Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การใช้ยาในผู้สูงอาย(3) - Coggle Diagram
การใช้ยาในผู้สูงอาย(3)
ปัญหาที่เกิดจากการใช้ยาในผู้สูงอายุ
การใช้ยาร่วมกันหลายชนิดและใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาได้แก่
การทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับยา/ยากับอาหาร/หรือยากับโรคและการไม่ใช้ยาตามแผนการรักษาได้ง่าย
1.การทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับยา
ปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับยา
ผู้สูงอายุที่ได้รับยาหลายชนิดมักได้รับอันตรายจากพิษและผลข้างเคียง อาจมาจากตัวยาหรือเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยากับยา โดยเฉพาะการใช้ยารักษาโรคระบบประสาทส่วนกลาง ยาที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด ยาระงับประสาท ยาลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาอื่น
ปฏิกิริยาต่อกันของยากับอาหาร
ผู้สูงอายุที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และเลิกดื่มกาแฟประสิทธิภาพจากยารักษาอาการจะเพิ่มขึ้น
อาหารบางชนิดทำให้ค่าความว่างของกระเพาะ(Gastric emptying)เปลี่ยนแปลงหรือลดค่าความเป็นกรดของกระเพาะทำให้รบกวนการดูดซึมยา
ยับยั้งหรือเหนี่ยวนำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ในตับเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนค่าความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ ทำให้เพิ่มค่าครึ่งชีวิตของยา
2.ผลกระทบระหว่างยากับโรค
การเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับโรค
เช่น อาการหายใจเหนื่อยหอบ
3.ผลข้างเคียงจากการใช้ยา
เกิดจากผลข้างเคียงหรือผลข้างเคียงของยาในผู้สูงอายุพบได้สูง2-3เท่าเมื่อเทียบกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่า เนื่องจากใช้ยาร่วมกันหลายชนิดและต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
4. การไม่ใช้ยาตามแผนการรักษา
เป็นพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรับประทานยา อาหารรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชีวิตให้สอดคล้องกับคำแนะนำที่ได้ตกลงร่วมกันกับผู้ให้บริการทางด้านสุขภาพตามแผนการรักษาทั้งในขนาดและจำนวนครั้ง ในการรับประทานยา ระยะห่างในการรับประทานยาแต่ละครั้ง ทั้งก่อนหลังในการรับประทานอาหาร รวมทั้งวิธีการในการบริหารยารวมถึงการรับประทานยาครบและต่อเนื่อง
ข้อควรระวังในการใช้ยาในผู้สูงอายุ
1.ยามีปฏิกิริยาต่อกัน
คือ การเกิดปฏิกิริยาระหว่างการใช้ยาตั้งแต่ 2ชนิดขึ้นไป ซึ่งบางครั้ง สามารถใช้ยาร่วมกันได้แต่ควรเพิ่มระยะเวลาให้ห่างกันประมาณ 1-2 ชม. เพื่อป้องกันการลดการดูดซึมของยา อีกตัวหนึ่ง
3.การชอบรับประทานยาสมุนไพรบางชนิดที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
หรือรับประทานยาชุดที่ซื้อรับประทานเองตามคำแนะนำของเพื่อนบ้านซึ่งส่วนใหญ่จะมีสารสเตียรอยด์ (steroid)จะมีอาการดีขึ้นในช่วงแรกแต่เมื่อรับประทานไปนานๆจะเกิดผลเสียต่อไตและสุขภาพอย่างมาก
2.การหยิบยาผิด
ลืมกินยาหรือกินยาเกินขนาด จากการหลงลืม เช่น คนไข้รับประทานยาลดความดันโลหิต 2 ครั้ง(เพราะคิดว่ายังไม่ได้กิน)ทำให้เกิดอาการหน้ามืด เวียนศีรษะ
4.การเกิดอาการแพ้ยา
เช่น มีผื่นขึ้น คัน บวม แน่นหน้าอกหายใจไม่ออกให้หยุดยาทันทีและรีบมาพบแพทย์และจำยาชนิดที่แพ้ไว้เพื่อให้ประวัติต่อการรักษาทุกครั้ง
5.ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
เช่น ยาลดความดันโลหิตบางกลุ่มทำให้ไอมาก ยาบางกลุ่มทำให้ท้องเสีย ปากแห้ง อาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์
6.การใช้ยาสมุนไพรหรือยาแพทย์แผนโบราณ
ยาผีบอก ควรใช้การพิจารณาและควร ระมัดระวัง ศึกษาจากผู้ที่ผ่านการอบรมมาเท่านั้น เพราะอาจเกิดอันตรายต่อไตและตับได้ภายหลัง