Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

ชายไทยอายุ 46 ปี, Pre-op, Post-op, film x ray femur fracture,…

- - - - Operation : ORIF & plate screw lt femur
        
        พยาธิสภาพ
        
        กระดูกได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง
        
        กระดูกไม่สามารถรองรับน้ำหนักจากแรงดังกล่าวได้
        
        เกิดการฉีกขาดของเยื่อหุ้มกระดูก (periosteum) และไขกระดูก (bone marrow)
        
        เส้นเลือดในกระดูกจะฉีกขาดเกิดเลือดออกภายในและรอบๆกระดูกที่หัก
        
        1 more item...
- - - - เกณฑ์การประเมิน 1. สีหน้าผู้ป่วยดีขึ้น ไม่หน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ร้องโวยวาย 2. ระดับความปวด 1-3 คะแนนหรือปวดน้อย 3. สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้
        
        กิจกรรมทางการพยาบาล
        
        1.ประเมินความปวดผู้ป่วยโดยใช้เครื่องมือ Numerical rating scale (NRS) โดยให้ คะแนน 0 -10 คะแนน 0=ไม่ปวดเลย 1-3=ปวดเล็กน้อย เบี่ยงเบนความสนใจ เช่น ฟังเพลงดูสิ่งทีผู้ป่วยชอบหรือให้ยา Paracetamol NSAIDs 4-6=ปวดปานกลาง ให้ Week opioid เช่นTramadol ทางหลอดเลือดดำ 7-10=ปวดมากทีสุด ให้ Opioid เช่น Morphineทางหลอดเลือดดำ
        เพื่อประเมินอาการปวดแผลของผู้ป่วย
        
        ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลและเบามือ เพื่อหลีกเลี่ยงเกิดอาการปวดของผู้ป่วย
        
        จํากัดการเคลื่อนไหวของผู้ป่วยไม่ให้ขยับและให้นอนพักผ่อนบนเตียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปวดมากกว่าเดิม
- - - - เกณฑ์การประเมิน - แผลบริเวณ pin ไม่อักเสบติดเชื้อ ไม่บวมแดงร้อน BT <37.5 องศา -ไม่เกิดแผลดทับ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินแผลจากการยึดตรึง มีเลือดซึมออก บวม แดง ร้อนไหม ดูแลเชือกไม่หย่อน ลูกตุ้มอยู่ในแนวที่เหมาะสม ประเมินแผลกดทับ เพื่อประเมินการอักเสบ
        2. ให้คำแนะนำผู้ป่วย ไม่ขยับขาที่ตรึงกระดูกไว้ เพื่อให้กระดูกอยู่นิ่ง เชื่อมกัน
        3. ทำความสะแผล pin Change dressing wound
        เปลี่ยนผ้าก๊อซเมื่อมีสิ่งคัดหลั่งซึม ทำความสะอาดผิวหนังรอบๆต้นขาซ้าย เพื่อทำความสะอาดรอบแผลไม่ให้มีสิ่งสกปรกปนเปื้อน อาจเกิดการติดเชื้อและอาจเกิดแผลกดทับ
      - ไม่
- - - - เกณฑ์การประเมิน 1. ไม่พบภาวะแทรกซ้อนขณะผ่าตัด 2. ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตัวก่อนการผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินความรู้ความสามาถในการปฏิบัติตัวก่อนละหลังผ่าตัด เพื่อให้
        ความรู้เพิ่มเติมและให้การพยาบาลที่ถูกต้อง
        2.เตรียม Lab ได้แก่CBC BUN Cr electrolyte, BS Blood group and cross match PRC 2 unit เพื่อเตรียมตัวผู้ป่วยก่อนทำการผ่าตัด
        3. ประเมินภาวะขาดน้ำ และการเสียสมดุลของอิเล็กโทรไลต์รวมทั้งการติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ประเมินริมฝีปากแห้ง urine ออกน้อยหรือไม่ เพื่อประเมินภาวะขาดน้ำ
        4. unison enema ก่อนนอนคืนก่อนผ่าตัดเมื่อมีอการปวดแผล ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา Morphine 4 mg V prn for pain q 4 hr. เฝ้าระวังผลข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน ดูแลให้ 0.9% NSS 1000 cc. iv drip 100 ml./hr. เช้าวันผ่าตัด ดูแลให้ได้รับยา Tramal 1x2 O pc. และยา Bco. 1x3 O pc.เพื่อเตรียมตัวก่อนผ่าตัดตามแผนการรักษา
        5. ประเมินผู้ป่วยจากการงดอาหารและน้ำอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงหรือไม่ เพื่อป้องกันการสำลักในขณะการผ่าตัด
        6. ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัด 6.1 อธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงเหตุผลของการผ่าตัด วิธีการผ่าตัด และการปฏิบัติตัวก่อนผ่าตัด เช่น การเตรียมทำความสะอาดบริเวณผิวหนัง โดยทำความสะอาดแบบ Partial bed bath ดูแลเปลี่ยนผ้าปูเตียง
        ถอดเครื่องประดับ ฟันปลอมก่อนทำการผ่าตัด
        6.2 ดูแลให้ผู้ป่วยได้ระบายความรู้สึกในการเจ็บป่วย และการได้รับการผ่าตัดในครั้งนี้ ส่งเสริมให้ญาติค่อยให้กำลังใจผู้ป่วย 6.3 เตรียมเอกสารใบยินยอมการได้รับการผ่าตัดของผู้ป่วย และ nurse note (ลง V/S)
        โทรเช็ค เลือดที่จองไว้ตามแผนการรักษา
        เพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวก่อนการผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจเหตุผลของการผ่าตัด
        เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจมากขึ้น
- - - - วัตถุประสงค์ 1.ป้องกันการอักเสบติดเชื้อ 2.ส่งเสริมการหายของแผล
        
        เกณฑ์การประเมิน - แผลแห้งดี ขอบแผล ไม่บวม แดง ร้อน ไม่มีdischarge สีเหลืองข้น - แผล Drain ไม่บวมแดง สิ่งคัดหลั่งลด Discharge ไม่มีสีเข้ม - อุณหภูมิร่างกายน้อยกว่า 37.5 องศาเซลเซียส
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินภาวการณ์ติดเชื้อแผลผ่าตัด สังเกตลักษณะบาดแผลบวม แดง ร้อนและมีสิ่งปนเปื้อนซึมออกจากแผลมีลักษณะสีเหลืองเขียวไหม เพื่อประเมินการติดเชื้อละให้การพยาบาลอย่างถูกวิธี
        2.Change dressing wound แผลผ่าตัดและแผล drain วันละครั้งต่อเนื่องเพื่อให้แผลสะอาด ดูแลขวดระบายเลือดให้เป็นระบบปิดแลสุญญากาศสังเกตสีและปริมาณและไม่ให้อยู่สูงกว่าระดับแผลผ่าตัด เพื่อป้องกันสิ่งคัดหลั่งปนเปื้อนแผลผ่าตัด บันทึกทุกเวร เพื่อให้แผลสะอาดและป้องกันการติดเชื้อ
        3. ดูแลให้ยา Cefazolin 1 กรัม ฉีดเข้าเส้นเลือดทุก 6 ชั่วโมง ใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อจากการผ่าตัดผลข้างเคียงอาจเกิดผื่นแดงตามแผนการรักษาของแพทย์และสังเกตอาการข้างเคียงของยาเพื่อรายงานแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
        4.แนะนำการดูแลบาดแผลไม่ให้ถูกน้ำ ไม่แกะเกาแผล เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
        5.แนะนำอาหารที่ช่วยส่งเสริมการหายของแผล เช่น นม ไข่ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะข้ามป้อม ฝรั่ง ลิ้นจี่ และแนะนำอาหารการส่งเสริมแคลเซียม คือ จำพวกผักใบเขียว ได้แก่ บล็อกโคลี่ ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง คะน้า แขนงผัก และดอกกระหล่ำ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ ตับ เพื่อให้ส่งเสริมการหายของแผลและส่งเสริมสร้างกระดูก
  - - - วัตถุประสงค์ เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน
        
        เกณฑ์การประเมิน -ผู้ป่วยมีร่างกายที่สะอาดและสุขสบายขึ้น สามารถดูแลทำความสะอาดปากฟัน -ผู้ป่วยได้รับสารอาหารเพียงพอ
        
        กิจกรรมทางการพยาบาล
        
        1.ช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่นทำความสะอาดร่างกายทั่วไปโดย ให้เฉพาะส่วนที่ผู้ป่วยไม่สามารถเช็ดได้เอง (partial bed bath) เนื่องจากผู้ป่วยสามารถเคลื่อนไหวได้บางส่วน ช่วยเหลือในการหยิบสิ่งของ และดูแลความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบเตียง เพื่อให้ผู้ป่วยมีร่างกายที่สะอาด และสดชื่นขึ้น 2. ส่งเสริมให้ออกกำลังกายบนเตียง ให้เคลื่อนไหวร่างกาย ช่วยยกแขนขาที่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวร่างกาย ป้องกันการเกิดข้อติด และกล้ามเนื้อฝ่อลีบ
  - - - วัตถุประสงค์ ป้องกันและเฝ้าระวังการหักซ้ำ และกระดูกติดผิดรูป
        
        เกณฑ์การประเมิน ไม่เกิดการหักซ้ำ และกระดูกติดผิดรูป
        
        กิจกรรมทางการพยาบาล
        
        1.แนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยอย่างถูกต้อง1.การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน
        1.1 ท่าทางในการนอน หากนอนหงายให้นอนหงายเข่าเหยียดตรง แล้วใช้ม้วนผ้าขนหนูวางไว้ด้านข้างข้อเข่าข้างผ่าตัด เพื่อป้องกันไม่ให้ขา หมุนออกด้านนอก
        1.2 การลงจากเตียง 1.2.1 เขยิบตัวลงจากเตียงไปยังด้านเดียวกันกับขาข้างที่ผ่านการผ่าตัด ออกแรงยันข้อศอกทั้งสองข้างยกตัวขึ้นมานั่งบนเตียง 1.2.2 ขยับขาข้างที่ผ่าตัดลงมาข้างเตียง ตามด้วยขาข้างปกติ ค่อยๆ หมุนลำตัวลงมานั่งข้างเตียง ขณะเคลื่อนย้ายลำตัวตรงไม่โน้มลำตัวมาด้านมาไม่หมุนหรือบิดขาด้านที่ผ่าตัด
        1.3 การนั่งและลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ให้ผู้ป่วยเดินมาที่ด้านหน้าเก้าอี้วางไม้ค้ำยันข้างหนึ่งไว้ข้างเก้าอี้ลงน้ำหนักที่ขาข้างดีบนไม้ค้ำยันให้ออกจากรักแร้กดที่มือจับไม้ค้ำยันและค่อยๆนั่งลง ทำท่าย้อนกลับเมื่อต้องการลุกขึ้นยืน
        1.4 การเดิน 1.4.1 เดินแบบไม่ลงน้ำหนัก (non weight bearing) เป็นการเดินในช่วงแรกที่มีการผ่าตัดใส่วัสดุยึด ตรึงภายใน ยกไม้ค้ำยันไปทางด้านหน้าจากนั้นก้าวขาขวาไปอยู่ระหว่างไม้ค้ำยันจากนั้นเหวี่ยงขาซ้ายไปข้างหน้าโดยขาซ้ายไม่แตะพื้น 1.4.2 เดินลงน้ำหนักได้บางส่วน (partial weight bearing) เป็นการเดินช่วงภายหลังการผ่าตัด ประมาณ 2-3 เดือนแรกภายหลังจากการผ่าตัด ยกไม้ค้ำยันหรือเครื่องช่วยเดินชนิด 4 ขาไปทางด้านหน้าจากนั้นก้าวขาข้างที่มีปัญหาไปอยู่ระหว่างไม้ค้ำยันโดยทางไม่แตะพื้นออกแรงกดที่ไมร์ทั้งสองข้างพร้อมกับก้าวข้างดีมาที่ระดับไม้ 1.4.3 เดินลงน้ำหนักได้เต็มที่ (full weight bearing) เป็นการเดินลงน้ำหนักทั้งหมด ทั้ง 2 ขา ใช้ใน กรณีที่ ผล X-ray พบว่าการดามกระดูกได้ผลดีและอยู่ ในแนวที่ถูกต้อง หรือสามารถเดินลงน้ำหนักได้เต็มที่ ประมาณ 4-6 เดือน และสามารถผ่าตัดเอาเหล็กออกได้ ในระยะเวลา 18-24 เดือนภายหลังการผ่าตัด ยกไม้ค้ำยันข้างซ้ายพร้อมกับก้าวขาข้างขวายกไม้ค้ำยันข้างขวาพร้อมกับก้าวขาข้างซ้าย
        1.5 การออกกำลังกายกล้ามเนื้อขาทั้ง 2 ข้างให้แข็งแรงเพื่อให้การเดินหลังผ่าตัดดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว โดยการเหยียดขาตรงเกร็งกล้ามเนื้อต้นขา กระดกข้อเท้าทั้ง 2 ข้างขึ้นลงได้บ่อยๆ ทำท่าละ 10 ครั้ง ควรบริหารครั้งละ 10 – 15 นาที
- - - - วัตถุประสงค์ ป้องกันและเฝ้าระวังการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดและจากยาระงับความรู้สึก
        
        เกณฑ์การประเมิน 1. สัญญาณชีพปกติ คือ -BP = 90/60 - 120/80 - 120/80 มิลลิเมตรปรอท -PR = 60-100 ครั้ง/นาที -RR = 16-24 ครั้ง/นาที -BT = 36.6 - 37.4 องศาเซลเซียส - O2 = > 95 % 2. ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด เช่น ไม่เกิดเลือดออกผิดปกติ ไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นช้า ชาขาท่อนล่างลดลงจนปกติ 3.ขาขยับได้ปกติ
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมินความรู้สึกตัว โดยการถามชื่อ-นามสกุลผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยสามารถตอบได้แสดงว่าผู้ป่วยรู้สึกตัวดี เพื่อได้ประเมินความรู้สึกตัวของผู้ป่วยและให้การพยาบาลอย่างทันที
        2.ประเมินวัดสัญญาณชีพทุก 15 นาที จำนวน 4 ครั้งทุก 30 นาที จำนวน 2 ครั้งทุก 1 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะคงที่ หากมีอาการปกติให้รีบรายงานแพทย์ เพื่อประเมินสัญญาณชีพหากมีความผิดปกติของผู้ป่วยและให้การพยาบาลอย่างทันที
        3. ประเมินอาการชาของขาควรลดลงจนเป็นปกติ
        ให้ผู้ป่วยขยับขา และสังเกตมีอาการปวดคลื่นไส้อาเจียนและการปัสสาวะไม่ออกให้แจ้งพยาบาลทราบและประสานญาติให้เฝ้าระวังอยู่ใกล้ตลอดในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพื่อช่วยเหลือได้ทันทีจัดให้ เพื่อป้องกันการปวดศีรษะหลังฉีดยาชาและป้องกันความดันโลหิตต่ำ
        4.ดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 0.9% NSS 1000 cc rate 100 cc/hrs เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน คลื่นไส้อาเจียน รวมถึงดูตำแหน่งที่แทงเข็มว่ามีอาการบวมแดงไหม มีการรั่วซึมของสารน้ำไหม เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอและป้องการการเกิดการอักเสบบริเวณตำแหน่งที่แทงเข็ม
        5.ประเมินแผลผ่าตัด ลักษณะของแผล สังเกตผ้าก๊อซว่าเลือดซึมไหม มีอาการบวมไหม และ ประเมิน Radivac drain ให้อยู่ในระบบสุญญากาศและวางให้ต่ำกว่าแผลผ่าตัด ประเมินติดตามอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง ในระยะหลังผ่าตัด 8 ชั่วโมงแรก ปริมาณของ content มากกว่า 200 ccต่อชั่วโมง หากมากว่า 200 cc ให้รายงานแพทย์แสดงว่าผู้ป่วยเลือดออกมากผิดปกติ เพื่อประเมินการอักเสบของแผลและประเมินเลือดออกผิดปกติหลังการผ่าตัด
        6.ประเมินการขับถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะออกได้หรือไม่ ปริมาณปัสสาวะ เพื่อติดตามปัญหาปัสสาวะคั่ง
- - - - วัตถุประสงค์ ลดอาการปวดแผลผ่าตัดขาซ้าย สามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น
        
        เกณฑ์การประเมิน อาการปวดแผลผ่าตัดขวาลดลง Pain score น้อยกว่า 4 คะแนน -สามารถขยับเคลื่อนไหวร่างกายได้ -ไม่หน้านิ่วคิ้วขมวด
        
        กิจกรรมการพยาบาล
        
        1.ประเมิน Pain score โดย Numerical rating scale เป็นระยะๆ จนปกติ เพื่อประเมินความปวดและให้การพยาบาลอย่างถูกวิธี2.2.เจ็บปวดได้เป็น 3 ระดับคือ
        2.เจ็บปวดได้เป็น 3 ระดับคือ ปวดในระดับน้อย (mild pain: 1-3 คะแนน) วิธีบรรเทาปวด - การจัดท่าเพื่อบรรเทาอาการปวด ควรทำทุก 2 ชม. และเมื่อภายหลังมีการให้การพยาบาล โดยท่านอน ให้อยู่ในท่าที่สบายถูกต้องเหมาะสม- การสัมผัสผู้ป่วยอย่างนุ่มนวล- การเบี่ยงเบนความสนใจ- การจัดการสิ่งแวดล้อมให้สงบ- การใช้ดนตรีเช่นฟังเพลงบรรเลงเบาๆ เป็นต้น
        ปวดในระดับปานกลาง (moderate pain: 4-6) วิธีบรรเทาปวด-ให้ยา Paracetamol 500 มิลลิกรัม 1 tab O prn q 4-6 ชั่วโมง- .ให้ยา Tramal 1x2 O pc. ประเมินอาการข้างเคียง คลื่นไส้ อาเจียน
        และปวดรุนแรง (severe pain: 7-10 คะแนน) วิธีบรรเทาปวด -ให้ยา Morphine 4 mg vein for pain q 4 hr. ทุก 4 ชั่วโมง และบันทึกเป็นสัญญาณชีพ ประเมินอาการคลื่นไส้ อาเจียน เพื่อบรรเทาอาการปวดได้และติดตามผลข้างเคียงเพื่อให้การอย่างถูกวิธีพยาบาล
        3. ให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อนให้มากที่สุดไม่รบกวนโดยไม่จำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยนอนหลับเพื่อเบี่ยงเบนความปวด
        4. ให้การพยาบาลอย่างนุ่มนวลและเบามือ เพื่อลดอาการปวดของผู้ป่วยไม่ปวดมากกว่าเดิม
- - - - กิรกรรมการพยาบาล
        
        1.ให้ความรู้ผู้ป่วยและญาติพร้อมแจกคู่มือ (ถ้ามี) การปฏิบัติตนหลังผ่าตัดกระดูกต้นขาซ้าย ห้ามลงน้ำหนักก่อนที่แพทย์อนุญาติ
        2.อธิบายการรับประทานยาต่อที่บ้าน ได้แก่
        -Dicloxacillin 500 mg O ac สังเกตอาการคลื่นไส้ อาเจียน
        -Paracetamal 500 mg. 1 tab O prn q 4-6 hr.
        -Tramal 1x2 O pc. สังเกตอาการคลื่นไส้ อาเจียน
        -Bco. 1x3 O pc สังเกตอาการปวดท้อง ท้องเสีย
        3. แนะนำการมาตรวจตามนัด นัดตัดไหมอีก 2 อาทิตย์ เพื่อติดตามการรักษาต่อเนื่อง
        4. แนะนำญาติดูแลช่วยเหลือกิจวัตรประจำวันและระมัดระวังการหกล้ม
        5 การออกกำลังกายกล้ามเนื้อขาทั้ง 2 ข้างให้แข็งแรงเพื่อให้การเดินหลังผ่าตัดดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว โดยการเหยียดขาตรงเกร็งกล้ามเนื้อต้นขา กระดกข้อเท้าทั้ง 2 ข้างขึ้นลงได้บ่อยๆ ทำท่าละ 10 ครั้ง ควรบริหารครั้งละ 10 – 15 นาที
        6. แนะนำอาหารที่ช่วยส่งเสริมการหายของแผล เช่น นม ไข่ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะข้ามป้อม ฝรั่ง ลิ้นจี่ และแนะนำอาหารการส่งเสริมแคลเซียม คือ จำพวกผักใบเขียว ได้แก่ บล็อกโคลี่ ผักกาดเขียว ผักกวางตุ้ง คะน้า แขนงผัก และดอกกระหล่ำ นมหรือผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ ตับ เพื่อให้ส่งเสริมการหายของแผลและส่งเสริมสร้างกระดูก