Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ไขสันหลังอักเสบ (Myelitis) - Coggle Diagram
ไขสันหลังอักเสบ (Myelitis)
พยาธิสภาพ
ไขสันหลังอักเสบเป็นการอักเสบของไขสันหลังที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ทำให้้มีผลต่อรยางคค์ส่วนล่างทั้งด้านการเครื่อนไหวและการรับความรู้สึก ตั้งแต่ริเวณทีมีพยาธิสภาพและที่ต่ำกว่าลงไป โดยมีชื่อเรียกกต่างกัน คือถ้ามีการอักเสบจากการติดดเชื้อไวรัส เรีียกว่า poliomyelitis การอักเสบเฉพาะWhite เรียกว่า leukomyelitis ถ้ามีการอักเสบของไขสันหลังแบบตัดขวางเรียก transverse myelitis ถ้าการอักเสบนั้นลุกลามจากล่างขึ้นบนเรียก ascending myelitis
สาเหตุ
1.เชื้อไวรัส มักเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดอาการทางระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ Epstein-Barr คางทูม หัด ไข้สุกใส ECHO virus เชื้อโปริโอ เริม เชื้อไวรัสงูสวัด และเชื้อพิษสุนัขบ้า
2.ผลแทรกซ้อนจากวัคซีนที่พบบ่อยได้แก่ ภายหลังการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า และจากการปลูกฝี
3.เเกิดจากโรคหลอดเลือดที่ทำให้สมองพิการ จากการขาดเลือดมาเลี้ยงหรือมีพยาธิไชเข้าเนื้อเยื่อประสาท เกิดการทำลายของไขสันหลัง
อาการ
แรกเริ่มมีอาการชาและอ่อนแรงที่ปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง
ปวดหลังแบบเฉียบพลัน
หลังจากนั้นขาจะอ่อนแรงลงเรื้อยๆ จนกระทั่งเป็นอัมพาต เดินไม่ได้
ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้
ผู้ป่วยอาจมีอาการไข้ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดคอ ร่วมด้วย
การวินิจฉัย
เอกซเรย์ LP MRI
โปรตีนสูงกว่าปกติเล็กน้อยถึงหลายร้อยมิลลิกรัม/เดซิลิตร
การตรวจน้ำไขสันหลังอาจปกติหรือมีีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เม็ดเลือดขาวสูง โดยเฉพาะชนิดลิมโฟซัยต์
ระดับน้ำตาลปกติ
CT myelogram พบไขสันหลังบวม
MRI พบไขสันหลังบวม
การรักษา
รักษาตามอาการร่วมกับการทำกายภาพบำบัด และให้การรักษาโรคที่อาจพบร่วม (เช่น ซิฟิลิส วัณโรค ไมโคพลาสมา)
บางรายแพทย์อาจพิจารณาให้สตีรอยด์ เช่น เพร็ดนิโซโลน ขนาดสูงภายใน 2-3 สัปดาห์แรก เพื่อลดการอักเสบ
การพยาบาล
1.ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง จัดท่า และดูเสมหะตามความเหมาะสม
2.ให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา เพื่อให้เด็กได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
3.ระวังการสำลัก ดูแลจัดท่านอนศีรษะสูงขณะรับประทานอาหาร หากมีอาการลำบากพิจารณารายงานแพทย์ให้อาหารทางสายยางหรือทางหลอดเลือดดำแทน
4.สังเกตประเมินอาการอย่างใกล้ชิด ได้แก่ วัดV/S และสังเกตอาการแสดงของการพายใจล้มเหลวหรือได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ เช่น หายใจหอบเหนื่อย หากพบความผิดปกติรายงานแพทย์เพื่อพิจารณาให้ออกซิเจนหรือใส่เครื่องท่อช่วยหายใจ
5.ดูแลกิจวัตรประจำวันต่างๆ เช่น ความสะอาดของร่างกาย การรับประทานอาหาร การขับถ่าย และกระต้นให้มารดามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม