกว่า ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2552
ข้อ 2 ธรรมนูญนี้ให้มีผลตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งปี พ.ศ. 2550 ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
ข้อ 3 ในธรรมนูญนี้
การเงินการคลังรวมหมู่ หมายความว่าการการเงินการคลังที่ประชาชนร่วมจ่ายเงินตามสัดส่วนความสามารถในการจ่ายตามหลักการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขโดยนำเงินที่เก็บล่วงหน้ามาใช้จ่ายร่วมกันเพื่อจัดให้มีบริการสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตสำหรับทุกคน
ระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพ หมายความว่าการจัดการทางการเงินการคลังโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาวะและหลักประกันการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างถ้วนหน้าและอย่างมีประสิทธิภาพ
กำลังคนด้านสุขภาพ หมายความว่าบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีบทบาทในด้านการสร้างเสริมสุขภาพการรักษาพยาบาลการป้องกันโรคและฟื้นฟูสมรรถภาพซึ่งรวมถึงบุคลากรดานสาธารณสุขผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขบุคลากรสายสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก อาสาสมัครด้านสุขภาพต่างๆแกนนำและเครือข่ายสุขภาพตลอดจนบุคคลที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
บุคลากรด้านสาธารณสุข หมายความว่าผู้ให้บริการสาธารณสุขที่มีกฎหมายระเบียบหรือข้อกําหนดรองรับ
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ หมายความว่าการนําเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับสุขภาพที่หน่วยงานของรัฐ และภาคส่วนต่างๆจัดทําขึ้นเพื่อเผยแพร่และสื่อสารกับประชาชนด้วยรูปแบบและช่องทางต่างๆ
การสร้างความรู้ด้านสุขภาพ หมายความว่าการสร้างความรู้จากการปฏิบัติการจัดการความรู้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้การสั่งสมความรู้และประสบการณ์การศึกษาวิจัยการสังเคราะห์ความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและระบบสุขภาพ
หมอพื้นบ้าน หมายความว่า บุคคลซึ่งมีความรู้ความสามารถในการดูแลสุขภาพโดยอาศัยภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน
ชุมชนท้องถิ่น หมายความว่าชุมชนที่อยูร่วมกันในพื้นที่หมู่บ้านหรือตําบล
ชุมชน หมายความว่ากลุ่มประชาชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะอันเนื่องจากการมีผลประโยชน์หรือมีค่านิยมร่วมกันหรือ มีปัญหาร่วมกันหรือ อาศัยอยู่ในอาณาเขตทางภูมิศาสตร์เดียวกันหรือ มีความสนใจและมีกิจกรรมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมกัน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ หมายความว่า องค์ความรู้ความคิดความเชื่อ และความชำนาญในการดูแลสุขภาพโดยอาศัยความรู้ที่ได้สั่งสมถ่ายทอดและพัฒนาสืบต่อกันมาในท้องถิ่นซึ่งรวมถึงการแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ ที่ประชาชนและชุมชนใช้ในการดูแลสุขภาพอย่างสอดคล้องกับท้องถิ่นนั้นๆ ด้วย
การบริการสาธารณสุขที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ หมายความว่า การบริการสาธารณสุขที่มีความเอื้ออาทรความสมานฉันท์ระหว่างบุคลากรสาธารณสุขและประชาชนโดยมุ่งประโยชน์สุขของประชาชนครอบครัว ชุมชนและสังคมตามจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยสุจริต ปราศจากการครอบงำ ของผลประโยชน์ทางธุรกิจ
คุณภาพบริการสาธารณสุข หมายความว่าคุณลักษณะของบริการสาธารณสุขที่อยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ทั้งด้านมนุษย์สังคมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและด้านอื่นๆและพื้นฐานด้านคุณธรรมและจริยธรรมแห่งวิชาชีพตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของประชาชนและสังคมได้อย่างเหมาะสม
การบริการสาธารณสุข หมายความว่า การบริการต่างๆอันเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพการป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพการตรวจวินิจฉัยและบําบัดสภาวะความเจ็บป่วยและการฟื้นฟูสมรรถภาพของบุคคลครอบครัว และชุมชน
การป้องกันและการควบคุมปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ หมายความว่า การจัดการกับปัจจัยต่างๆที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพและชีวภาพเชื้อโรคสารเคมีภัยธรรมชาติรวมทั้งระบบต่างๆในสังคมเพื่อควบคุมปัจจัยดังกล่าวให้มีผลเสียต่อสุขภาพน้อยที่สุดรวมทั้งการสร้างปัจจัยที่เอื้อต่อการมีสุขภาพด้วย
การควบคุมโรค หมายความว่าการควบคุมโรคระบาดโรคไม่ติดต่อโรคติดต่อโรคติดต่ออันตรายต่างๆรวมทั้งโรคที่เกิดจากการปนเปื้อนของสารต่างๆใน สิ่งแวดล้อมและอาหารและโรคอื่นๆ ที่สามารถลดความสูญเสียสุขภาพชีวิต และทรัพยากรได้หากมีการตรวจพบแต่เนิ่นๆ
การป้องกันโรค หมายความว่า การกระทําหรืองดกระทําบางสิ่งบางอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยหรือเป็นโรคและการป้องกันไม่ให้กลับเป็นซ้ำ
การสร้างเสริมสุขภาพ หมายความว่า การกระทําที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคคลมีสุขภาวะทางกายจิตปัญญาและสังคมโดยสนับสนุนพฤติกรรมบุคคลและการจัดการสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของบุคคลครอบครัว ชุมชนและสังคม
สุขภาพ หมายความว่า ภาวะของมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางกายทางจิตทางปัญญาและทางสังคมเชื่อมโยงกันเป็นองค์รวมอย่างสมดุล
หมวด 3 การจัดให้มีหลักประกันและความคุ้มครองให้เกิดสุขภาพ
หมวด 4 การสร้างเสริมสุขภาพ
หมวด 2 คุณลักษณะที่พึ่งประสงค์และเป้าหมายของระบบสุขภาพ
หมวด 5 การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ
หมวด 1 ปรัชญาและแนวคิดหลักของระบบสุขภาพ
หมวด 6 การบริการสาธารณสุขและการควบคุมคุณภาพ
หมวด 7 การส่งเสริม สนับสนุน การใช้และการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกอื่นๆ
หมวด 8 การคุ้มครองผู้บริโภค
หมวด 9 การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสุขภาพ
หมวด 10 การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ
หมวดที่ 11 การสร้างและพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข
หมวดที่ 12 การเงินการคลังด้านสุขภาพ
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550
หมวดที่ 1 สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
มาตรา 8 ในการบริการสาธารณสุข บุคลากรด้านสาธารณสุขต้องแจ้งข้อมมูลด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ ให้ผูรับบริการทราบอย่างเพียงพอที่ผู้รับบริการจะใช้ประกอบการตัดสินใจในการรับหรือม่รับบริการใดและในกรณีที่ผู้รับบริการปฏิเสธไม่รับบริการใดจะให้บริการนั้นไม่ได้
มาตรา 10 เมื่อมีกรณีที่จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนเกิดขึ้นหน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวต้องเปิดเผยข้อมูลนั้นและวิธีป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพให้ประชาชนทราบและจัดหาข้อมูลให้โดยเร็ว
มาตรา 7 ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลเป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะจำไปเปิดเผยในแระการที่น่าจะทำให้บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง
มาตรา 11 บุคคลหรือคณะบุคคลมีสิทธิร้องขอให้มีการประเมินและมีสิทธิร่วมในกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสุขภาพจากนโยบายสาธารณะ
มาตรา 6 สุขภาพของหญิงในด้านสุขภาพทางเพศและสุขภาพของระบบพันธุ์ซึ่งมีความจำเพาะซับซ้อนและมีอิทธิพลต่อสุขภาพหญิงตลอดช่วงชีวิต ต้องได้รับการสร้างเสริม และคุ้มครองอย่างสอดคล้องและเหมาะสม
มาตรา 12 บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตนหรือเพื่อยุติการทรมานจากอาการเจ็บป่วยได้
มาตรา 5 บุคคลมีสิทธิในการดำรงชีวิตในสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
หมวด 2 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
มาตรา 18 การเลือกกรรมการตามมาตรา 13 ให้คณะกรรมการสรรหาดำเนินการ
มาตรา 19 ให้มีคณะกรรมการสรรหาคณะหนึ่งซึ่ง คสช. แต่งตั้ง
มาตรา 17 การเลือกกรรมการตามมาตรา 13 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการสรรหาประกาศกำหนด
มาตรา 20 ให้คณะกรรมการสรรหามีหน้าที่และอำนาจ
มาตรา 16 การเลือกกรรมการตามมาตรา 13 ให้เป็นไปตามวิธีการที่คณะกรรมการประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ
มาตรา 21 กรรมการตามมาตรา 13 มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี โดยกรรมการตามมาตรา 13 จะดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระติดต่อกันไม่ได้
มาตรา 14 กรรมการต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
มาตรา 23 นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระ กรรมการจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อตาย,ลาออก,ถูกจำคุก,คสช.มีมติ,ขาดคุณสมบัติ
มาตรา 13 ให้มีคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติโดยเรียกโดยย่อว่า คสช.
มาตรา 24 หลักเกณฑ์และวิธีการประชุมของคสช. และการปฏิบัติงานของคสช. ให้เป็นไปตามระเบียบที่คสช.กำหนด
หมวดที่ 5 ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ
ธรรมนูญสุขภาพ ปี 2552
หมวด 6 การบริการสาธารณสุขและการควบคุมคุณภาพ
หมวด 7 การส่งเสริมสนับสนุนการใช้และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกอื่น
หมวด 5 การป้องกันและควบคุมโรค และปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ
หมวด 8 การคุ้มครองผู้บริโภค
หมวด 4 การเสริมสร้างสุขภาพ
หมวด 9 การสร้างและเผยแพร่องค์ความรู้ด้านสุขภาพ
หมวด 3 การจัดการให้มีหลักประกันปละความคุ้มครองให้เกิดสุขภาพ
หมวด 10 การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ
หมวด 2 คุณลักษณะที่พึ่งประสงค์และเป้าหมายของระบบสุขภาพ
หมวด 11 การสร้างและการพัฒนาบุคลากรด้านสาธารณสุข
หมวด 1 ปรัชญาและแนวคิดหลักของระบบสุขภาพ
หมวด 12 การเงินและการคลังด้านสุขภาพ
ธรรมนูญสุขภาพ ปี 2559 (ฉบับที่ 2)
หมวด 4 การบริการสาธารณสุขและการสร้างหลักประกันคุณภาพ
หมวด 5 การส่งเสริมสนับสนุนการใช้และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกอื่น
หมวด 3 การป้องกันและควบคุมโรค และปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ
หมวด 6 การคุ้มครองผู้บริโภค
หมวด 2การเสริมสร้างสุขภาพ
หมวด 7 การสร้างองค์ความรู้ด้านสุขภาพ
หมวด 1 สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
หมวด 8 การเผยแพร่ความรู้และข้อมูลด้านสุขภาพ
หมวด 9 การสร้างและพัฒนาด้านสังคม
หมวด 10 การเงินการคลังด้านสุขภาพ
หมวด 11 สุขภาพจิต
หมวด 12 สุขภาพทางปัญญา
หมวด 13 การอภิบาลระบบสุขภาพ
หมวด 14 ธรรมนูญสุขภาพพื้นที่
หมวด 3 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
มาตรา 27 ให้สำนักงานมีหน้าที่และอำนาจ
มาตรา 28 รายได้ของสำนักงาน
มาตรา 26 ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติขึ้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามประมวลกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณแผ่นดินและไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่นๆ
มาตรา 29 บรรดารายได้ของสำนักงานตามมาตราที่ 28 ไม่เป็นรายได้ส่วนทีต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณแผ่นดิน
มาตรา 30 การเก็บรักษาและการใช้จ่ายของสำนักงานให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
มาตรา 31 ให้มีเลขาธิการคนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารงานของสำนักงานขึ้นตรงต่อคสช.
มาตรา 34 เลขาธิการมีหน้าที่และอำนาจ
มาตรา 37 ให้คสช. แต่งตั้งคณะกรรมการบริหาร
มาตรา 39 คณะกรรมการบริหารมีอำนาจและหน้าที่
หมวดที่ 4 สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ
มาตรา 42 ในการจัดสมัชชาสุขภาพให้คสช. แต่งตั้งคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติคณะหนึ่ง มีจำนวนตามที่คสช.กำหนด
มาตรา 43 ให้คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมีหน้าที่ในการจัดประชุมสมัชชาแห่งชาติ กำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการประชุม ซึ่งต้องประกาศให้ประชาชนทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
มาตรา 41 ให้คสช. จัดให้มีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
มาตรา 44 ผู้ใดประสงค์จะเข้าร่วมสมัชชาแห่งชาติในการประชุมครั้งใดให้สมัครลงทะเบียนสำหรับการประชุมครั้งนั้นต่อเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติกำหนดตามแบบและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติกำหนด
มาตรา 40 การจัดตั้งสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ หรือสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นหรือสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อจัดสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ หรือสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คสช.กำหนด
มาตรา 45 ในกรณีที่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติมีข้อเสนอให้หน่วยงานของรัฐนำไปปฏิบัติหรือนำไปพิจารณาประกอบนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพให้เสนอต่อคสช.เพื่อพิจารณาดำเนินการให้บรรลุผลตามควรแก่กรณีต่อป
หมวด 6 บทกำหนดโทษ
มาตรา 52 ให้ถือว่าข้าราชการที่โอนมาตามมาตรา 50 ออกจากราชการ เพราะทางราชการเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญราชการหรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนกองทุนบำเหน็จบำนาญราชการแล้วแต่กรณี
มาตรา 53 นำความในมาตรา 52 มาใช้บังคับการออกจากราชการ หรือออกจากงานของข้าราชการ หรือลูกจ้างของส่วนราชการที่สำนักงานรับเข้าทำงานด้วย โดยอนุโลมแต่ข้าราชการหรือลูกจ้างนั้นต้องแสดงความจำนงเป็นหนังสือเข้าทำงานต่อสำนักงานภายใน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้บังคับใช้
มาตรา 51 ให้นำบรรดาข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติมาใช้บังคับการปฏิบัติงานของสำนักงาน โดยอนุโลมจนกว่าจะได้มีข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 54 ให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติอยู่ในวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งเลขาธิการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 50 ให้โอนบรรดากิจการทัพย์สิน สิทธิหนี้สิน และงบประมาณของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขในส่วนของสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติไปเป็นของสำนักงานตามพระราชบัญญัติ
มาตรา 55 ในวาระแรกเริ่มให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาตามมาตรา 19 ให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับใช้ตามเกณฑ์
มาตรา 49 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 7 หรือมาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2559
ส่วนที่ 4 สาระรายหมวด
4.7 การสร้างองค์ความรู้ด้านสุขภาพ
ความรู้ด้านสุขภาพเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สําคัญสำหรับการกําหนดทิศทางการพัฒนาระบบสุขภาพและ การพัฒนาสุขภาพจึงจำเป็นต้องมีกลไกทั้งระดับชาติ และระดับพื้นที่ ทําหน้าที่สนับสนุน และดำเนินการสร้างความรู้ที่สอดคล้องกับบริบทของสังคม พื้นที่และชุมชน เพื่อให้ระบบสุขภาพของไทยสามารถจัดการกับปํญหาสุขภาพที่จะเกิดขึ้นในอีก๑๐ปีข้างหน้าได้ บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งจะต้องมีการจัดการอย่างเป็นระบบ ได้รับความคุ้มครอง มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ เข้าถึงได้ อย่างกว้างขวาง และสนับสนุนให้เกิดการใช้ประโยชน์ จากความรู้ดานสุขภาพเพื่อการพัฒนาในด้านต่างๆ ที่เกียวข้อง
นโยบายสาธารณะด้านสุขภาพทุกระดับจะต้องได้รับการพัฒนาจากฐานความรู้ที่รอบด้านเพียงพอ เชื่อถือได้และอ้างอิงได้ รวมทั้งตอบสนองต่อปัญญาและความต้องการของคนทุกกลุ่มในสังคมอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์
4.8 การเผยแพร่ความรู้และข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ
รัฐและทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญกับความรู้ที่เท่าทันด้านสุขภาพหรือความแตกพานด้านสุขภาพที่เหมาะสมกับบุคคลหรือกลุ่มคนเนื่องจากเป็นภูมิคุ้มกันพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับประชาชนในยุคข้อมูลข่าวสารท่วมท้น
การสื่อสารข้อมูลและข่าวสารด้านสุขภาพสู่สาธารณะจะต้องมีการบริหารจัดการที่มีประสิธิภาพและทันต่อสถานการณ์ผ่านเครื่องมือและช่องทางการสื่อสารอย่างถูกต้องครบถ้วนรอบด้านเชื่อถือได้ เข้าใจง่าย เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายไม่เป็นผลลบต่อสังคมและไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
4.6 การคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ
ระบบคุ้มครองผู้บริโภคต้องเป็นไปเพื่อการปกป้อง และคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นการดำเนินงาน ใน ๔ เรื่อง
ผู้บริโภคต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพ อย่างน้อย ๘ ประการ
4.9 การสร้างและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพ
กำลังคนด้านสุขภาพเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพดีของประชาชนดังนั้นการสร้างและพัฒนากำลังคนจะต้องได้รับการจัดลำดับความสำคัญให้อยู่ในระดับต้นๆ ของแผนพัฒนาสุขภาพ
การวางแผนกำลังคนด้านสุขภาพจะต้องสอดรับกับการออกแบบระบบสุขภาพที่สอดคล้องกับความจำเป็นด้านสุขภาพของประชาชนในแต่ละพื้นที่โดยใช้หลักการวางแผนระยะยาวแต่ดำเนินการทันทีและมีการปรับแผนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
4.5 การส่งเสริม สนับสนุน การใช้และพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกอื่น
ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพการแพทย์แผนไทยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือกอื่น ควรเป็นระบบสุขภาพที่สําคัญระบบหนึ่งที่ต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการยอมรับโดยพัฒนาต่อยอดจากฐานเดิมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง โดยเฉพาะ ในด้านบุคลากร งบประมาณและวิชาการ โดยให้ความสําคัญทั้งในด้านการสร้างเสริม สุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟู สมรรถภาพ รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุนให้อยู่ใ่นวิถีชีวิตคนไทย
ต้องให้ความสําคัญกับการพัฒนาและต่อยอดองค์ความรู้ในภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพการแพทย์ แผนไทยการแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกอื่น เพื่อให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิผลและมีความปลอดภัย
4.10 การเงินการคลังด้านสุขภาพ
การเงินการคลังด้านสุขภาพต้องเป็นไปเพื่อความยั่งยืนของระบบสุขภาพที่พึงประสงค์โดยมีสถานะทางการเงินที่มีความเพียงพอและมีการบริหารจัดการที่เป็นธรรมะ
การลงทุนด้านสุขภาพต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อระบบสุขภาพในภาพรวมทั้งระยะสั้นและระยะยาวถึงความมั่นคงของระบบสุขภาพและประสิทธิภาพของการลงทุน
4.4 การบริหารสาธารณสุขและสร้างหลักประกันคุณภาพ
การบริการสาธารณสุขต้องมุ่งสู่การมีสุขภาพดี อย่างถ้วนหน้า ตอบสนองต่อความจำเป็นด้านสุขภาพ ของประชาชนทุกกลุ่ม และสามารถดูแลสุขภาพประชาชน ได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดจนตาย รวมทั้งเชื่อมโยงการจัดการด้านสุขภาพในมิติต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างเป็นองค์รวม
การจัดระบบบริการสาธารณสุขต้องให้ความสําคัญ กับความเป็นธรรมในการเข้าถึงและการได้รับบริการที่มีคุณภาพโดยมีการบริหารระบบการเงินการคลัง ที่แยกระหว่างผู้ซื้อบริการกับผู้ให้บริการ ทั้งนี้จะต้องสอดคล้องกับระบบการเงิน การคลังที่มีประสิทธิภาพ ของประเทศเพื่อความยั้งยืนของระบบสุขภาพ
4.11 สุขภาพจิต
สุขภาพจิตเชื่อมโยงและสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสุขภาพกายสุขภาพสังคมและสุขภาพทางปัญญาและสัมพันธ์กับปัจจัยต่างๆทั้งในระดับบุคคลครอบครัวชุมชนและสังคมโดยสุขภาพจิตดีเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขภาวะ
การดำเนินงานด้านสุขภาพจิตต้องมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพจิตส่งเสริมความสามารถในการจัดการปัญหาในการดำเนินชีวิตและการทำงานได้อย่างสร้างสรรค์เกิดประโยชน์ต่อตนเองครอบครัวชุมชนและสังคมรวมถึงพัฒนาศักยภาพของระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวชให้มีประสิทธิภาพเข้าถึงได้ง่ายโดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
4.3 การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ
บุคคลและชุมชนมีสิทธิในการดำรงชีวิต อยู่ภายใต้สิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อ ต่อสุขภาพ และ ได้รับการป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพอย่างมีมาตรฐานและทันต่อสถานการณ์ โดยถือ เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมของทุกภาคส่วนในทุกระดับ
การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพต้องให้ความสําคัญกับปัจจัยสังคมที่กําหนดสุขภาพ โดยใช้มาตรการเชิงรุกที่มีธรรมาภิบาล รวมทั้งต้องสร้างดุลยภาพระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจการพัฒนาสังคมและคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ชุมชนและสังคมเป็นสําคัญ
4.12 สุขภาพทางปัญญา
สุขภาพทางปัญญาสัมพันธ์กับสุขภาพทางกายทางจิตและทางสังคมมีทั้งมิติแนวดิ่งคือการเชื่อมโยงมนุษย์กับศรัทธาความเชื่ออุดมคติหรือคุณค่าสูงสุดที่ตนยึดถือและมิติแนวราบคือการเชื่อมโยงมนุษย์กับสรรพสิ่งรอบตัว ดังนั้นการบรรลุซึ่งสุขภาพทางปัญญาจำเป็นต้องมีความสมดุลกันทั้งในมิติแนวดิ่งและแนวราบ
สุขภาพทางปัญญาเป็นฐานรากของสุขภาพองค์รวมการปฏิบัติเพื่อสุขภาพทางปัญญานำไปสู่ภาวะของมนุษย์ที่มีความรู้ทั่วไปความรู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกแยะได้ในเหตุผลแห่งความดีและความชั่วความมีประโยชน์และความมีโทษซึ่งนำไปสู่ความมีจิตใจอันดีงามและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
4.2 การสร้างเสริมสุขภาพ
การดําเนินงานสร้างเสริมสุขภาพซึ่งเป็นองค์ประกอบสําคัญของการพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อให้ เกิดสุขภาวะทั่วทั้งสังคมอย่างยั้งยืนนั้น จะต้องส่งเสริม และสนับสนุน บุคคลครอบครัว ชุมชนและประชาชน กลุ่มต่างๆ ให้สามารถจัดการหรือพัฒนาสุขภาพของตน ครอบครัว ชุมชนและกลุ่มได้ รวมทั้งจัดการกับปัจจัยสังคมที่กําหนดสุขภาพได้อย่างเหมาะสมกับบริบท และพื้นที่
การพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพต้องเกิด จากการทำงานร่วมกัน และเสริม พลังกันของ ทุกภาคส่วนตามแนวทาง “ทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ”โดยนำประเด็นและข้อมูลที่เกียวข้องกับสุขภาพมาประกอบในการกําหนดและตัดสินใจทางนโยบายทุกด้านเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
4.13 การอภิบาลระบบสุขภาพ
การอภิบาลระบบสุขภาพควรผสมผสานอย่างสมดุลระหว่างการอภิบาลโดยตลาดและการอภิบาลโดยเครือข่ายและเป็นไปอย่างสอดคล้องกับบริบทโลกและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปโดยมีรัฐเป็นผู้รับผิดชอบหลักที่ต้องสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทำงานร่มกันอย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใสและเชื่อมโยงกลไกหลายระดับ
การอภิบาลระบบสุขภาพต้องเป็นไปเพื่อความยั่งยืนและทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิผลมีประสิทธิภาพและมีความเป็นเอกภาพมุ่งสู่เป้าหมายในทิศทางเดียวกันโดยยึดประโยชน์ของสาธารณะเป็นที่ตั้งรวมทั้งให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมและความเท่าเที่ยมกันในสังคม
4.1 สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
รัฐต้องเคารพสิทธิด้านสุขภาพของบุคคล และ มีหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคคลได้รับสิทธิด้านสุขภาพโดยไม่เลือกปฏิบัติและปฏิบัติตามพันธกรณีของกฎหมายระหว่างประเทศด้านสุขภาพและด้านสิทธิมนุษยชน
บุคคลพึงได้รับสิทธิด้านสุขภาพที่จะเป็นตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยเป้าหมายของสิทธิด้านสุขภาพ คือบุคคลทุกคนมีสุขภาวะซึ่งไม่จํากัดเฉพาะการเข้าถึงบริการสาธารณสุขเท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อสุขภาพด้วย โดยรัฐมีหน้าที่จัดสวัสดิการ สร้างสภาวะหรือเงื่อนไขท่ีเอื้ออำนวยให้เกิดผลสําเร็จตามเป้าหมายให้ครอบคลุมและทั่วถึง คํานึงถึง กระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและ ความสอดคล้องกับบริบทด้านต่างๆ ของสังคม
4.14 ธรรมนูญสุขภาพพื้นที่
ธรรมนูญสุขภาพพื้นที่เป็นข้อตกลงร่วมในการกำหนดทิศทางหรือแนวปฏิบัติอันจะนำไปสู่สุขภาวะของชุมชนโดยชุมชนสามารถจัดทำธรรมนูญสุขภาพพื้นที่ตามความสมัครใจปละตามความพร้อมของชุมชนทั้งนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐควรให้การสนับสนุนและเข้ามามีส่วนร่วม
การทำรัฐธรรมนูญสุขภาพพื้นที่จะต้องให้ความสำคัญกับสิทธิชุมชนวิถีชีวิตชุมชนวัฒนธรรมชุมชนภูมิปัญญาท้องถิ่นทุนทางสังคมของชุมชนข้อมูลสุขภาพชุมชนและหลักการการจัดการระบบสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ส่วนที่ 3 หลักการสำคัญของระบบสุขภาพ
3.1 ปรัชญาและแนวคิดหลักของระบบสุขภาพ
ระบบสุขภาพเป็นระบบความสัมพันธ์ทั้งมวลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โยมีระบบการบริการสาธารณสุขเป็นส่วนหนึ่ง ระบบสุขภาพยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคมและระบบความมั่นคงของประเทศ การกำหนดนโยบายสาธารณะใดๆจึงต้แงให้ความสำคัญกับมิติทางสุขภาพที่เกี่ยงข้องหรือที่ได้รับผลกระทบด้วย
ระบบสุขภาพจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักคุณธรรม จริยธรรม มนุษยธรรม ธรรมาภิบาล ความรู้และปัญญา โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความเป็นธรรม ความเท่าเทียมกันลดความเหลื่อมล้ำในสังคม และจะต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตวัฒนธรรม ภูมิสังคม ๓ูมินิเวศ และภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพ รวมทั้งจะต้องคำนึงถึงหลักการพัฒนาและบูรณาการอย่างเป็นองค์รวมอย่างยั่งยืน และอย่างมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรทุกระดับและทุกภาคส่วน
บุคคลมีความตระหนักรู้และมีบทบาทในการดูแลสุขภาพของตนเอง ครอบครัว บุคคลในความดูแลและชุมชน มิให้เกิดความเสียหายทางสุขภาพ หรือหลีเลี่ยงพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม โดยรัฐมีหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุนและคุ้มครอง
สุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนทั้งในระดับบุคคล ระดับครอบครัว ระดับชุมชน และในสังคมวงกว้างโดยครอบคลุมทั้งการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพ รวมทั้งการได้รับการสนับสนุนปัจจัยต่างๆที่สร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และคุ้มครองผู้บริโภคตลอดจนได้รับการสนับสนุนให้มีอนามัยสิ่งแวดล้อมที่ดี
3.2 คุณลักษณะที่พึงประสงค์และเป้าหมายของระบบสุขภาพ
รัฐและทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันควบคุมโรคและการจัดการกับปัจจัยสังคมที่กำหนดสุขภาพ รวมทั้งการมีหลักประกันและการคุ้มครองให้เกิดสุขภาพที่จะนำปสู่สุขภาวะที่มั่นคงและยั่งยืนของทุกกลุ่มวัย โดยส่งเสริมให้บุคคลดูแลสุขภาพที่ยึดหลักการพึ่งตนเองของบุคคลและสังคมที่อาศัยการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
รัฐและทุกภาคส่วนต้องพิจารณาระบบสุขภาพว่าเป็นเรื่องที่กว้างขวางครอบคลุมในทุกมิติทั้งกาย ทางจิต ทางปัญญา และทางสังคม และต้องพัฒนาระบบสุขภาพอย่างเป็นองค์รวมและเชื่อมโยงกันอย่างสมดุล รวมทั้งต้องสนับสนุนหรือส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนนำแนวทาง ทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ (Health in All Policies) ไปใช้ประกอบการพิจารณาในการกำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อให้เกิดนโยบายที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดีและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในทุกระดับ
รัฐและทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญกับหลักการทำงานแบบเครือข่ายและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกระดับ เพื่อการอภิบาลระบบสุขภาพ ทั้งนี้การสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนและการทำงานเชิงรุกของทุกภาคส่วนถือเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงและพัฒนาระบบสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน
3.3 การจัดให้มีหลักประกันและความคุ้มครองให้เกิดสุขภาพ
หลักประกันและความคุ้มครองให้เกิดสุขภาพจะต้องมีความครอบคลุมปัจจัยทั้งหลายที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งปัจจัยส่วนปัจจัย ปัจจัยด้สนระบบบริการสาธารณสุข และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมทั้งกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง รวมทั้งนโยบายสาธารณะต่างๆ โดยหลักประกันและการคุ้มครองให้เกิดสุขภาพนี้จะต้องครอบคลุมบุคคลทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยด้วย โดยไม่มีการแบ่งแยกยึดหลักเสมอภาคเท่าเที่ยมและไม่เลือกปฏิบัติ
การสร้างหลักประกันและความคุ้มครองให้เกิดสุขภาพต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม
สีแดงคือความแตกต่างกันระหว่างธรรมนูญสุขภาพ 2 ฉบับบ
นางสาวจิรประภา ทองปิก กลุ่ม A2 ชั้นปีที่ 4 รหัสนักศึกษา 61102301021