Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การใช้ยาใน ผู้สูงอายุ - Coggle Diagram
บทที่ 8 การใช้ยาใน ผู้สูงอายุ
ปัจจัยที่มีผลทำให้เกิดปัญหาการใช้ยา
1.ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้สูงอายุ ได้แก่ กระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากกระบวนการชราที่ส่งผลต่อเภสัชจลศาสตร์และเภสัชพลศาสตร์
2.ปัจจัยด้านพฤติกรรมการใช้ยาของผู้สูงอายุประกอบด้วย
1.การใช้ยาด้วยตนเอง Self-medication เช่น การซื้อยาตามร้านขายยา การใช้อาหารเสริมบำรุงสุขภาพ การใช้ยาทางเลือกหรือสมุนไพร
2.ความร่วมมือในการใช้ยา Medicine adherence ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาตามคำสั่งการรักษาของแพทย์ ได้แก่ การบริหารยาไม่ตรงตามคำสั่งของแพทย์ การไม่รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การไม่กลับมาพบแพทย์ตตามนัด เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงทางเภสัชจลวิทยาในผู้สูงอายุ Phamacologicalchang in elderly
1.เภสัชจลศาสตร์ (Pharmacokinetic)
คือ การศึกษาวิธี่ที่ร่างกายจัดการกับยาที่ได้รับเข้าไป ซึ่งได้แก่ การดูดซึงยา การกระจายยาไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย เมตาบอลิซึมของยาโดยตับ และการขับถ่ายยาทางไต
1.1. การดูดซึมยา Drug absorption
ระบบทางเดินอาหารผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง คือ ความเป็นกรดของกระเพาะอาหารลดลง การบีบตัวของทางเดินอาหารลดลง การลดลงของพื้นที่ผิวในการดูดซึมในทางเดินอาหารส่งผลให้ดูดซึมยาลดลง โดยเฉพาะกลุ่ม active transport
1.2. การกระจายตัวของยา (drug distribution)
ผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบในร่างกายที่มีผลต่อการกระจายตัวของยา ดังนี้ ปริมาณน้ำในร่างกาย มวลกล้ามเนื้อ(Lean body mass) โปรตีนอัลบูมินลดลงส่วนปริมาณไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การกระจายตัวของยาที่ละลายได้ดีในน้ำลดลง ความเข้มข้นของยาในเลือดจึงสูงขึ้น และยาที่ละลายได้ดีในไขมันมีการกระจายตัวเพิ่มขึ้นออกฤทธิ์ยาวนานขึ้น โปรตีนที่ลดลงทำให้ยาที่จับกับโปรตีนได้ลดลงสัดส่วนของยาในเลือดจึงเหลือมากขึ้น จึงมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้มาก
1.3. เมตะบอลิสึมของยา (drug metabolism)
ขนาด,ปริมาณเลือดไหลผ่านตับ,การทำงานของเอนไซม์ตับลดลง ส่งผลทำให้ตับสามารถกำจัดยาลดลงทำให้ยาอยู่ในร่างกายและออกฤทธิ์ได้นานขึ้นจึงเกิดผลข้างเคียงได้ง่ายขึ้น
1.4. การขับถ่ายยาทางไต (renal excretion)
glomerular filtration rate, tubular secretion function และปริมาณเลือดที่ไหลผ่านไตลดลง ส่งผลให้ยาที่ถูกขับออกทางไตมีโอกาสสะสมและเกิดผลข้างเคียงได้บ่อย
2.เภสัชพลศาสตร์
(Phamacodynamic change)
การศึกษาการออกฤทธิ์ของยาต่อร่างกายหรือการที่ยามีผลต่อร่างกายเกี่ยวข้องทั้งผลทางด้านชีวเคมีและสรีรวิทยาของยา กลไกที่ทำให้เกิดผลทั้งด้านที่พึงประสงค์คือฤทธิ์ในการรักษาและผลที่ไม่พึงประสงค์คืออาการข้างเคียงและพิษของยา การจับของยาเข้ากับโมเลกุลของร่างกายที่ทำหน้าที่เป็นตัวรับ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของยาที่ใช้กับการตอบสนองที่เกิดขึ้นในร่างกายส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องผลของยาต่อระบบไหลเวียนเลือดและระบบประสาท ซึ่งพบว่านาส่วนใหญ่มีผลต่อตำแหน่งออกฤทธิ์ของผู้สูงอายุมากกว่าคนหนุ่มสาว
กลุ่มยาที่ใช้บ่อยและอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรืออันตราย ยาที่เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างยาและการพยาบาล
ยาต้านโรคจิตและโรคซึมเศร้า
Antipsychotic and antidepressant drugs
lithium
amitriptylline
ยาระงับปวดและลดการอักเสบ
Analgesic and anti-inflammatory drugs
analgesic and antiinflammatory
ยาที่มีผลต่อหัวใจและหลอดเลือด
Cardiovascular drugs
Thaiazides
beta blocker
Calcium chanel blocker
Digoxin
ยาต้านจุลชีพ
Antimicrobial drugs
aminoglycoside group
ยาลดระดับน้ำตาลในเลือด
Hypoglycemic agent
Chloropropaminde
ยาลดความดันโลหิตสูง
Antihypertensive agent
ACE-inhibitors
ยานอนหลับ
Hypnotic drugs
benzodiazepines/barbiturates
ยากันชัก
Anti convulsant
Phenobarbital
แนวทางการปฏิบัติของพยาบาลในการส่งเสริมการใช้ยาอย่างถูกต้องในผู้สูงอายุ
9.ประเมินครอบครัว ผู้ดูแลที่ใกล้ชิดผู้สูงอายุเกี่ยวกับความรู้เรื่องการใช้ยาพร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาของผู้สูงอายุ แก่ผู้ดูแล
8.จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆที่ช่วยส่งเสริมให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย
7.อธิบายเกี่ยวกับการเสื่อมสภาพและการหมดอายุของยา ป้ายบอกวันหมดอายุซึ่งมักเป็นภาษาอังกฤษ คือ epx. Date ถ้ายาเสื่อมสภาพหรือหมดอายุห้ามใช้เพราะอาจเกิดพิษจากยา
10.แนะนำผู้สูงอายุและญาติให้ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
6.อธิบายความหมายของคำที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา เช่น ก่อนอาหาร 15 นาที หลังอาหาร 30 นาที ยาอมใต้ลิ้น ยาพ่นในจมูก แนวทางในการใช้ยาที่ถูกต้อง เช่น การใช้ยา prn อธิบายให้ความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการให้ยา
11.หากพยาบาลประเมินพบว่าผู้สูงอายุมีอาการแสดงจากผลข้างเคียงของการใช้ยา หรือการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยา
5.ให้ความรู้เกี่ยวกับจุดประสงค์ในการให้ยาแต่ละชนิด อกรออกฤทธิ์ของยา อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น อาการของการทำปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับยา ความตำเป็นในการรับประทานยาให้ตรงตามขนาด เวลา ต่อผู้สูงอายุ ผู้ดูแล
12.การส่งเสริมการรักษาจากการไม่ใช้ยาผู้สูงอายุบางรายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อม (Dementia) และปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น วุ่นวานและกระสับกระส่าย พยาบาลมีบทบาทช่วยส่งเสริมการไม่ใช้ยาในการรักษาพฤติกรรมดังกล่าว เช่น ปรับสภาพแวดล้อมในหอผู้ป่วยจิตเวชการเปิดเพลงที่ฟังสบายและปรับแสงสว่างให้เหมาะสม
4.ให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในวัยสูงอายุ ที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการดูดซึม การกระจายตัวของยา เมตาบอลิซึมของยา การขับถ่ายยาทางไต เพื่อให้เกิดความตระหนักต่อการใช้ยาที่ปลอดภัยต่อผู้สูงอายุ ผู้ดูแล บุคลากรทางการแพทย์
13.การประเมินและทบทวนการบริหารยาของผู้สูงอายุและผู้ดูแลโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาบาลที่ปฏิบัติงานในหอผู้ป่วยใน โดยการให้ข้อมูลความรู้ในการบริหารยาและทบทวนความถูกต้องแม่นยำหลังจากให้คำแนะนำ
3.ให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบการใช้ยาหลายชนิด ค่าใช้จ่าย การใช้ยาสมุนไพรหรือยาหลายชนิดที่ไม่สมเหตุสมผล อาหารเสริมต่างๆ
14.ส่งเสริมการรับประทานอาหารที่มีส่วนสนับสนุนการดูดซึมยา การกระจายตัวของยา หรือป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากยา
2.ประเมินความเข้าใจของผู้สูงอายุเกี่ยวกับการใช้ยา ความฉลาดของผู้สูงอายุในการใช้ยา ความเชื่อในการใช้ยา
15.จัดโปรแกรมการสอนเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างถูกต้องสมเหตุสมผล โปรแกรมร่วมอื่นๆ เพื่อส่งเสริมการใช้ยาที่ถูกต้อง โดยอาจส่งเสริมให้ครอบครัวและผู้ดูแลซึ่งเป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลผู้สูงอายุมีส่วนร่วมในโปรแกรมดังกล่าว
1.ประเมินเกี่ยวกับประวัติการใช้ยาของผู้สูงอายุอย่างครอบคลุม ด้วยการซักประวัติเกี่ยวกับการใช้ยาประเด็นต่างๆ
ปัญหาการใช้ยาในผู้สูงอายุ
2.การใช้ยาหลายชนิดร่วมกันหลายขนาน (polyphamacy) เนื่องจากแพทย์หลายคน ส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาของยาต่อปฏิกิริยาของยาผู้ป่วย (drug-patient reaction) และการเกิดปฏิกิริยาต่อกันของยาต่อยา (drug reaction) ที่ส่งผลให้ฤทธิ์ของยาเพิ่มขึ้นหรือลดลง
3.ความผิดพลาดจากตัวผู้ใช้ยา (Human error) ได้แก่ การซื้อยามารับประทานเอง รับประทานยาที่หมดอายุ เนื่องจากไม่มีความรู้ในการอ่านวันหมดอายุหรือรวมยาหลายชนิดไว้ด้วยกัน ความเชื่อเรื่องการรับประทานยาสมุนไพร
1.กระบวนการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจากกระบวนการชราที่ส่งผลต่อเภสัชจลศาสตร์และเภสัชพลศาสตร์ ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงจากยา (adverse drug reaction: ADR) คือ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในร่างกาย เนื่องจากผู้สูงอายุมีปัจจัยด้านดารเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอันเนื่องมาจากขบวนการแห่งการชรา (aging process)