Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

อุบัติเหตุ (Accident) - Coggle Diagram

- - - - ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม
        
        ขาดการจัดการแหล่งน้ำเสี่ยง โดยไม่มีรั้วกั้นอย่างถูกต้อง ผู้ดูแลไม่ตระหนักถึงความเสี่ยง หรือผู้ดูแลต้องดูแลเด็กหลายคนในเวลาเดียวกัน
        
        ฝนตกต่อเนื่องจากอิทธิพลของลมมรสุม ส่งผลให้กระแสน้ำพัดแรงขึ้นและอาจมีน้ำท่วมในหลายจังหวัด ซึ่งฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องและมีน้ำท่วมขังหรือไหลเชี่ยวอาจทำให้สภาพพื้นดินเปลี่ยนไปจากเดิม รวมถึงขอบบ่อหรือสระน้ำที่ลื่นมากขึ้น อาจทำให้เสี่ยงพลัดตกน้ำหรือจมน้ำเสียชีวิตได้
      - ปัจจัยด้านบุคคล
        
        เด็กเล็ก สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากระดับพัฒนาการของเด็กเอง เช่นเป็นวัยที่ชอบสำรวจ วิ่งเล่น แต่ความสามารถในการทรงตัวยังไม่ค่อยดีนัก พลัดตกหกล้มได้ง่าย
        
        เด็กโตและวัยรุ่น มักเกิดจากการเล่นในน้ำหรือว่ายน้ำ การที่เด็กว่ายน้ำเป็น ไม่ได้เป็นข้อรับรองความปลอดภัยเสมอไป โดยเฉพาะเมื่อเป็นแหล่งน้ำที่ไม่คุ้นเคย หรือมีการดื่มสุราร่วมด้วย
        
        ขาดทักษะการเอาชีวิตรอดและการช่วยเหลือที่ถูกต้อง
      - ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงสุดทุกปี ( เดือน มี.ค-พ.ค)
    - - เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2563 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เผยแพร่ข้อมูลจากมรณบัตรในปี 2562 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำสูงถึง 3,306 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 559 ราย ส่วนข้อมูลจากคลังข้อมูลสุขภาพ (Health Data Center) ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในปี 2563 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม–30 กันยายน 2563 มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ประสบเหตุจมน้ำมากถึง 692 ราย (การจมน้ำเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี)
        
        ปี 2560 จมน้ำเสียชีวิต 766 คน
        
        ปี 2561 จมน้ำเสียชีวิต 727 คน
        
        ปี 2562 จมน้ำเสียชีวิต 559 คน
        
        ปี 2563 จมน้ำเสียชีวิต 692 คน
    - - การป้องกันในเด็กเล็ก
        
        เน้นย้ำให้ผู้ดูแลเข้าใจพัฒนาการของเด็กตามวัย เด็กเล็กที่เคลื่อนที่ได้ ตั้งแต่วัยเริ่มคลานก็สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำในบ้าน
        
        ไม่ปล่อยให้เด็กเล็กอยู่ใกล้แหล่งน้ำโดยลำพังแม้เพียงชั่วครู่เดียว จัดสิ่งแวดล้อมให้ปลอดภัย ปิดประตูห้องน้ำกั้นรั้วแหล่งน้ำ เทน้ำออกจากภาชนะทันทีที่ไม่ใช้แล้ว
      - การป้องกันในเด็กวัยเรียน
        
        สำรวจแหล่งน้ำในบ้านและละแวกบ้าน รวมถึงดัดแปลงสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันมิให้เด็กเข้าถึงแหล่งน้ำโดยลำพังได้
        
        สอนให้เรียนรู้เรื่องการป้องกันอุบัติเหตุแบบง่ายๆ ที่เหมาะสมกับวัย รวมทั้งตั้งกฏข้อห้ามต่างๆ เช่นห้ามลงน้ำโดยไม่มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย
        
        สอนว่ายน้ำได้ตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป ในเด็กที่พร้อม
      - การป้องกันในเด็กโตและวัยรุ่น
        
        สอนให้เด็กรับรู้ความเสี่ยง เช่น ไม่ดื่มสุรา ไม่กระโดดน้ำถ้าไม่แน่ใจในความลึกของน้ำ เลิกเล่นน้ำหากเป็นตะคริว
        
        ฝึกทักษะการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (CPR)
        
        สอนให้เด็กว่ายน้ำเป็น
        
        ใช้ชูชีพกรณีว่ายน้ำไม่เป็น หรือเล่นน้ำในแหล่งน้ำที่ไม่เคยชิน หรือแหล่งน้ำที่อาจมีอันตราย
        
        จัดการแหล่งน้ำให้ปลอดภัย สร้างรั้ว ติดป้ายคำเตือน ให้มีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง
      - การช่วยเหลือเบื้องต้น
        หากพบเห็นคนตกน้ำ ไม่ควรกระโดดลงไปช่วยเพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้ โดยขอให้ช่วยด้วยการใช้มาตรการ
        
        ตะโกน คือ เรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วย และโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669
        
        โยน คือ โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว ช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว
        
        ยื่น คือ ยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวให้คนตกน้ำจับ เช่น ไม้ เสื้อ ผ้าขาวม้า และดึงขึ้นมาจากน้ำ
- - - - ปัจจัยภายนอก
        
        สิ่งกีดขวางทางเดิน
        
        รองเท้าไม่เหมาะสม
        
        พื้นลื่น/พื้นที่ต่างระดับ
        
        แสงสว่างไม่เพียงพอ
      - ปัจจัยภายใน
        
        การมองเห็นไม่ชัด
        
        ความเสื่อมของกระดูกและข้อที่ทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวก
        
        ประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทลดลง
        
        ทรงตัวได้ไม่ดี
        
        มีภาวะกระดูกพรุน
      - ปัจจัยส่งเสริม
        
        ผู้มีประวัติการหกล้ม/การกลัวการหกล้ม
        
        รวมถึงผู้สูงอายุเพศหญิงที่มีความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนมากกว่าเพศ
        
        อายุมากขึ้น
    - - จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization; WHO) พบว่าทั่วโลกมีประชากร ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 600 ล้านคน คิดเป็น 1 ในทุก 10 คน ของประชากรโลก โดยพบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 53 ของผู้สูงอายุอยู่ในทวีปเอเชีย รองลงมาคือ ร้อยละ 25 อยู่ในทวีปยุโรป ซึ่งเป็น ทวีปที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 1 และที่ 2 ของโลกตามลําดับ คาดการณ์ว่าใน พ.ศ. 2593 จะมีประชากร ผู้สูงอายุประมาณ 2 พันล้านคน คิดเป็น 1 ในทุก 5 คน ของประชากรโลก (WHO, 2007)
        ปัจจุบันคนไทยเสียชีวิตจากการ “พลัดตกหกล้ม” สูงถึงปีละ 1,600 คน ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 2 ในกลุ่มของการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ (Unintentional) รองจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน โดย 1 ใน 3 พบว่ามักอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และความเสี่ยงจะเพิ่มสูงขึ้นตามอายุ
    - - ความยืดหยุ่น : Sit and Reach Test
      - ความแข็งแรง : Trendelenberg Test
      - กระบวนการรับรู้ : Vienna Test
      - การเคลื่อนไหว : Time Up and
      - การทรงตัว : Balance Master (Keith’s Protocol)
    - - ผู้ป่วยรู้สึกตัวดีและมีอาการปวดต้นคอร่วมด้วยให้นอนราบ ไม่หนุนหมอน เรียกรถพยาบาล พยายามขยับผู้ป่วยให้น้อยที่สุด
      - ผู้ป่วยที่ปวดสะโพกหรือต้นขาให้นอนในท่าที่ผู้ป่วยปวดน้อยที่สุดแล้วเรียกรถพยาบาล ไม่ควรเคลื่อนย้ายเอง เพราะอาจจะทำให้มีการเคลื่อนของกระดูกมากขึ้นได้
      - ถ้ามีศีรษะกระแทกและไม่รู้สึกตัว ให้นอนในท่าเดิมและเรียกรถพยาบาล
      - ผู้ป่วยศีรษะกระแทก ไม่ปวดต้นคอ รู้ตัวดี ให้ญาตินำส่งโรงพยาบาล กรณีมีแผลเลือดออกให้ใช้ผ้าสะอาดกดไว้นาน 10 – 15 นาที
    - - ฝึกการใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
        
        • คอกอะลูมิเนียมที่มี 4 ขา หรือไม้เท้า
      - • ปรับพฤติกรรมส่วนตัว
        
        • ลุกขึ้นยืนช้า ๆ มองหาวัตถุรอบตัวที่สามารถจับยึดได้ในกรณีฉุกเฉิน ไม่เดินเข้าไปในบริเวณที่เปียกน้ำ
      - • ฝึกเดินให้ถูกต้อง ฝึกกระดกข้อเท้าขึ้น
      - ลูกหลานควรตรวจประเมินความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ
        
        • หมั่นคอยสังเกตอาการและความผิดปกติของการมองเห็น การเดิน การทรงตัว เนื่องจากผู้สูงอายุมีกลไกการทำงานที่ควบคุมการทรงตัวของระบบอวัยวะต่าง ๆ ลดลง ทำให้สมดุลในการทรงตัวบกพร่อง
      - • ส่งเสริมกำลังของกล้ามเนื้อด้วยการออกกำลังกาย
      - • สังเกตอาการและความผิดปกติทางด้านการรับรู้ ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาที่ทำให้เสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม
        
        สับสน หลงลืมเกี่ยวกับ วัน เวลา สถานที่ และบุคคล เป็นต้น รวมทั้งมีการรับรู้ ตัดสินใจ
      - • หมั่นคอยประเมินสภาพบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งในบ้านและบริเวณบ้าน ผู้ป่วยที่มีการหกล้มแล้วก็มีแนวโน้มที่จะหกล้มได้อีกควรค้นหาปัจจัยเสี่ยงที่อาจต้องแก้ไข
        เวลา สถานที่ และบุคคล เป็นต้น รวมทั้งมีการรับรู้
        
        – ติดตั้งหลอดไฟบริเวณมุมมืดที่เดินผ่านบ่อย ๆ
        
        – เตียงนอน เก้าอี้ และโถส้วมควรมีความสูงพอเหมาะ
        
        – วัสดุที่ใช้ปูพื้นเป็นชนิดไม่ลื่น
        
        – ห้องอาบน้ำมีที่นั่งขณะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า
        
        – จัดวางของใช้ให้หยิบจับง่ายในระดับข้อศอก
        
        – ห้องนอนและห้องนั่งเล่นควรจัดของใช้ให้เป็น
        
        – จัดให้มีแสงสว่างอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะทางเดินไปห้องน้ำ
        
        – เคลื่อนไหวหรือลุกจากเตียงอย่างช้า ๆ
        
        – ในห้องครัวควรจัดของและเครื่องปรุงให้ง่ายต่อการใช้
        
        – เก็บของใช้ที่หนักไว้ในที่ต่ำ
        
        – เลี่ยงการขัดเงาที่พื้นห้อง
        
        –บันไดต้องมีความมั่นคง มีความกว้างพอดี ไม่รีบขึ้น ทางลงบันได ไม่มีสิ่งของกีดขวางทางเดิน
        
        – มีราวเกาะข้างฝาและบริเวณที่ต้องลุกอย่างมั่นคง
        
        – ใช้โถส้วมแบบชักโครก
- - - - เพศ
        โดยทั่วไปเพศชายจะเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าเพศหญิงทั้งนี้เพราะลักษณะนิสัยของเพศชายเป็นเพศที่ชอบเสี่ยงภัย ชอบความตื่นเต้น ชอบขับรถเร็ว ดังนั้น ผู้ชายจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากกว่าผู้หญ
      - อายุ
        เด็กวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว อายุ 15-19 ปี เป็นกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุจราจรทั้งนี้เนื่องจากเป็นวัยที่คึกคะนอง ขาดความระมัดระวังและขาดประสบการณ์
      - การไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร
        การขาดความรับผิดชอบ ความเห็นแก่ตัว ความไม่มีระเบียบวินัย โดยการปฏิบัตที่ผิดกฎจราจร เช่น การขับขี่ย้อนศร การนั่งซ้อนเกินกำหนด การขับขี่บนทางที่ห้ามเช่น บนทางเท้า ลอดอุโมงค์ ขับชิดขวา แซงซ้าย เป็นต้น
      - ลักษณะนิสัยของผู้ขับขี่
        อารมณ์หงุดหงิดในขณะขับขี่ การระบายอารมณ์โกรธในขณะขับขี่ การขาดสติ
      - การขาดประสบการณ์ของผู้ขับขี่
        การขาดประสบการณ์ในการใช้รถจักรยานยนต์ ขาดการฝึกฝนอบรม การไม่คุ้นเคยกับยานพาหนะ การขาดประสบการณ์ในสภาวะไม่คุ้นเคยกับสภาพทางและสภาพดินฟ้าอากาศ
      - สภาวะความเจ็บปวดทางร่างกาย
        โรคประจำตัว ได้แก่ โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลมชัก หรือสภาวะที่มีความบกพร่องของอวัยวะต่างๆ เช่น สายตาเอียงมากตาบอดสี หูตึง หูหนวก หรือในสภาวะที่ร่างกายอ่อนล้า
      - การใช้แอลกอฮอล์ การใช้ยาหรือสิ่งเสพติด
    - - ยางหมดสภาพ ไม่มีดอกยางหรือดอกยางสั้น ไม่เกาะถนน ทำให้ลื่นได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่ถนนเปียก
      - ระบบเบรคห้ามล้อมือและเท้าไม่ดี
      - ระบบสัญญาณไฟชำรุดความบกพร่องของระบบไฟ ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟเบรค ไม่มีไฟท้ายรถ รถที่ตามมาจะมองไม่เห็นทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้ง่าย
    - - สภาพถนน
        
        ความกว้างของช่องเดินรถ ช่องถนนที่แคบมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าช่องถนนที่กว้าง เพราะการขับในช่องถนนที่แคบอาจเกิดการเฉี่ยวชนได้ง่าย
        
        ไม่มีแนวกั้นถนน โอกาสชนประสานงาจึงเกิดขึ้นได้สูงและความรุนแรงจะมาก
        
        ถนนไม่มีไหล่ทาง
      - สภาพแวดล้อมหรือสภาพโดยรอบของการขับขี่
        
        สภาพแวดล้อมที่อุปกรณ์ความปลอดภัยบกพร่องหรือชำรุด ได้แก่ ป้ายเตือน ป้ายแนะนำป้ายบังคับ และสัญญาณไฟจราจร
        
        อุปสรรคทางธรรมชาติ ได้แก่ สภาพทัศนวิสัยไม่ดีที่เกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ เช่น หมอกลงจัด ฝนตกหนัก
        
        สภาพแวดล้อมที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์นั้น พบมากในเขตเมือง ได้แก่ควันพิษจากท่อไอเสีย เสียงดังจากการจราจร การจราจรติดขัด
        
        แสงสว่าง เพราะเป็นสภาพที่ส่งเสริมการมองเห็น โดยพบว่าแสงสว่างมีผลต่อการเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์หากแสงสว่างไม่เพียงพอทำให้การมองเห็นหรือทัศนวิสัยน้อย การเกิดอุบัติเหตุจึงเกิดได้ง่าย
  - - - การเข้มงวดในเรื่องการตรวจสภาพ ควรมีการตรวจสอบให้มีสภาพการใช้งานตามปกติ ไม่มีการดัดแปลงสภาพ หรือมีการตกแต่งเพิ่มเติม
      - การควบคุมความเร็วของรถจักรยานยนต์ การใช้อุปกรณ์ในการเฝ้าติดตาม เช่น การติดตั้งระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก (global positioning system; GPS)
      - การเช็คสภาพรถ ควรมีการเช็คสภาพยานพาหนะทุกครั้งก่อนออกเดินทางหรือต้องใช้งานเพราะหากสภาพยานพาหนะชำรุดหรือไม่พร้อมใช้งานอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
    - - การควบคุมการใช้รถจักรยานยนต์โดยผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อย เช่น กระบวนการใช้ใบขับขี่ชั่วคราว กระบวนการฝึกอบรมเพื่อสอบใบขับขี่อย่างมีคุณภาพ
      - ควรมีการฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยตั้งแต่ก่อนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น อย่างมีประสิทธิภาพและประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงการอบรมได้ง่าย
      - ควรรณรงค์การลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ปลูกฝังให้เยาวชนและทุกกลุ่มอายุได้ตระหนักถึงโทษของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อการเกิดอุบัติเหตุ
    - - จัดให้มีช่องทางการวิ่งของรถจักรยานยนต์ออกมาจากพื้นผิวถนนร่วมอย่างชัดเจน เพราะช่องทางวิ่งของรถจักรยานจะช่วยลดความเร็วของยานพาหนะและช่วยลดอุบัติเหตุได้
      - ตรวจสอบเครื่องหมายสัญญาณไฟจราจรให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งานติดตั้งป้ายจำกัดความเร็วและป้ายเตือนอันตรายให้ชัดเจนก่อนถึงจุดทางแยก ทางโค้งและจุดที่มีการเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งควรติดตั้งป้ายเตือนทางเบี่ยงให้ถูกต้องและชัดเจน ติดตั้งไฟส่องสว่างและสัญญาณไฟกระพริบบริเวณทางเบี่ยง
      - ควรหมั่นตรวจสอบวัตถุอันตรายข้างทาง เช่น หมั่นดูแลตัดกิ่งไม้บริเวณข้างทาง และบริเวณข้างทางต้องไม่มีต้นไม้ขนาดใหญหากมีการปรับปรุงถนนหรือก่อสร้างผิวจราจรและบริเวณโดยรอบ ต้องติดตั้งเครื่องหมายสัญญาณหรือป้ายเตือนก่อนถึงบริเวณดังกล่าวให้ชัดเจน
      - มีการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ
        
        4.1 การสวมหมวกนิรภัยและการสวมหมวกนิรภัยอย่างถูกวิธี
        
        4.2 กฎหมายเกี่ยวกับเมาแล้วขับ เนื่องจากการดื่มสุราแล้วขับรถ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมตามมา เช่นการไม่สวมหมวกนิรภัย หรือการสวมหมวกนิรภัยแต่ไม่รัดสายรัดคาง การย้อนศร การขับเร็ว