Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ภัยพิบัติ/ภัยสุขภาพ - Coggle Diagram
ภัยพิบัติ/ภัยสุขภาพ
โรคระบาด (Epidemic)
โรคติดเชื้อระบบทางเดิน
หายใจรุนแรงเฉียบพลัน
(Severe Acute Respiratory Syndrome: SARs)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
เชื้อไวรัสโคโรน่า (Coronavirus)
แนวทางการแก้ไข
หากเกิดสถานการณ์การระบาด ให้แจ้งประชาชนให้
ได้รับรู้มาตรการการป้องกันควบคุมโรค อย่างชัดเจน
จัดตั้งคณะที่ปรึกษาโรคซาร์สแห่งชาติ ที่มีหลายหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ใช้ร่วมกับการออกมาตรการอย่างครบถ้วนทุกด้าน ทั้งทางระบาดวิทยาทางคลินิกและการสอบสวนโรคเพื่อหา ข้อมูลเพิ่มเติม
ให้ความรู้กับประชาชนผ่านทางสื่อสาธารณะ เรื่องอันตรายจากโรคซาร์ส คํานิยามของผู้สัมผัส ลักษณะ
อาการทั่วไป และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสโรค รวมทั้งให้มีโทรศัพท์สายด่วนเพื่อการติดต่อสื่อสาร
คัดแยกผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งควรให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีและสามารถเข้าถึงบริการด้วย
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
9 กรกฎาคม
พ.ศ. 2546 พบผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย
6 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 มีการแพร่ระบาดไปยัง 29 ประเทศ รวมมีรายงานป่วย 8,098 ราย และเสียชีวิต 774 ราย อัตราป่วยตายร้อยละ 9.6
โรคไข้หวัดนก (Bird Flu)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
การสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ
อยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก
การสัมผัสกับสารคัดหลั่ง หรืออุจจาระของสัตว์ปีกโดยตรง
อยู่ในสถานที่ขายสัตว์ปีก ไข่ หรือซากสัตว์ปีกที่มีการรักษาอนามัยที่ไม่ดีพอ
แนวทางการแก้ไข
หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีสัตว์ปีก
ไม่รับประทานเนื้อหรือไข่ของสัตว์ปีกที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุกด้วยอุณหภูมิ 74 องศาเซลเซียสขึ้นไป
หากต้องเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด และมีประวัติว่าเคยสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์อาจให้รับประทานยาต้านไวรัสเพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อ โดยวิธีนี้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 70-90%
หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สัตว์ปีกทุกชนิด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรล้างมือทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับสัตว์ปีก
การหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อ
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ไข้หวัดนกสามารถพบได้ในช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคม เนื่องจากเป็นช่วงอพยพหนีหนาวของสัตว์ปีกจากโลกซีกเหนือ สถิติล่าสุดจากองค์การอนามัยโลกพบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 จนถึงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559 ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 856 คน และมีผู้เสียชีวิต 452 คน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้ที่ต้องสัมผัสกับซากสัตว์ปีก หรือเป็นคนที่ทำงานกับสัตว์ปีก
ปี 2562 เป็นโรคไข้หวัดนกสายพันธุ์H5N1 จำนวน 238 ราย เสียชีวิต 134 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 56
ปี2563 มีรายงาน
พบผู้ป่วยสงสัยโรคไข้หวัดนก จำนวน 2 ราย
อหิวาตกโรค
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า วิบริโอ โคเลอรี (Vibrio Cholerae) มักมาจากน้ำ อาหารบางชนิด อาหารทะเล ผักผลไม้สด และธัญพืชต่าง ๆ
แนวทางการแก้ไข
ล้างมือให้สะอาด
หลีกเลี่ยงอาหารดิบ
รับประทานอาหารปรุงสุก
รับประทานผลไม้ที่ปอกเปลือกเอง
ดื่มน้ำต้มสุกและสะอาด
ไม่ควรรับประทานอาหารที่ทำมาจากผลิตภัณฑ์เนยนมอย่างไอศกรีมหรือนมที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ปี 2558 พบผู้ป่วยด้วยโรคนี้จำนวน 10 ราย จาก 8 จังหวัด คิดเป็นอัตราป่วยร้อยละ 0.02 ต่อประชากรแสนคน โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือช่วงอายุ 25-34 ปี คิดเป็นร้อยละ 30 และภาคที่มีอัตราการป่วยสูงสุด คือภาคเหนือ คิดเป็นร้อยละ 0.03 ต่อแสนประชากร
ปีละ 1.3-4.0 ล้านราย และมีผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคนี้รวมทั่วโลกแล้วปีละ 21,000-143,000 ราย
โรคไข้หวัด
ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
ได้รับเชื้อไวรัสกลุ่ม Influenza Virus ผ่านทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่นผ่านการหายใจ การกิน การดื่ม หรือการสัมผัสเชื้อเข้าสู่เนื้อเยื่อร่างกายโดยตรงทางเลือด น้ำเหลือง น้ำหล่อลื่นที่ดวงตา
แนวทางการแก้ไข
วัคซีนสำหรับฉีดป้องกันไวรัสที่สามารถฉีดได้ปีละครั้ง
ยาต้านไวรัสที่ได้รับการแนะนำให้ใช้ในผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
การสร้างเสริมสุขภาพร่างกาย และสุขอนามัยในการใช้ชีวิต ก็เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงในการป่วย
หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย
หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดในช่วงการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่
ล้างมือบ่อยๆและล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
หลีกเลี่ยงการเอามือเข้าปาก หรือขยี้ตา
อย่าใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
สามารถพบได้ตลอดปี และระบาดในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โดยเฉพาะในฤดูหนาวและฤดูฝนที่เอื้อต่อการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้
เกิดปีละประมาณ 1,000 ถึง 2,000 คนต่อประชากร 100,000 คน
ปี พศ. 2558 มีผู้เสียชีวิต 23 คน
ปี 2562 มีรายงานผู้ป่วย 390,733 ราย เสียชีวิต 27 ราย
ปี พ.ศ.2563 มีรายงานผู้ป่วย 103,729 ราย อัตราป่วย 156.02 ต่อประชากรแสนคน มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย
1–30 มกราคม 2564 ยังไม่มีรายงานเหตุการณ์การระบาดโรคไข้หวัดใหญ่
โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (Middle East Respiratory Syndrome)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
เกิดจากไวรัส โนเวิล โคโรน่า (novel coronavirus)
แนวทางการแก้ไข
ปิดปาก และจมูกด้วยกระดาษชำระเมื่อมีการจาม หรือไอ
เมื่อมีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจให้สวมใส่หน้ากากอนามัย งดการไปทำงาน โรงเรียน หลีกเลี่ยงการไปในสถานที่แออัด และเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ทันที
รักษาความสะอาดของมืออยู่เสมอ
สร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับร่างกายด้วยการับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่สูบบุหรี่ และไม่ดื่มแอลกอฮอล์
ทำความสะอาด และฆ่าเชื้อผิวที่ได้รับการสัมผัสอย่างสม่ำเสมอด้วยสารฟอกขาวที่ใช้ภายในบ้านชนิดเจือจางอัตรา 1:99
ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำที่ใช้แล้วทิ้งเช็ดสิ่งปนเปื้อนที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น สารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ แล้วทำการฆ่าเชื้อบนพื้นผิว และพื้นที่ใกล้เคียงด้วยสารฟอกขาวที่ใช้ภายในบ้านชนิดเจือจางอัตรา 1:49
รักษาให้อากาศภายในห้องถ่ายเทได้ดี หลีกเลี่ยงการออกไปในสถานที่สาธารณะที่มีอากาศถ่ายเทไม่ดี ผู้ที่มีความเสี่ยสวมใส่หน้ากากอนามัยในขณะเดินทางไปสถานที่เหล่านั้น
ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยของอาหาร และสุขอนามัย เช่น การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดิบ หรือผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์โดยไม่ได้รับการปรุงสุก
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ปี 2562 มีผู้ป่วยสงสัยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจตะวันออกกลาง
จ านวน 119 ราย ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง
ปี 2563ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 30 มิถุนายน 2563 มีผู้ป่วยสงสัย18 ราย เป็นเพศชาย 8 ราย หญิง 10 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยัน 1 ราย ผู้ป่วยคัดออก เนื่องจากผลทางห้องปฏิบัติการ
ไม่พบเชื้อ 13 ราย และ รอผลทางห้องปฏิบัติการ 4 ราย
ปี 2558 ถึง 16 กันยายน 2562 ประเทศไทยมีผู้ป่วยสงสัยสะสมจำนวน 1013 ราย เป็นเพศชาย 532 ราย หญิง 475 รายโดยเป็นผู้ป่วยยืนยัน 3 ราย
การระเบิดของภูเขาไฟ (Volcano Eruptions)
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ไม่พบในประเทศไทย
แนวทางการแก้ไข
ไม่ควรหลบอยู่ในอาคารสิ่งก่อสร้างเพราะอาจถล่มลงมาจากแผ่นดินไหวหรือเถ้าภูเขาไฟได้
เตรียมอุปกรณ์ยังชีพให้พร้อม
ติดตามข่าวสารจากทางราชการและเมื่อทางการสั่งอพยพให้อพยพออกจากพื้นที่ทันทีอาจไปรวมตัวกันที่สถานที่หลบภัยทันที
ไฟฉาย และ ถ่านที่ใช้งานได้
ยาสามัญประจำบ้าน และ ต้องรู้วิธีใช้
ก่อนเกิดเหตุ ควรสร้างช่องทางติดต่อสื่อสารฉุกเฉิน ตกลงกันในครอบครัวว่าจะติดต่อกันอย่างไรด้วยวิธีไหน ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะไปเจอกันที่ไหน
น้ำ อาหารแห้ง หรืออาหารที่สามารถใช้กินได้ยามฉุกเฉิน
หน้ากากกันฝุ่นหรือหน้ากากอนามัยและแว่นตาเพื่อป้องกันเถ้าของภูเขาไฟ
วิทยุที่ฟัง AM-FM ได้
เสื้อแขนยาว และ กางเกงขายาว
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
การที่แรงดันหินหนืดเพิ่มขึ้นทำให้แทรกรอยแตกขึ้นสู่ผิวโลก
แผ่นดินไหว (Earthquakes)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
การเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก
ทฤษฎีว่าด้วยการขยายตัวของเปลือกโลก
ทฤษฎีว่าด้วยการคืนตัวของวัตถุ
เกิดจากการกระทำของมนุษย์
การทดลองระเบิดปรมาณู
แรงระเบิดจากการทำเหมืองแร่
การกักเก็บน้ำในเขื่อน
แนวทางการแก้ไข
2.ขณะเกิดเหตุห้ามใช้ลิฟต์เพราะไฟฟ้าอาจดับได้ และควรมุดลงใต้โตะที่แข็งแรง
3.หากอยู่ภาคนอกอาคารให้หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เสาไฟฟ้า กำแพง และอาคารสูง หายอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลให้รีบขึ้นที่สูงที่ห่างจากชายฝั่ง
1.จัดเตรียมเครื่องอุปโภคบริโภค ยารักษาโรคไว้ให้พร้อม
ควรออกแบบอาคารและสิ่งก่อสร้างให้สามารถรับแรงแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้
ควรมีการฝึกซ้อมการหลบภัยแผ่นดินไหวแต่ละชุมชนหรือหน่วงงานที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงแผ่นดินไหว
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ภาคเหนือ ระดับความรุนแรงประมาณ 5.0 แมกนิจูด
วันที่ 11 กันยายน 2537 แผ่นดินไหวขนาด 5.1 ที่ อ.พาน จ.เชียงราย
วันที่ 22 เมษายน 2526 แผ่นดินไหวขนาด 5.9 ที่ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
วันที่ 21 ธันวาคม 2538 แผ่นดินไหวขนาด 5.2 ที่ อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2518 แผ่นดินไหวขนาด 5.6 ที่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
สำหรับขนาดแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางในประเทศ ระดับ 5-6 ริกเตอร์ จะเกิดขึ้นประมาณ 6-8 ครั้งต่อปี แต่แผ่นดินไหวระดับ 3-5 ริกเตอร์ จะเกิดขึ้นทุกปีเฉลี่ยประมาณปีละ 4-5 ครั้ง ซึ่งแผ่นดินไหวระดับ 3-5 ริกเตอร์
คลื่นใต้น้ำ (Tsunamis)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
การระบิดอย่างรุนแรงของภูเขาไฟใต้ทะเล
ดินถล่มที่พื้นท้องทะเล
การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกตามแนวรอยเลื่อนที่ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวที่พื้นท้องทะเล
การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ทะเล
แนวทางการแก้ไข
เมื่อได้รับฟังประกาศจากทางการเกี่ยวกับการเกิดแผ่นดินไหวในทะเล
ถ้าอยู่ในเรือซึ่งจอดอยู่ในท่าเรือ ให้รีบนำเรือออกไปกลางทะเล
ขณะที่อยู่บริเวณชายฝั่งเมื่อรู้สึกว่ามีแผ่นดินไหวหรือพบว่าระดับน้ำทะเลลดลงมากผิดปกติ ให้รีบอพยพไปยังบริเวณที่สูงทันที
4.หลังสึนามิสงบควรรอประกาศจากการก่อนจึงสามารถลงไปชายหาดได้
ติดตามการเสนอข่าวของทางราชการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
หากที่บ้านเรือนอยู่ใกล้ชายหาด ควรจัดทำเขื่อน กำแพง ปลูกต้นไม้ วางวัสดุ ลดแรงปะทะของน้ำทะเล ในบริเวณย่านที่มีความเสี่ยงภัยในเรื่องสึนามิ
ควรหลีกเลี่ยงการก่อสร้างอาคารบ้านเรือใกล้ชายฝั่งในย่านที่มีความเสี่ยงภัยสูง
วางแผนในการฝึกซ้อมรับภัยจากสึนามิเป็นประจำทุกปี
จัดวางผังเมืองให้เหมาะสม บริเวณแหล่งที่อาศัยควรมีระยะห่างจากชายฝั่ง
ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ประชาชนในเรื่องการป้องกันและบรรเทาภัยจากสึนามิและแผ่นดินไหว
วางแผนล่วงหน้า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจริง ในเรื่องการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดขั้นตอนในด้านการช่วยเหลือบรรเทาภัย ด้านสาธารณะสุข การรื้อถอนและฟื้นฟูสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
พ.ศ. 2548 มีจำนวนทั้งหมด 5,309 คน ผู้สูญหายจำนวนทั้งหมด 3,370 คน
พ.ศ. 2547 ความรุนแรงแมกนิจูด 9.1 ถึง 9.3 ตามมาตราโมเมนต์ เวลาอยู่ที่ประมาณ 8.3 ถึง 10 นาที ผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ใน 14 ประเทศมากกว่า 230,000 - 280,000คนหรือมากกว่า 280,000 คน
วาตภัย (Windstorm)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
ลมงวง หรือพายุทอร์นาโด
พายุฤดูร้อน
พายุหมุนเขตร้อน
แนวทางการแก้ไข
เมื่อพายุสงบแล้ว ควรปฎิบัติ
ถ้ามีเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟขาดอย่าเข้าใกล้หรือแตะต้องเป็นอันขาด ทำเครื่องหมายแสดงอันตรายและแจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือช่างไฟฟ้าจัดการด่วน อย่าแตะโลหะที่เป็นสื่อไฟฟ้า
เมื่อปรากฎว่าท่อประปาแตกที่ใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาแก้ไขโดยด่วน
ต้นไม้ใกล้จะล้มให้รีบจัดการโค่นล้มลง
อย่าเพิ่งใช้น้ำประปา เพราะน้ำอาจไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากท่อแตกหรือน้ำท่วม ถ้าใช้น้ำประปาขณะนั้นดื่มอาจจะเกิดโรคได้
เมื่อมีผู้บาดเจ็บให้รีบช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่ใกล้เคียงให้เร็ว ที่สุด
เตรียมยารักษาโรคต่างๆที่มักเกิดหลังวาตภัย เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อ ปรสิต โรคผิวหนัง โรคระบบทางเดินอาหาร โรคภาวะทางจิต เป็นต้น
ขณะเกิดวาตภัย ควรปฏิบัติ
ตรวจเสาและสายไฟฟ้าทั้งในและนอกบริเวณนอกบ้านให้เรียบร้อย ถ้าไม่แข็งแรงให้ยึดเหนี่ยวเสาไฟให้มันคง
5.พักในอาคารที่มั่นคงตลอดเวลาขณะเกิดวาตภัย อย่าออกมาในที่โล่งแจ้ง
ตัดหรือรึกิ่งไม้ที่อาจหักได้จากลมพายุ โดยเฉพาะกิ่งที่หักมาทับบ้าน สายไฟฟ้า ต้นไม้ที่ยืนต้นตายควรจัดการโค่นลง
ปิดประตู หน้าต่างทุกบาน รวมทั้งยึดประตูและหน้าต่างให้มั่นคงแข็งแรง
2.เตรียมวิทยุและอุปกรณ์สื่อสาร ชนิดใช้ถ่านแบตเตอรี่
ปิดกั้นช่องทางลมและช่องทางต่าง ๆ ที่ลมจะเข้าไปทำให้เกิดความเสียหาย
1.ติดตามข่าวและคำเตือนลักษณะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
เตรียมตะเกียง ไฟฉาย และไม้ขีดไฟไว้ให้พร้อม ให้อยู่ใกล้มือ
เตรียมอาหารสำรอง อาหารกระป๋องไว้บ้างสำหรับการยังชีพในระยะเวลา 2-3 วัน
ดับเตาไฟให้เรียบร้อยและควรจะมีอุปกรณ์สำหรับดับเพลิงไว้
เตรียมเครื่องเวชภัณฑ์
สิ่งของควรไว้ในที่ต่ำ
ถ้ามีรถยนต์ หรือพาหนะ ควรเตรียมไว้ให้พร้อมภายหลังพายุสงบอาจต้องนำผู้ป่วยไปส่ง โรงพยาบาล
เมื่อลมสงบแล้วต้องรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง ถ้าพ้นระยะนี้แล้วไม่มีลมแรงเกิดขึ้นอีก จึงจะวางใจว่าพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
พายุโซนร้อน “แฮร์เรียต” ที่แหลมตะลุมพุก อำเภอปากหนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ.2505
พายุโซนร้อน “หมุ่ยฟ้า” ที่พัดเข้าสู่ชายฝั่งภาคใต้ของไทย เมื่อ พ.ศ. 2547
พายุไต้ฝุ่น “ลินดา” ที่พัดเข้าสู่ทางใต้ของประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2540
พายุไต้ฝุ่น “เกย์” ที่พัดเข้าสู่จังหวัดชุมพร เมื่อ พ.ศ. 2532
ภัยแล้ง (Drought)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
โดยธรรมชาติ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เช่น ฝนทิ้งช่วง ฝนตกน้อย ดินเก็บความชื้นต่ำได้ไม่ดี
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโลก
การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเล
ความผิดปกติของตำแหน่งร่องมรสุมทำให้ฝนตกในพื้นที่ไม่ต่อเนื่อง
ความผิดปกติเนื่องจากพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนที่ผ่านประเทศน้อยกว่าปกติ
โดยการกระทำของมนุษย์
การใช้น้ำอย่างไม่เหมาะสมหรือสิ้นเปลืองเกินไป ทั้งการอุปโภค บริโภค และการเกษตร
พฤติกรรมการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่ทำลายชั้นโอโซน เกิดภาวะเรือนกระจก
การพัฒนาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม
ขาดการวางแผนการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์จากน้ำฝน
ระบบการเพาะปลูกและความถี่ของการเพาะปลูก
แนวทางการแก้ไข
เตรียมกักเก็บน้ำสะอาดเพื่อการบริโภคให้เพียงพอ
ขุดลอกคู คลอง ดูแลแหล่งเก็บน้ำในชุมชนให้มีศักยภาพ
วางแผนใช้น้ำอย่างประหยัด เช่น ใช้น้ำจากฝักบัวเพื่อชำระร่างกายจะประหยัดน้ำมากกว่าการตักอาบ นำน้ำที่ใช้ชำระร่างกายหรือน้ำจากการซักผ้าไปใช้ต่อทางการเกษตร
การใช้น้ำเพื่อการเกษตร ควรใช้ในช่วงเช้าและเย็น
กำจัดวัสดุเชื่อเพลิงรอบที่พัก
เตรียมหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินเพื่อการขอน้ำบริโภคและการดับไฟป่า
การรักษาป่าและปลูกป่า เช่น การปลูกป่า 3 อย่าง ได้ประโยชน์ 4 อย่าง ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ปี พ.ศ.2550 จังหวัด 66 ราษฎรประสบภัย16,754,980 คน พื้นที่การเกษตร 1,350,118 ไร่
ปี พ.ศ.2552 จังหวัด62 ราษฎรประสบภัย17,353,358 คน พื้นที่การเกษตร 594,434 ไร่
ปี พ.ศ.2551 จังหวัด61 ราษฎรประสบภัย135,298,895 คน พื้นที่การเกษตร 524,999 ไร่
ปี 2560/61 ไม่รุนแรงแต่ยังคงมีบางพื้นที่ที่อาจจะประสบปัญหาภัยแล้งระดับปานกลางประมาณ 3.6 ล้านไร่ (ร้อยละ 5 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด)
ปี 2563/64 มีแนวโน้มเกิดกาขาดแคลนน้ำหากมีการมใช้น้ำในแต่กิจกรรมไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ สำหรับภาคใต้จะยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นทางฝั่งตะวันออกของภาคตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
อุทกภัย (Floods)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
พายุหมุนเขตร้อน ได้แก่ พายุดีเปรสชั่น, พายุโซนร้อน, พายุใต้ฝุ่น
ร่องมรสุมหรือร่องความกดอากาศต่ำ
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
หย่อมความกดอากาศต่ำ
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
เขื่อนพัง
แนวทางการแก้ไข
เคลื่อนย้ายคน สัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย และสิ่งของไปอยู่ในที่สูง ซึ่งเป็นที่พ้นระดับน้ำที่เคยท่วมมาก่อน
ทำคันดินหรือกำแพงกั้นน้ำโดยรอบ
ติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง
เคลื่อนย้ายพาหนะ เช่น รถยนต์หรือล้อเลื่อนไปอยู่ที่สูง หรือทำแพสำหรับที่พักรถยนต์ อาจจะใช้ถังน้ำขนาด 200 ลิตร ผูกติดกันแล้วใช้กระดานปูก็ได้
เตรียมกระสอบใส่ดินหรือทราย เพื่อเสริมคันดินที่กั้นน้ำให้สูงขึ้น เมื่อระดับน้ำขึ้นสูงท่วมคันดินที่สร้างอยู่
เชื่อฟังคำเตือนอย่างเคร่งครัด
ควรเตรียมเรือไม้ เรือยาง หรือแพไม้ไว้ใช้ด้วย
เตรียมเครื่องมือช่างไม้ ไม้กระดาน และเชือกไว้บ้างสำหรับต่อแพ เพื่อช่วยชีวิตในยามคับขัน
เตรียมอาหารกระป๋อง หรืออาหารสำรองไว้บ้าง
เตรียมน้ำดื่มเก็บไว้ในขวดและภาชนะที่ปิดแน่น ๆ
เตรียมเครื่องเวชภัณฑ์ไว้บ้างพอสมควร เช่น ยาแก้พิษกัดต่อยแมลงป่อง ตะขาบ งู และสัตว์อื่น ๆ
เตรียมเชือกมนิลามีความยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร ใช้ปลายหนึ่งผูกมัดกับต้นไม้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ในกรณีที่กระแสน้ำเชี่ยว
เตรียมวิทยุที่ใช้ถ่านไฟฉาย เพื่อไว้ติดตามฟังรายงานข่าวลักษณะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
เตรียมไฟฉาย ถ่านไฟฉาย และเทียนไข เพื่อไว้ใช้เมื่อไฟฟ้าดับ
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ปี 2558 มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมด 49 จังหวัด 241 อำเภอ สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินรวมรวม 162,063,478 บาท มีประชาชนเดือดร้อนทั้งสิ้น 885,915 คน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 694,282 ไร่
ปี 2559 มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมด 62 จังหวัด 252 อำเภอ สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินรวม 271,167,957 บาท มีประชาชนเดือดร้อนทั้งสิ้น 1,128,447 คน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 566,972 ไร่
ปี 2557 มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมด 58 จังหวัด 440 อำเภอ สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินรวม 323,578,804 บาท มีประชาชนเดือดร้อนทั้งสิ้น 1,810,748 คน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 1,706,254 ไร่
ปี 2560 มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมด 68 จังหวัด 698 อำเภอ สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินรวม 1,050,281,997 บาท มีประชาชนเดือดร้อนทั้งสิ้น 3,678,474 คน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบ 5,087,352 ไร่
ปี 2561 มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมด 66 จังหวัด 420 อำเภอ สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินรวม 542,067,800 บาท มีประชาชนเดือดร้อนทั้งสิ้น 1,009,289 คน ส่วนพื้นที่การเกษตรซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปี 2561 ไม่ได้ระบุไว้
ประสบปัญหาอุทกภัยเป็นประจํา ทุกปี
อัคคีภัย (Fires)
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
ปี2561
เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอาคาร รวมทั้งสิ้นจำนวน 292 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 93 ราย เสียชีวิต 15 ราย
ปี2562
เกิดเหตุเพลิงไหม้ในอาคาร รวมทั้งสิ้นจำนวน 88 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 77 ราย เสียชีวิต 1 ราย
แนวทางการแก้ไข
1.การจัดระเบียบเรียบร้อยดี หมายถึง การป้องกันการติดต่อลุกลาม โดยจัดระเบียบในการเก็บรักษา สารสมบัติที่น่าจะเกิดอัคคีภัยได้ง่ายให้ถูกต้องตามลักษณะการเก็บรักษา สารสมบัตินั้น ๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคารให้เรียบร้อย โดยไม่สะสมเชื้อเพลิงไว้เกินประมาณที่กำหนด
2.การตรวจตราซ่อมบำรุงดี หมายถึง การกำจัดสาเหตุในการกระจายตัวของเชื้อเพลิงและความร้อน เช่น การตรวจตราการไหลรั่วของเชื้อเพลิงต่าง ๆ พร้อมทั้งการควบคุมดูแลมิให้เกิดการกระจายตัวของความร้อนของเครื่องทำความร้อน
3.การมีระเบียบวินัยดี หมายถึง การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวกับการป้องกันอัคคีภัย เช่น สถานที่ใดที่ให้มีไว้ซึ่งเครื่องดับเพลิง
4.ความร่วมมือที่ดี หมายถึง การศึกษาหาความรู้ความเข้าใจในการป้องกันและระงับอัคคีภัย โดยการฝึกการใช้อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการดับเพลิง ตลอดจนการฝึกซ้อมในการปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินเมื่อเกิดเพลิงไหม้
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
อุปกรณ์ไฟฟ้า
การสูบบุหรี่หรือการจุดไฟ
ความเสียดทานของประกอบของเครื่องจักร เครื่องยนต์
เครื่องทำความร้อน
วัตถุที่มีผิวร้อนจัด เช่น เหล็กที่ถูกเผา ท่อไอน้ำ
เตาเผาซึ่งไม่มีฝาปิดหรือเปลวไฟที่ไม่มีสิ่งปกคลุม
การเชื่อมและตัดโลหะ
การลุกไหม้ด้วยตัวเอง เกิดจากการสะสมของสารบางชนิด เช่น พวกขยะแห้ง ถ่านหินจะก่อให้เกิดความร้อน
เกิดจากการวางเพลิง
ประกายไฟที่เกิดจากเครื่องจักรขัดข้อง
โลหะหรือวัตถุหลอมเหลว
ไฟฟ้าสถิต
สภาพบรรยากาศที่มีสิ่งปนเปื้อนก่อให้เกิดการระเบิดได้
.ปฏิกิริยาของสารเคมีบางชนิด เช่น โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส เมื่อสัมผัสกับน้ำ อากาศ หรือวัสดุอื่นๆ
แผ่นดินถล่ม (Land slide)
ปัจจัย/สาเหตุการเกิดโรค
ลักษณะภูมิประเทศ เช่น ความลาดชัน ความยาวของความลาดชัน ระดับความสูงของพื้นที่
ลักษณะทางธรณีวิทยาและปฐพีวิทยา เช่นองค์ประกอบของหินและดิน
ลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งจะมีผลต่อการปกคลุมพื้นดิน
ลักษณะภูมิอากาศ เช่น ปริมาณฝน
แนวทางการแก้ไข
มาตรการเร่งด่วน
เร่งดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่ม
จัดตั้ง อบรมและให้ความรู้แก่หน่วยบรรเทาสาธารณภัย
การวางมาตรการและกำหนดวิธีการจัดการพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่ม
การกำหนดเขตพื้นที่ที่เป็นอันตรายจากการเกิดแผ่นดินถล่ม
เร่งดำเนินการย้ายชุมชนที่เสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินถล่มสูง
หาวิธีหรือแนวทางในการจัดทำและติดตั้งระบบเตือนภัย
มาตรการระยะยาว
การจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างโครงสร้างต่าง ๆเพื่อลดความรุนแรงของการเกิดแผ่นดินถล่ม
การปลูกพืชคลุมดินที่เหมาะสม โตเร็ว
การกำหนดกฎระเบียบและข้อกำหนดในการจัดการพื้นที่
การส่งเสริมและให้ความรู้ด้านการป้องกันและบรรเทาการเกิดแผ่นดินถล่ม
การกำหนดเขตการใช้ที่ดินอย่างชัดเจน
การติดตามสถานการณ์ข่าวพยากรณ์อากาศ
อัตราชุก/อุบัติการณ์การเกิดโรค
มีความรุนแรงไม่มากนัก โดยทั่วไปเกิดขึ้นพร้อมน้ำป่าไหลหลาก พายุฝน
2550 เพชรบูรณ์ เสียชีวิต 6 คน
2551 สุราษฎร์ธานี เสียชีวิต 2 คน
2552 นราธิวาส เสียชีวิต 14 คน