Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 2 แนวคิดและทฤษฎีการสูงอายุ - Coggle Diagram
บทที่ 2
แนวคิดและทฤษฎีการสูงอายุ
คำอธิบายที่ว่าความสูงอายุเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นยังไม่มีทฤษฎีความสูงอายุ (Theory of aging) ทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งที่สามารถอธิบายความซับซ้อนปรากฏการณ์ที่เกิดในความสูงอายุได้อย่างครอบคลุม
ทฤษฎีทางชีววิทยา (Biological Theory)
1.1 ทฤษฎีด้านพันธุกรรม
(Genetic Theory)
1.1.2 ทฤษฎีนาฬิกาชีวิต
(Biological clock)
อธิบายว่าอายุขัยของคนถูกกำหนดไว้แล้วโดยรหัสทางพันธุกรรม (Gene) ถ้าบรรพบุรุษมีอายุยืนลูกหลานก็มีอายุยืนยาวตามไปด้วยทฤษฎีนี้เชื่อว่านาฬิกาชีวิตจะอยู่ในนิวเคลียสและโปรโตปลาสซึมของ cell ในร่างกาย
1.1.3 ทฤษฎีการกลายพันธ์
(Somatic Mutation Theory)
เกิดจากการได้รับรังสีรังสีทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของ DNA ที่ละเล็กที่ละน้อยเป็นประจำจนเกิดการเปลี่ยนแปลง DNA และเกิดการผันแปรของเซลล์หรืออวัยวะในระบบต่าง ๆ ทำให้เกิดการแบ่งตัวผิดปกติ (Mutation) เกิดมีโรคภัยไข้เจ็บหรือเกิดมะเร็ง
1.1.4 ทฤษฎีการสะสมความผิดพลาดของ
Cell (Error Theory)
อธิบายว่าความแก่เกิดจากนิวเคลียสของ Cell มีการถ่ายทอด DNA ที่ผิดปกติไปจากเดิมทำให้ Cell ใหม่ที่ได้แตกต่างไปจากเดิมและกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมและร่างกายจะสร้างอิมมูนมาต่อต้านเป็นผลให้ Cell เสื่อมสลายและทำหน้าที่ไม่ได้
1.1.5 ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรมในเซลล์
(Cellular genetic theory)
ยีนส์มีส่วนประกอบคือ DNAS ถ้าโมเลกุล DNA ถูกทำลายไปจะทำให้สารประกอบต่างๆอยู่ผิดตำแหน่งยืนจะมีความผิดปกติของเอ็นไซม์ที่สร้างหน้าที่ของเซลล์จะเสียไป (หน้าที่ของยีนส์คือควบคุมลักษณะพันธุกรรมโดยควบคุมการสร้างเอ็นไซม์หรือโปรตีน)
1.1.1 ทฤษฎีวิวัฒนาการ
(Evolution theory)
อธิบายว่าสิ่งมีชีวิตต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการตลอดเวลาความสูงอายุมีการปรับตัวตามวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโดยจะมีการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีกว่าเพื่อความอยู่รอดในสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
1.2 ทฤษฎีอวัยวะ
(Organ Theory)
1.2.1 ทฤษฎีความเสื่อมโทรม
(Wear and Tear Theory)
ทฤษฎีนี้เปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตคล้ายกับเครื่องจักรเมื่อมีการใช้งานนาน ๆ ก็จะเกิดความผิดปกติขึ้น แต่มนุษย์ต่างจากเครื่องจักรเพราะมนุษย์สามารถซ่อมแซมตนเองได้โดยกระบวนการสร้างใหม่เพื่อทดแทน
1.2.2 ทฤษฎีระบบประสาทและต่อมไร้ท่อ
(Neuroendocrine Theory)
เมื่อเข้าสู่วัยชราการทำงานของระบบประสาทจะลดลง Reflex ต่างๆจะเชื่องช้าความจำจะเสื่อมลงต่อมไร้ท่อทำงานลดลง เช่น Insulin จะผลิตน้อยลงเกิดเป็นเบาหวานขึ้นได้ในผู้สูงอายุ
1.2.3 ทฤษฎีภูมิคุ้มกัน
(Immunological Theory)
เชื่อว่าเมื่ออายุมากขึ้นการสร้างสารภูมิคุ้มกันตามปกติจะลดลงเพราะอวัยวะที่มีส่วนช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆ
1.3 ทฤษฎีสรีรวิทยา
(Physiological Theory)
1.3.1 ทฤษฎีความเครียดและการปรับตัว
(Stress Adaptation Theory)
ความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมีผลทำให้ Cell ตายบุคคลเมื่อเผชิญกับความเครียดบ่อยๆจะทำให้เข้าสู่วัยชราได้เร็วขึ้น
1.3.2 ทฤษฎีสะสมของเสีย
(Waste Product Accumulation,
Accumulative Theory)
การแตกตัวของโปรตีนและไขมันในขบวนการ
ที่มีการใช้ออกซิเจนมากเกินไป (perioxidation)
เมื่ออายุมากขึ้นของเสียจะถูกสะสม
ทำให้ cell เสื่อมและตายเพิ่มขึ้น
1.3.3 ทฤษฎีอนุมูลอิสระ
(Free Radical Theory)
กระบวนการออกซิเดชั่นของ O2 ที่ไม่สมบูรณ์กระบวนการเผาผลาญสารจำพวกโปรตีน, คาร์โบไฮเดรทและกรดไขมันโดยเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free Radical substance)
ซึ่งสามารถทำลายผนัง cell
1.3.4 ทฤษฎีการเชื่อมไขว้
(Cross Link Theory on cross link of collagen T. )
เมื่อชราสาร Fibrous Protein (ประกอบด้วยอีลาสตินและคอลลาเจน)
จะเพิ่มขึ้นและจับตัวกันมากขึ้นทำให้ collagen Fiber หดตัวขาดความยืดหยุ่นและจับกันไม่เป็นระเบียบมีผลให้ cell ตายและเสียหน้าที่
ทฤษฎีทางสังคมวิทยา
(Sociological Theory)
ทฤษฎีทางสังคมเป็นทฤษฎีที่กล่าวถึงแนวโน้มบทบาทสัมพันธภาพและการปรับตัวในสังคมของผู้สูงอายุซึ่งพยายามวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ผู้สูงอายุต้องมีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทางสังคมไปและพยายามที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุมีการดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
3.1ทฤษฎีกิจกรรม
(Activity Theory)
เมื่อบุคคลมีอายุมากขึ้นสถานภาพและบทบาททางสังคมจะลดลง แต่บุคคลยังมีความต้องการทางสังคมเหมือนบุคคลในวัยกลางคนซึ่งทฤษฎีนี้เชื่อว่าผู้สูงอายุมีความต้องการที่จะเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อความสุขและการมีชีวิตที่ดีเช่นเดียวกับวัยผู้ใหญ่และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมที่ตนเองสนใจได้
3.2ทฤษฎีแยกตนเองหรือ
ทฤษฎีการถอยห่าง
(Disengagement Theory)
ผู้สูงอายุเกี่ยวกับการถอยห่างออกจากสังคมของ
Elaine Cummings and William Henry
3.3 ทฤษฎีความต่อเนื่อง
(Continuity Theory)
อธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมของผู้สูงอายุได้นักทฤษฎีกลุ่มนี้เชื่อใหม่ว่าการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุที่ประสบความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพและแบบแผนชีวิตของแต่ละช่วงวัยที่ผ่านมาและมีปัจจัยอื่นที่เข้ามาร่วมอธิบาย ได้แก่ แรงจูงใจสถานภาพทางสังคมเศรษฐกิจและสังคมบุคลิกภาพความยืดหยุ่นซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยความสำเร็จและความล้มเหลวในชีวิตบั้นปลายของผู้สูงอายุ
3.4 ทฤษฎีบทบาท (Role Theory)
เมื่อบุคคลเข้าสู่วัยสูงอายุจะปรับบทบาทและสภาพต่าง ๆ หลายอย่างที่ไม่ใช่บทบาทเดิมของตนมาก่อนเช่นการละทิ้งบทบาททางสังคมและความสัมพันธ์ซึ่งเป็นไปแบบวัยผู้ใหญ่ยอมรับบทบาทของสังคมและความสัมพันธ์ในแบบผู้สูงอายุและเว้นจากความผูกพันกับคู่สมรสเนื่องจากการตายไปของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นต้น
ทฤษฎีทางจิตวิทยา
(Psychological Theory)
ทฤษฎีบุคลิกภาพ
(Personality Theory)
กล่าวว่าผู้สูงอายุจะมีความสุขหรือความทุกข์นั้นขึ้นอยู่กับภูมิหลังและการพัฒนาจิตใจของบุคคลนั้น ถ้าพัฒนามาด้วยความมั่นคงอบอุ่นถ้อยทีถ้อยอาศัยเห็นใจผู้อื่นทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดีก็มักจะเป็นผู้สูงอายุที่มีความสุขอยู่รวมกับบุตรหลานได้อย่างมีความสุข
ทฤษฎีของอิริคสัน
(Erikson's Epigenetic Theory)
1.ขั้นการบำรุงส่งเสริมแย้งกับความพะวงหลงเฉพาะตนอายุช่วง 40-50 ปีนั้น
2.ความมั่นคงทางใจแย้งกับความสิ้นหวังอายุ 60 ปีขึ้นไป
“ ช่วงอายุระหว่าง 40-59 ปีเป็นช่วงวัยที่มีความทะเยอทะยานมีความคิดสร้างสรรค์ต่าง ๆ ต้องการสร้างความสำเร็จในชีวิตถ้าประสบความสำเร็จดีจะรู้สึกพอใจในความมั่นคงภาคภูมิใจและสืบทอดไปยังรุ่นลูกหลาน แต่ถ้าไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตช่วงนี้ก็จะกลายเป็นคนที่มีชีวิตเงื่องหงอยเบื่อขาดความกระตือรือร้น”
3 ทฤษฎีของเพค
(Pecks Theory)
แบ่งผู้สูงอายุเป็น 2 กลุ่มคือผู้สูงอายุวัยต้นอายุ 56-75 ปีและผู้สูงอายุตอนปลายอายุ 75 ปีขึ้นไปซึ่งทั้ง 2 กลุ่มมีความแตกต่างกันทั้งทางกายภาพและทางจิตสังคมซึ่ง