Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและหลอดเลือด - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงของระบบหัวใจและหลอดเลือด
การเปลี่ยนแปลงด้านสรีระวิทยาของหญิงตั้งครรภ์
ปริมาณเลือด
ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30-50 หรือประมาณ 1,500 มิลลิลิตร
เพื่่อให้สามารถแลกเปลี่ยนสารอาหารที่บริเวณรกได้ดี
เพื่่อทดแทนการเสียเลือดในระยะคลอด
ปริมาณเลือดจะเพิ่มช้าๆ ตั้งแต่ปลายไตรมาสแรกและเพิ่มสูงสุดเมื่อตั้งครรภ์ 28-32 สัปดาห์ จากนั้นจะคงไว้จนถึงระยะคลอด
การเพิ่มขึ้นของปริมาณเม็ดเลือดแดง
เกิดจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณพลาสมาและเม็ดเลือดแดง
แต่ปริมาณพลาสมาเพิ่มมากกว่าเม็ดเลือดแดง
ค่าฮีโมโกลบิน (Hb) และค่าฮีมาโตคริต (Hct) ต่ำลงเล็กน้อย
เรียกว่าเป็นภาวะโลหิตจางของการตั้งครรภ์
(physiological anemia หรือ pseudoanemia)
ค่า Hb 10-11.9 gm.% หรือ Hct 33-35% ถือว่าเป็นภาวะปกติ
แต่ถ้า Hb 9-10.9 gm.% (mild anemia) ถือเป็น moderate risk
ค่า Hb น้อยกว่ า 9 gm.% (severe anemia) ถือเป็น high risk
การประเมินภาวะเสี่ยงของกระทรวงสาธารณสุขไทย ใช้ค่า Hb น้อยกว่า 11 gm.% หรือ Hct น้อยกว่า 33% เป็นเกณฑ์
การสร้างเม็ดเลือดขาว
เพิ่มขึ้นเล็กน้อยพบได้ประมาณ 12,000-15,000
เซลล์ต่อมิลลิลิตร
ระยะคลอดถึงหลังคลอดอาจพบสูงขึ้นถึง 25,000 เซลล์ต่อมิลลิลิตร
โดยไม่ทราบกลไกที่ชัดเจน
เกล็ดเลือด
ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ fibrinogen เพิ่มขึ้นร้อยละ 50
ปัจจัยที่ช่วยในการแข็งตัวของเลือดเพิ่มขึ้น
ได้แก่ factor VII, VIII, IX, X และ XII
ระดับ Fibrin และ Fibrinogen ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้สตรีมีครรภ์เสี่ยงต่อการเกิดการอุดตันของลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (venous thrombosis) ในระยะท้ายของการต้้งครรภ์
โปรตีนในเลือด
ต่ำลงเนื่องจากความต้องการในการใช้ของทารกในครรภ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้สารน้ำซึมออกไปอยู่นอกเซลล์
เท้าและหน้าแข้งของสตรีมีครรภ์จึงอาจจะบวมกดบุ๋มได้
ปริมาณไขมันในเลือดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ใน 3 ของค่าปกติ
ระดับ cholesterol สูงขึ้นร้อยละ 90-100 เนื่องจาก
ความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของทารกในครรภ์
หัวใจ
ตำแหน่งของหัวใจถูกดันให้สูงขึ้นและหมุนไปทางซ้าย
เนื่องจากขนาดของมดลูกที่โตขึ้นเบียด
กระบังลมตำแหน่งเปลี่ยนไป
เนื่องจากมดลูกที่มีขนาดโต
ดันกระบังลมให้ยกขึ้น
ต่ำแหน่งหัวใจจะอยู่ด้านข้างมากกว่าคนปกติที่ไม่ได้ตั้งครรภ์
ขนาดของหัวใจใหญ่ขึ้น
เล็กน้อยจากต้องทำงานเพิ่มขึ้น
ปริมาณเลือดที่เพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณเลือด
ที่ออกจากหัวใจใน 1 นาที (cardiac output)
เพิ่มขึ้นตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์และเพิ่มสูงสุดปริมาณร้อยละ 30-50 ในสัปดาห์ที่ 30-32 ของการตั้งครรภ์
ปริมาณเลือดที่เปลี่ยนแปลงทำให้ได้
ยินเสียงหัวใจเปลี่ยนแปลงไป
เสียงที่ 3 จะฟังได้ง่ายและชัดเจน โดยเฉพาะหลังตั้งครรภ์ 20 สัปดาห์
เกิดจากการสั่น ของ Ventricular wall ฟังได้ชัดเจนบริเวณยอดหัวใจ
โดยปกติเสียง 3 จะฟังได้เบามาก แต่สามารถสามารถได้ยินชัดเจนในทารกปกติและหญิงตั้งครรภ์
เสียงที่ 2 จะฟังได้ชัดเจนและมีเสียงแยก (split)
เล็กน้อยในหายใจเข้า ซึ่งมักจะพบได้บ่อยในระหว่างตั้งครรภ์
เสี่ยงที่ 1 จะฟังได้ชัดเจนและมีเสียงแยก (split)
และได้ยินเสียงของลิ้นไมตรัล และไตรคัสปิดดังเพิ่มขึ้น
เสียงหัวใจเมอเมอส์ (heart murmurs) เสียงหัวใจซิสโตลิก เมอเมอส์ จะฟังได้ชัดเจนบริเวณกระดูกซี่โครงช่องที่ 2 และยอดหัวใจ
เสียงไดแอสโตลิก เมอเมอส์ จะพบได้
เป็นครั้งคราวพบประมาณ 19 %ของหญิงตั้งครรภ์
ความดันโลหิต
ความดันโลหิตลดลง 5-10 มิลลิเมตรปรอทใน
ไตรมาสที่สองเนื่องจาก cardiac output เพิ่มขึ้น
แรงต้านทานของหลอดเลือดลดลง
ความดันโลหิตจะกลับสู่ค่าปกติในไตรมาสที่สาม
ทำให้การไหลกลับของเลือดดำจากขาสู่หัวใจช้าลง
เป็นเหตุให้สตรีมีครรภ์เท้าบวม
ดันโลหิตจะเพิ่มสูงขึ้นในท่านั่ง ในระยะตังครรภ์ใกล้ครบกำหนดความดันโลหิตจะต่ำลงเมื่อนอนหงาย (supine hypotensive syndrome)
การพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะไม่สุขสบายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านสรีระวิทยา
เส้นเลือดดำโป่งพองหรือเส้นเลือดขอด (Vericose Veins)
สาเหตุ การเพิ่มของฮอร์โมน Progesterone ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดท างานได้ไม่ดีมดลูกโตขึ้นจะไปกดทับเส้นเลือดดำที่ผ่านจากอุ้งเชิงกรานมาสู่ช่องท้อง เมื่อถูกกดทับ นานๆ ความดันโลหิตสูงขึ้น จะดันให้เส้นเลือดเล็ก ๆ พอง
ตัวขึ้น จะท าให้เลือดคั่งเส้นเลือดสีน้ าเงินม่วงที่จะขอด ๆ บนขา (หรือเรียกว่า Vulva) และปริมาณของเลือดที่เพิ่มขึ้น
อาการและอาการแสดง ส่วนใหญ่จะพบบริเวณตาตุ่ม น่อง ข้อพับ ขึ้นมาจนถึงโคนขา จะมีเส้นเลือดโป่งพอง มีสีเขียวหรือสีดำคล้ำๆ ขดไปมาคล้ายกับตัวหนอน และมีอาการปวดและบวมที่ขาด้วย
บทบาทพยาบาล
1.แนะนำให้นอนในท่าที่สบายที่สุด และยกเท้าสูงขึ้น 5-10 นาที หรือนอนตะแคงเพื่อให้เลือด ไหลเวียนสะดวก หรือเปลี่ยนท่าทางบ้าง เช่น เดินไปมา ไม่ยืนอยู่กับที่นานๆ
นวดเพื่อลดอาการปวดเมื่อย โดยนั่งบนเก้าอี้และยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบนเข่าอีกข้างหนึ่ง ใช้มือ จับบีบน่องเรื่อย ๆ จนทั่วน่อง
พัน Elastic bandage หรือผ้ายืด พันจากข้อเท้าขึ้นมาถึงใต้เข่าหรือโคนขา เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ และลดอาการปวด ระวังอย่าพันแน่นเกินไปเพราะจะทำให้ชาได้
แนะนำให้ออกกำลังกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและการไหลเวียนของเลือดที่ขาดี
ใส่เสื้อผ้าหลวมๆ ใส่กางเกงพยุงครรภ์ และหลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานานๆ
6.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมทั้งวิตามิน C มากๆ
อาการใจสั่น เป็นลม (Tachycardia ,
Fainting and Supine Hypotension)
สาเหตุ การที่หลอดโลหิตขยายตัวทำให้
การไหลเวียนโลหิตไปยังสมองไม่ดีมีน้ าตาลในโลหิตต่ า
การนอนหงายทำให้มดลูกไปกดทับเส้นโลหิตที่กลับสู่หัวใจ
(vena cava)ท าให้โลหิตกลับเข้าสู่ หัวใจได้ไม่ดี
การเปลี่ยนแปลงอิริยาบถเร็วเกินไป
บทบาทพยาบาล
แนะนำควรเปลี่ยนอิริยาบถช้าๆ
รับประทานอาหารบ่อยครั้งขึ้น เพื่อป้องกันระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ
เวลานอนให้นอนตะแคงซ้าย เพื่อป้องกันไม่ให้มดลูกกดทับหลอดเลือดขนาดใหญ่